‘ม็อบ’ปิดถนน-รถไฟ คนชะอวดโวยยุติแล้ว ที่เหลือคนนอกพื้นที่ ตร.ยืนยันไม่ใช้กำลัง
ความจริงปรากฏ ชาวชะอวดสุดทนร่อนแถลงการณ์ให้ม็อบสวนยางยุติการชุมนุมปิดถนน-ปิดทางรถไฟสายใต้จนส่งผลให้ด้ามขวานเป็นอัมพาต หลังแกนนำยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลที่ประกันราคายาง กก.ละ 80 บาท ยันพวกที่ยังชุมนุมอยู่เป็นคนจากนอกพื้นที่ วอนหยุดสร้างความเดือดร้อนก่อนเจอตอบโต้หนัก ผู้ว่าฯเมืองคอนยื่นร้องศาลขอคำสั่งบังคับคืนพื้นที่ชุมนุม ขณะที่ศาลออกหมายจับแกนนำปิดถนนเพิ่มอีก 6 คน โฆษก ตร.ชี้ม็อบเหลือหลักร้อย ย้ำตำรวจไม่ใช้กำลังสลายแน่ จ่อหากรุนแรงเตรียมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเข้าคุมสถานการณ์ ผู้ประกอบการโวยขนส่งไม่ได้สินค้าเสียหายยับนับ 100 ล้านบาท ด้านนายกฯปู วอนคนนอกอย่าผสมโรง เร่งให้ ก.เกษตรฯ หาทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว สั่ง ธ.ก.ส.จ่ายค่าปุ๋ยอุ้มชาวสวนยางแล้ว
กลายเป็นเกมการเมืองจนได้ กรณีม็อบชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันภาคใต้หลายร้อยคน ชุมนุมปิดถนนสายเอเชีย 41 ทั้งขาขึ้นและขาล่อง บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคายางพาราและปาล์ม ส่งผลการจราจรลงภาคใต้เป็นอัมพาต และขู่จะระดมชาวสวนยางทั้ง 4 ภาคปิดถนนสายหลักทั่วประเทศในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ต่อมานายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนไปเจรจากับแกนนำจนได้ ข้อสรุปว่า รัฐจะประกันราคายางแผ่นในราคา 80 บาท/กก. ซึ่งกลุ่มแกนนำในพื้นที่ยอมรับข้อเสนอ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจากนอกพื้นที่ยังไม่พอใจ เคลื่อนพลไปปิดทางรถไฟบ้านตูน อ.ชะอวด ส่งผลให้การเดินรถไฟสายใต้หยุดชะงักลง โดยฝ่ายรัฐบาลอ้างมีนักการเมืองอักษรย่อ “ส.” เป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังม็อบเพื่อหวังล้มรัฐบาล ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้านออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้ปลุกระดมม็อบ แต่ที่เข้าร่วมเพราะต้องยืนเคียงข้างประชาชน
แกนนำยันไม่ใช่ม็อบการเมือง
ความคืบหน้าสถานการณ์ม็อบสวนยาง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ส.ค. บริเวณสถานที่ชุมนุมปิดถนนที่บ้านควนหนองหงส์ ยังคงมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวที เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางและราคาปาล์มที่ตกต่ำอย่างจริงจัง โดยการปราศรัยระบุว่า ทางการและพรรคการเมืองพรรคใหญ่ พยายามชักจูงแกนนำบางส่วนไปเป็นพวก เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้ชุมนุมมีความแตกแยก แต่ข้อเท็จจริงแล้วผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังสามัคคี มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันคือรับไม่ได้กับราคายาง 80 บาท/กก. และยังชี้นำให้เห็นว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่เกษตรกรในพื้นที่ ทั้งที่ความจริงแล้ว ผู้ชุมนุมคือชาวสวนยางใน จ.นครศรีธรรมราช ที่เดือดร้อน รวมถึงเกษตรกรจากจังหวัดอื่นๆที่เดือดร้อนก็มาร่วมด้วย ยืนยันว่าไม่ใช่ม็อบการเมือง แม้จะมี ส.ส.ในพื้นที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจม็อบ แต่ไม่ใช่ม็อบที่จัดตั้งจากนักการเมือง เป็นม็อบชาวบ้านตัวจริงเสียงจริง และจะขอปักหลักสู้จนถึงที่สุด
