ตอนสมัยเด็ก คนรุ่นผมยังไม่มีวีซีดี มีแต่วิดิโอที่ราคายังค่อนข้างสูง คนในยุคนั้นตกสองทุ่มก็ต้องนั่งล้อมวงดูละครกัน ยูทูบอะไรก็ไม่มี เท่าที่จำได้เริ่มๆก็จะมีช่อง 7 ดังมาก่อน อย่างลอดลายมังกร คือหัตถาครองภิภพ สายโลหิต เนื้อเรื่องอะไรจำไม่ค่อยได้แล้ว ส่วนใหญ่จำได้แต่เพลง สมัยประถมที่ร็อคมากคือเรื่องศรีษะมาร เป็นทอล์คออฟเดอะคลาสในความคัลท์ ยิ่งช่วงนั้นพีซียุคแรกๆเล่นเกม prince of persia ยังเอามุกศรีษะมารมาเล่นในเกมเลย
แต่ที่จำได้แม่นเลยคือเรื่อง หวานมันฉันคือเธอ นำแสดงโดยต่ายสายธาร กับเคิร์กโรลิง พล็อตแบบเจ๋งมาก(ยุคนั้น) ประมาณหนังเรื่อง freaky friday แล้วก็มีวลีเด็ดในเรื่องคือ "จักรเป็นแต๋ว แก้วเป็นทอม" ยังจำได้มีฉากที่ดูอวองการ์ดสำหรับละครไทยยุคนั้นคือ เคิร์กโรลิงพาต่ายสายธารไปซื้อผ้าอนามัย เพราะต่างฝ่ายต่างสลับร่างกันแล้ว ต้องใช้ชีวิตในเพศสภาพที่ไม่คุ้นเคย
พอมาช่องสาม เรื่องแรกๆที่ได้ดูน่าจะเป็น นางอาย ชอบมาก อารมณ์นักเรียนหญิงคอนแวนต์ แล้วมีซิสเตอร์เป็นตัวละครประกอบ ไตเติลซีเควนซ์ก็ร้องกึ่งๆเพลงสวดของคริสต์ ด้วยความที่เรียนโรงเรียนคริสต์เหมือนกัน เลยเ้ข้าใจฟีลต่างๆในหนัง ถึงแม่จะเป็นโรงเรียนสห และไม่ได้อยู่หอก็ตาม แล้วละครก็เป็นแบบหวานๆชิลๆ ป๊อบปี้เลิฟ
แล้วก็มาเป็นยุคทองของช่องสาม มีค่ายยูม่า รู้สึกจะเปิดตัวด้วยเรื่องโปลิศจับขโมย เห็นดังมากเพราะเพื่อนที่โรงเรียนยังเอามาเล่นกันตอนพักเที่ยง (แต่ผมไม่เคยดู) แล้วก็จะมีเรื่อง เกียรติยศ กบฎรัก เป็นเรื่องความรักสามเส้ากับการปฏิวัติอะไรซักอย่าง แล้วตอนจบพี่จ๊อบนิธีเท่มาก ไม่รักใครอีกเลยหลังจากการสูญเสียนางเอก
ต่อมาก็ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกัน พล็อตโคตรดิบ หนังฟิล์มนัวร์ชัดๆ หญิงร้ายชายชั่ว ตัวละครสีเทา โจรมีคุณธรรม ตำรวจคอรัปชั่น และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เงิน (ตัวแทนของความโลภโมโทสันของมนุษย์ทั้งหลาย) มีซีนที่เหมือนหนังคลาสสิคเรื่องนึง ที่ตัวละครยืนประจันหน้ากันในป่าแล้วยิงกระสุนปืนสวนกัน
คนของแผ่นดิน ละครเนื้อดี ดนตรีแบบภารตะ เหมือนพล็อตเอาแรงบันดาลใจมากจากชีวิตคานธี ฉากไคล์แมกซ์ที่ติดตามาก คือหน่อยบุษกร เดินมุ่งหน้าไปสู่การเรียกร้องความเป็นธรรม แล้วชาวบ้านร่วมเดินขบวนข้างๆ โดนยิงร่วงไปทีละคน เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ อีพิคสุดๆ