เพิ่มรถพ่วง 3 คันขวางทางรถไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในม็อบ กลุ่มผู้ชุมนุมต่างแบ่งหน้าที่กันทำงาน คนหนุ่มสาวทำหน้าที่เป็นการ์ดคุมเชิงโดยรอบๆ พร้อมดูแลเรื่องความปลอดภัย ผู้หญิงทำหน้าที่ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ชุมนุม คอยดูแลเรื่องการเจ็บป่วยและสุขภาพ ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ทำหน้าที่ขนข้าวของจำเป็นที่ต้องใช้ ขณะที่อีกกลุ่มคอยเช็กตรวจสอบข่าวสารจากสื่อต่างๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้บริจาคอาหารสำเร็จรูป วัตถุดิบในการปรุงอาหาร น้ำ ผลไม้ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการนำป้ายผ้ามีข้อความต่อต้านรัฐบาล และข้อความเรียกร้องให้มีการชุมนุมต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะประสบผลสำเร็จ ส่วนที่บริเวณถนนพาดรถไฟ ท้องที่หมู่ 2 ต.บ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ มาจอดขวางทางรถไฟอีก 3 คัน และจอดขวางปิดถนนสายบ่อล้อ-ควนหนองหงส์ เพิ่มขึ้นอีก 2 คัน ทำให้การคมนาคมในเส้นทางดังกล่าว ทั้งทางรถยนต์และทางรถไฟ ถูกตัดขาดสิ้นเชิง
ผู้นำในพื้นที่รับได้ยาง 80 บ./กก.
ที่เทศบาลตำบลชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นางเพ็ญศรี ทองบุญชู กำนัน ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด และเป็นประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.ชะอวด พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ชุมทอง กำนัน ต.ขอนหาด อ.ชะอวด นายสุชาติ กิตติศักดิ์ กำนัน ต.นาหมอบุญ จ.ส.อ.สมเกียรติ วังบุญคง นายก อบต.นาหมอบุญ ร่วมกันแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยนางเพ็ญศรีกล่าวว่า ขอเรียนให้สื่อมวลชนทราบว่าการชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มใน อ.ชะอวด ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.จนถึงบัดนี้ได้ยุติลงแล้ว หลังตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งไปพบปะพูดคุยกับนายสุภรณ์ อัตถากรณ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลตกลงรับข้อเสนอซื้อยางพาราในราคา 80 บาท/กก. เศษยางหรือขี้ยาง 40 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน 4 บาท/กก. กลุ่มผู้ประท้วงเห็นว่าเป็นราคาที่รับได้ในขณะนี้
ปัดรับเงินรัฐบาลมาเลิกม็อบ
“ปรากฏว่าหลังจากที่ตกลงกันแล้ว กลุ่มตัวแทนผู้ชุมนุมไปขึ้นเวทีเพื่อเรียนให้ผู้ชุมนุมทราบ ปรากฏว่าผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเห็นด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งยังไม่เห็นด้วย และยังมีการพูดจาใส่ร้ายในทำนองว่ากลุ่มตัวแทนที่เข้าไปพบปะพูดคุยกับนายสุภรณ์ เป็นพวกรัฐบาล และได้รับเงินมาด้วยก้อนหนึ่ง ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่ได้เป็นพวกใคร ยืนอยู่ตรงกลาง เป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องชาวชะอวด จึงขอให้พ่อแม่พี่น้องมั่นใจและวางใจในพวกเราที่เข้าไปพูดคุย ที่พวกตนอยากให้ยุติเร็วๆเพราะไม่อยากเห็นพ่อแม่พี่น้องที่ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนหนักไปกว่านี้” นางเพ็ญศรีกล่าว
ชาวชะอวดฮึ่มไล่คนนอกพื้นที่
ขณะที่นายสมบูรณ์ ชุมทอง นายสุชาติ กิตติศักดิ์ และ จ.ส.อ.สมเกียรติ วังบุญคง ต่างกล่าวในลักษณะคล้ายๆกันว่า พวกเราเป็นชาวอำเภอชะอวดโดยแท้จริง รักอำเภอชะอวด ไม่อยากให้อำเภอชะอวด ถูกย่ำยีมากไปกว่านี้ พวกเราขอเรียนย้ำว่า ขณะนี้ผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นชาวอำเภอชะอวดหยุดประท้วงแล้ว ส่วนพวกที่ยังชุมนุมประท้วงอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นที่สี่แยกควนหนองหงส์ ตลาดบ้านตูน และที่ปิดกั้นทางรถไฟ ไม่ใช่พวกเราอย่างแน่นอน พวกเราขอร้องให้ผู้ที่ยังชุมนุมหยุดการชุมนุมประท้วงแล้วกลับบ้านไป หากพวกท่านยังดื้อไม่ยอมฟัง พวกเราชาวอำเภอชะอวดจะไม่ทนให้ใครมาย่ำยีบ้านเกิดอีกต่อไป และจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดแน่นอน
กลุ่มชะอวดรักสงบแถลงการณ์
ขณะเดียวกันนี้ได้มีแถลงการณ์อ้างว่าเป็นชาวอำเภอชะอวด ออกแจกจ่ายไปทั่วมีใจความว่า “ตามที่ได้เกิดการชุมนุม ในพื้นที่ อ.ชะอวด เนื่องจากความเดือดร้อนของชาวเกษตรกรชาวสวนยางพารา และสวนปาล์ม ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ปรากฏว่าพวกเราได้รับการยืนยันให้การช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว แต่วันนี้ยังมีคนจากต่างพื้นที่เข้ามาชุมนุมปิดถนน จุดบ้านตูน และควนหนองหงส์ ทำให้พวกเราเดือดร้อน จึงขอให้หยุดการปิดเส้นทางจราจรตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นพวกเราจะระดมพี่น้องชาวอำเภอชะอวดขับไล่ออกจาก อ.ชะอวด ลงชื่อ กลุ่มชะอวดรักสงบ” ด้าน พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งยังคงดูแลความสงบอยู่รอบๆ บริเวณที่ชุมนุมทั้ง 3 จุด คือสี่แยกบ้านหนองหงส์ ทางเข้าตลาดบ้านตูน และที่รางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟบ้านตูน กับสถานีรถไฟชะอวด
ยื่นศาลขอคำสั่งคืนพื้นที่ชุมนุม
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้มอบอำนาจให้นายอรุณ รสจันทร์วงศ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครศรีธรรมราช ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อไต่สวนฉุกเฉิน และขอคำสั่งศาลเพื่อขอบังคับคืนพื้นที่สาธารณะ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนน และปิดเส้นทางเดินรถไฟ คือที่สี่แยกควนหนองหงส์ ต.ควนหนองหงส์ และถนนพาดรถไฟ ต.บ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยเตรียมความพร้อมตรึงกำลังตำรวจจากจังหวัดภาคใต้ตอนบน ในพื้นที่รับผิดชอบภูธรภาค 8 ซึ่งนำกำลังกองร้อยปราบจลาจลเข้าพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอคำสั่งปฏิบัติการ ทั้งนี้ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจในสังกัดเพื่อสรุปข้อมูลและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน เร่งทำสำนวนขออนุมัติหมายจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างน้อย 5 ราย
โฆษก ตร.อ้างม็อบเหลือบางตา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการปิดการจราจร 2 จุด เป็นเส้นทางสายเอเชีย บริเวณแยกควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช มีมวลชนประมาณ 300 คน อีกจุดเป็นจุดตัดทั้งทางถนนและทางรถไฟ บริเวณแยกบ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มีมวลชนประมาณ 150 คน ทั้ง 2 จุดใช้รถเทรเลอร์ขนาดใหญ่ปิดกั้น ทำให้ขบวนรถไฟสายยาวจากกรุงเทพฯไปยังภาคใต้ จำนวน 10 ขบวนต่อวันไม่สามารถเดินทางได้ มีผู้รอการเดินทางไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน นอกจากนั้นยังส่งผลถึงรถไฟขบวนท้องถิ่นที่วิ่งระหว่างจังหวัดอีก 6 ขบวนต่อวัน มีผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยกว่า 5,000คน ส่วนทางรถยนต์ต้องใช้เส้นทางอ้อมทั้งขาขึ้นและขาล่องต้องอ้อมไม่น้อยกว่า 100 กม. ขณะเดียวกันการขนส่งสินค้าต่างๆยังได้รับความเสียหาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thairath.co.th/content/newspaper/366258