แล้วก็มาเป็นยุคละครของพี่วินัยปฐมบูรณ์ ที่เป็นคนในวงการหนังมาก่อน แล้วก็มาจับเรื่องในหนังมาทำเป็นละคร เช่น เทวดาเดินดิน มือปืน ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไร ดูไปก็รู้สึกว่า ทำไมเรื่องพวกนี้ ถ่ายภาพเก๋จัง ตอนหลังมาเรียนถึงรู้ว่าเขาถ่ายแบบเฟรมหนัง อย่างมือปืนที่อำพลเล่น ก็มีช็อตที่ถ่ายจากเพดาน แล้วจัดแสงแบบหนังเลย ส่วนเทวดาเดินดิน เนื้อหาก็หนักมาก คนสี่คนที่ชะตาชีวิตพลิกผันมาให้เป็นโจร แล้วสื่อก็ประโคมข่าวเหมือนกับว่าเป็นคนดัง ราวกับ bonnie and clyde แล้วดีเทลชีวิตตัวละครอื่นก็สาหัสมาก ถ้าจำไม่ผิดมีตัวละครพี่สาวนางเอกที่เป็นโสเภณีแล้วโดนรุมข่มขืนด้วย
แล้วก็มาพีคสุดเรื่อง เจ้ากรรมนายเวร น่ากลัวมาก ไม่ได้กลัวแบบ horror แต่ terrific แบบกลัวเรื่องบาปกรรมขึ้นสมองเลย เรื่องความเชื่อโบราณ ที่เอาคนชื่อ อิน จัน มั่น คง อยู่ ดี ไปฝังที่เสาหลักเมือง โหดสุดๆ เด็กวัยรุ่นยุคนั้นดูแล้วโคตรช็อก ไหงละครทีวีเนื้อหามันหนักสมองได้ ขนาดนั้น แล้วซีนกรรมตามทันต่างๆ ก็ไม่บันยะบันยังเลย เอาให้เห็นแบบดิบๆเรียลๆ หลอนไปเลย
หลังจากนั้นมาก็เริ่มเข้ามอปลาย มีวีซีดี ละครก็เริ่มไม่น่าสนใจ พอเข้ามหาลัย มีดีวีดีอีก เลิกดูเลยคราวนี้ ยิ่งพอมียูทูบอีก จบ ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแทบไม่ค่อยได้แตะรายการทีวี กลับมาย้อนดูละครสมัยนี้ ยิ่งรู้สึกจูนไม่ติดเลย ทำไมมันน่าเบื่อจืดชืดได้ขนาดนี้ เนื้อหาย่ำอยู่กับที่ พูดตรงๆเลยว่า สู้ยุคก่อนไม่ได้ โปรดัคชั่นอาจดูดีขึ้น แต่ตัวบท ความลุ่มลึกของเนื้อหา ความพิถีพิถันในการเลือกตัวแสดง เมื่อก่อนนี้ฝีมือจริงๆ เดี๋ยวนี้เน้นแต่หน้าตา มาเร็วไปเร็ว น่าเสียดายมาก วันก่อนดูละครยูม่าแล้วรู้สึกอาลัยความดีงามที่สร้างสมมาในยุคก่อน เศร้ามาก เหมือนผู้บริหารทีวี แต่ละช่องเดี๋ยวนี้เค้ามองกันแต่เรตติ้งหรือยังไง เหมือนไม่ใส่ในเนื้อหาและความหลากหลายของละครอีกต่อไปแล้ว
กระทู้แชร์ความประทับใจละครสมัยก่อน เหมือนสมัยนี้ไม่มีละครแอ็คชั่นดราม่าดีๆแบบนั้นให้ดูเลย
แต่ที่จำได้แม่นเลยคือเรื่อง หวานมันฉันคือเธอ นำแสดงโดยต่ายสายธาร กับเคิร์กโรลิง พล็อตแบบเจ๋งมาก(ยุคนั้น) ประมาณหนังเรื่อง freaky friday แล้วก็มีวลีเด็ดในเรื่องคือ "จักรเป็นแต๋ว แก้วเป็นทอม" ยังจำได้มีฉากที่ดูอวองการ์ดสำหรับละครไทยยุคนั้นคือ เคิร์กโรลิงพาต่ายสายธารไปซื้อผ้าอนามัย เพราะต่างฝ่ายต่างสลับร่างกันแล้ว ต้องใช้ชีวิตในเพศสภาพที่ไม่คุ้นเคย
พอมาช่องสาม เรื่องแรกๆที่ได้ดูน่าจะเป็น นางอาย ชอบมาก อารมณ์นักเรียนหญิงคอนแวนต์ แล้วมีซิสเตอร์เป็นตัวละครประกอบ ไตเติลซีเควนซ์ก็ร้องกึ่งๆเพลงสวดของคริสต์ ด้วยความที่เรียนโรงเรียนคริสต์เหมือนกัน เลยเ้ข้าใจฟีลต่างๆในหนัง ถึงแม่จะเป็นโรงเรียนสห และไม่ได้อยู่หอก็ตาม แล้วละครก็เป็นแบบหวานๆชิลๆ ป๊อบปี้เลิฟ