ภาคใต้อัมพาต สินค้าติดแหง็ก-เสียหายยับ
ความจริงปรากฏ ชาวชะอวดสุดทนร่อนแถลงการณ์ให้ม็อบสวนยางยุติการชุมนุมปิดถนน-ปิดทางรถไฟสายใต้จนส่งผลให้ด้ามขวานเป็นอัมพาต หลังแกนนำยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลที่ประกันราคายาง กก.ละ 80 บาท ยันพวกที่ยังชุมนุมอยู่เป็นคนจากนอกพื้นที่ วอนหยุดสร้างความเดือดร้อนก่อนเจอตอบโต้หนัก ผู้ว่าฯเมืองคอนยื่นร้องศาลขอคำสั่งบังคับคืนพื้นที่ชุมนุม ขณะที่ศาลออกหมายจับแกนนำปิดถนนเพิ่มอีก 6 คน โฆษก ตร.ชี้ม็อบเหลือหลักร้อย ย้ำตำรวจไม่ใช้กำลังสลายแน่ จ่อหากรุนแรงเตรียมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเข้าคุมสถานการณ์ ผู้ประกอบการโวยขนส่งไม่ได้สินค้าเสียหายยับนับ 100 ล้านบาท ด้านนายกฯปู วอนคนนอกอย่าผสมโรง เร่งให้ ก.เกษตรฯ หาทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว สั่ง ธ.ก.ส.จ่ายค่าปุ๋ยอุ้มชาวสวนยางแล้ว
กลายเป็นเกมการเมืองจนได้ กรณีม็อบชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันภาคใต้หลายร้อยคน ชุมนุมปิดถนนสายเอเชีย 41 ทั้งขาขึ้นและขาล่อง บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคายางพาราและปาล์ม ส่งผลการจราจรลงภาคใต้เป็นอัมพาต และขู่จะระดมชาวสวนยางทั้ง 4 ภาคปิดถนนสายหลักทั่วประเทศในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ต่อมานายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนไปเจรจากับแกนนำจนได้ ข้อสรุปว่า รัฐจะประกันราคายางแผ่นในราคา 80 บาท/กก. ซึ่งกลุ่มแกนนำในพื้นที่ยอมรับข้อเสนอ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจากนอกพื้นที่ยังไม่พอใจ เคลื่อนพลไปปิดทางรถไฟบ้านตูน อ.ชะอวด ส่งผลให้การเดินรถไฟสายใต้หยุดชะงักลง โดยฝ่ายรัฐบาลอ้างมีนักการเมืองอักษรย่อ “ส.” เป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังม็อบเพื่อหวังล้มรัฐบาล ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้านออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้ปลุกระดมม็อบ แต่ที่เข้าร่วมเพราะต้องยืนเคียงข้างประชาชน
แกนนำยันไม่ใช่ม็อบการเมือง
ความคืบหน้าสถานการณ์ม็อบสวนยาง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ส.ค. บริเวณสถานที่ชุมนุมปิดถนนที่บ้านควนหนองหงส์ ยังคงมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวที เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางและราคาปาล์มที่ตกต่ำอย่างจริงจัง โดยการปราศรัยระบุว่า ทางการและพรรคการเมืองพรรคใหญ่ พยายามชักจูงแกนนำบางส่วนไปเป็นพวก เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้ชุมนุมมีความแตกแยก แต่ข้อเท็จจริงแล้วผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังสามัคคี มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันคือรับไม่ได้กับราคายาง 80 บาท/กก. และยังชี้นำให้เห็นว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่เกษตรกรในพื้นที่ ทั้งที่ความจริงแล้ว ผู้ชุมนุมคือชาวสวนยางใน จ.นครศรีธรรมราช ที่เดือดร้อน รวมถึงเกษตรกรจากจังหวัดอื่นๆที่เดือดร้อนก็มาร่วมด้วย ยืนยันว่าไม่ใช่ม็อบการเมือง แม้จะมี ส.ส.ในพื้นที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจม็อบ แต่ไม่ใช่ม็อบที่จัดตั้งจากนักการเมือง เป็นม็อบชาวบ้านตัวจริงเสียงจริง และจะขอปักหลักสู้จนถึงที่สุด
เพิ่มรถพ่วง 3 คันขวางทางรถไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในม็อบ กลุ่มผู้ชุมนุมต่างแบ่งหน้าที่กันทำงาน คนหนุ่มสาวทำหน้าที่เป็นการ์ดคุมเชิงโดยรอบๆ พร้อมดูแลเรื่องความปลอดภัย ผู้หญิงทำหน้าที่ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ชุมนุม คอยดูแลเรื่องการเจ็บป่วยและสุขภาพ ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ทำหน้าที่ขนข้าวของจำเป็นที่ต้องใช้ ขณะที่อีกกลุ่มคอยเช็กตรวจสอบข่าวสารจากสื่อต่างๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้บริจาคอาหารสำเร็จรูป วัตถุดิบในการปรุงอาหาร น้ำ ผลไม้ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการนำป้ายผ้ามีข้อความต่อต้านรัฐบาล และข้อความเรียกร้องให้มีการชุมนุมต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะประสบผลสำเร็จ ส่วนที่บริเวณถนนพาดรถไฟ ท้องที่หมู่ 2 ต.บ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ มาจอดขวางทางรถไฟอีก 3 คัน และจอดขวางปิดถนนสายบ่อล้อ-ควนหนองหงส์ เพิ่มขึ้นอีก 2 คัน ทำให้การคมนาคมในเส้นทางดังกล่าว ทั้งทางรถยนต์และทางรถไฟ ถูกตัดขาดสิ้นเชิง
ผู้นำในพื้นที่รับได้ยาง 80 บ./กก.
ที่เทศบาลตำบลชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นางเพ็ญศรี ทองบุญชู กำนัน ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด และเป็นประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.ชะอวด พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ชุมทอง กำนัน ต.ขอนหาด อ.ชะอวด นายสุชาติ กิตติศักดิ์ กำนัน ต.นาหมอบุญ จ.ส.อ.สมเกียรติ วังบุญคง นายก อบต.นาหมอบุญ ร่วมกันแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยนางเพ็ญศรีกล่าวว่า ขอเรียนให้สื่อมวลชนทราบว่าการชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มใน อ.ชะอวด ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.จนถึงบัดนี้ได้ยุติลงแล้ว หลังตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งไปพบปะพูดคุยกับนายสุภรณ์ อัตถากรณ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลตกลงรับข้อเสนอซื้อยางพาราในราคา 80 บาท/กก. เศษยางหรือขี้ยาง 40 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน 4 บาท/กก. กลุ่มผู้ประท้วงเห็นว่าเป็นราคาที่รับได้ในขณะนี้
ปัดรับเงินรัฐบาลมาเลิกม็อบ
“ปรากฏว่าหลังจากที่ตกลงกันแล้ว กลุ่มตัวแทนผู้ชุมนุมไปขึ้นเวทีเพื่อเรียนให้ผู้ชุมนุมทราบ ปรากฏว่าผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเห็นด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งยังไม่เห็นด้วย และยังมีการพูดจาใส่ร้ายในทำนองว่ากลุ่มตัวแทนที่เข้าไปพบปะพูดคุยกับนายสุภรณ์ เป็นพวกรัฐบาล และได้รับเงินมาด้วยก้อนหนึ่ง ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่ได้เป็นพวกใคร ยืนอยู่ตรงกลาง เป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องชาวชะอวด จึงขอให้พ่อแม่พี่น้องมั่นใจและวางใจในพวกเราที่เข้าไปพูดคุย ที่พวกตนอยากให้ยุติเร็วๆเพราะไม่อยากเห็นพ่อแม่พี่น้องที่ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนหนักไปกว่านี้” นางเพ็ญศรีกล่าว
ชาวชะอวดฮึ่มไล่คนนอกพื้นที่
ขณะที่นายสมบูรณ์ ชุมทอง นายสุชาติ กิตติศักดิ์ และ จ.ส.อ.สมเกียรติ วังบุญคง ต่างกล่าวในลักษณะคล้ายๆกันว่า พวกเราเป็นชาวอำเภอชะอวดโดยแท้จริง รักอำเภอชะอวด ไม่อยากให้อำเภอชะอวด ถูกย่ำยีมากไปกว่านี้ พวกเราขอเรียนย้ำว่า ขณะนี้ผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นชาวอำเภอชะอวดหยุดประท้วงแล้ว ส่วนพวกที่ยังชุมนุมประท้วงอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นที่สี่แยกควนหนองหงส์ ตลาดบ้านตูน และที่ปิดกั้นทางรถไฟ ไม่ใช่พวกเราอย่างแน่นอน พวกเราขอร้องให้ผู้ที่ยังชุมนุมหยุดการชุมนุมประท้วงแล้วกลับบ้านไป หากพวกท่านยังดื้อไม่ยอมฟัง พวกเราชาวอำเภอชะอวดจะไม่ทนให้ใครมาย่ำยีบ้านเกิดอีกต่อไป และจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดแน่นอน
กลุ่มชะอวดรักสงบแถลงการณ์
ขณะเดียวกันนี้ได้มีแถลงการณ์อ้างว่าเป็นชาวอำเภอชะอวด ออกแจกจ่ายไปทั่วมีใจความว่า “ตามที่ได้เกิดการชุมนุม ในพื้นที่ อ.ชะอวด เนื่องจากความเดือดร้อนของชาวเกษตรกรชาวสวนยางพารา และสวนปาล์ม ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ปรากฏว่าพวกเราได้รับการยืนยันให้การช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว แต่วันนี้ยังมีคนจากต่างพื้นที่เข้ามาชุมนุมปิดถนน จุดบ้านตูน และควนหนองหงส์ ทำให้พวกเราเดือดร้อน จึงขอให้หยุดการปิดเส้นทางจราจรตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นพวกเราจะระดมพี่น้องชาวอำเภอชะอวดขับไล่ออกจาก อ.ชะอวด ลงชื่อ กลุ่มชะอวดรักสงบ” ด้าน พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งยังคงดูแลความสงบอยู่รอบๆ บริเวณที่ชุมนุมทั้ง 3 จุด คือสี่แยกบ้านหนองหงส์ ทางเข้าตลาดบ้านตูน และที่รางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟบ้านตูน กับสถานีรถไฟชะอวด
ยื่นศาลขอคำสั่งคืนพื้นที่ชุมนุม
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้มอบอำนาจให้นายอรุณ รสจันทร์วงศ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครศรีธรรมราช ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อไต่สวนฉุกเฉิน และขอคำสั่งศาลเพื่อขอบังคับคืนพื้นที่สาธารณะ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนน และปิดเส้นทางเดินรถไฟ คือที่สี่แยกควนหนองหงส์ ต.ควนหนองหงส์ และถนนพาดรถไฟ ต.บ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยเตรียมความพร้อมตรึงกำลังตำรวจจากจังหวัดภาคใต้ตอนบน ในพื้นที่รับผิดชอบภูธรภาค 8 ซึ่งนำกำลังกองร้อยปราบจลาจลเข้าพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอคำสั่งปฏิบัติการ ทั้งนี้ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจในสังกัดเพื่อสรุปข้อมูลและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน เร่งทำสำนวนขออนุมัติหมายจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างน้อย 5 ราย
โฆษก ตร.อ้างม็อบเหลือบางตา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการปิดการจราจร 2 จุด เป็นเส้นทางสายเอเชีย บริเวณแยกควนหนองหงส์ จ.นครศรีธรรมราช มีมวลชนประมาณ 300 คน อีกจุดเป็นจุดตัดทั้งทางถนนและทางรถไฟ บริเวณแยกบ้านตูน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มีมวลชนประมาณ 150 คน ทั้ง 2 จุดใช้รถเทรเลอร์ขนาดใหญ่ปิดกั้น ทำให้ขบวนรถไฟสายยาวจากกรุงเทพฯไปยังภาคใต้ จำนวน 10 ขบวนต่อวันไม่สามารถเดินทางได้ มีผู้รอการเดินทางไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน นอกจากนั้นยังส่งผลถึงรถไฟขบวนท้องถิ่นที่วิ่งระหว่างจังหวัดอีก 6 ขบวนต่อวัน มีผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยกว่า 5,000คน ส่วนทางรถยนต์ต้องใช้เส้นทางอ้อมทั้งขาขึ้นและขาล่องต้องอ้อมไม่น้อยกว่า 100 กม. ขณะเดียวกันการขนส่งสินค้าต่างๆยังได้รับความเสียหาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thairath.co.th/content/newspaper/366258