แล้วก็มาเป็นยุคทองของช่องสาม มีค่ายยูม่า รู้สึกจะเปิดตัวด้วยเรื่องโปลิศจับขโมย เห็นดังมากเพราะเพื่อนที่โรงเรียนยังเอามาเล่นกันตอนพักเที่ยง (แต่ผมไม่เคยดู) แล้วก็จะมีเรื่อง เกียรติยศ กบฎรัก เป็นเรื่องความรักสามเส้ากับการปฏิวัติอะไรซักอย่าง แล้วตอนจบพี่จ๊อบนิธีเท่มาก ไม่รักใครอีกเลยหลังจากการสูญเสียนางเอก
ต่อมาก็ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกัน พล็อตโคตรดิบ หนังฟิล์มนัวร์ชัดๆ หญิงร้ายชายชั่ว ตัวละครสีเทา โจรมีคุณธรรม ตำรวจคอรัปชั่น และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เงิน (ตัวแทนของความโลภโมโทสันของมนุษย์ทั้งหลาย) มีซีนที่เหมือนหนังคลาสสิคเรื่องนึง ที่ตัวละครยืนประจันหน้ากันในป่าแล้วยิงกระสุนปืนสวนกัน
คนของแผ่นดิน ละครเนื้อดี ดนตรีแบบภารตะ เหมือนพล็อตเอาแรงบันดาลใจมากจากชีวิตคานธี ฉากไคล์แมกซ์ที่ติดตามาก คือหน่อยบุษกร เดินมุ่งหน้าไปสู่การเรียกร้องความเป็นธรรม แล้วชาวบ้านร่วมเดินขบวนข้างๆ โดนยิงร่วงไปทีละคน เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ อีพิคสุดๆ
แล้วก็มาเป็นยุคละครของพี่วินัยปฐมบูรณ์ ที่เป็นคนในวงการหนังมาก่อน แล้วก็มาจับเรื่องในหนังมาทำเป็นละคร เช่น เทวดาเดินดิน มือปืน ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไร ดูไปก็รู้สึกว่า ทำไมเรื่องพวกนี้ ถ่ายภาพเก๋จัง ตอนหลังมาเรียนถึงรู้ว่าเขาถ่ายแบบเฟรมหนัง อย่างมือปืนที่อำพลเล่น ก็มีช็อตที่ถ่ายจากเพดาน แล้วจัดแสงแบบหนังเลย ส่วนเทวดาเดินดิน เนื้อหาก็หนักมาก คนสี่คนที่ชะตาชีวิตพลิกผันมาให้เป็นโจร แล้วสื่อก็ประโคมข่าวเหมือนกับว่าเป็นคนดัง ราวกับ bonnie and clyde แล้วดีเทลชีวิตตัวละครอื่นก็สาหัสมาก ถ้าจำไม่ผิดมีตัวละครพี่สาวนางเอกที่เป็นโสเภณีแล้วโดนรุมข่มขืนด้วย
แล้วก็มาพีคสุดเรื่อง เจ้ากรรมนายเวร น่ากลัวมาก ไม่ได้กลัวแบบ horror แต่ terrific แบบกลัวเรื่องบาปกรรมขึ้นสมองเลย เรื่องความเชื่อโบราณ ที่เอาคนชื่อ อิน จัน มั่น คง อยู่ ดี ไปฝังที่เสาหลักเมือง โหดสุดๆ เด็กวัยรุ่นยุคนั้นดูแล้วโคตรช็อก ไหงละครทีวีเนื้อหามันหนักสมองได้ ขนาดนั้น แล้วซีนกรรมตามทันต่างๆ ก็ไม่บันยะบันยังเลย เอาให้เห็นแบบดิบๆเรียลๆ หลอนไปเลย
หลังจากนั้นมาก็เริ่มเข้ามอปลาย มีวีซีดี ละครก็เริ่มไม่น่าสนใจ พอเข้ามหาลัย มีดีวีดีอีก เลิกดูเลยคราวนี้ ยิ่งพอมียูทูบอีก จบ ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแทบไม่ค่อยได้แตะรายการทีวี กลับมาย้อนดูละครสมัยนี้ ยิ่งรู้สึกจูนไม่ติดเลย ทำไมมันน่าเบื่อจืดชืดได้ขนาดนี้ เนื้อหาย่ำอยู่กับที่ พูดตรงๆเลยว่า สู้ยุคก่อนไม่ได้ โปรดัคชั่นอาจดูดีขึ้น แต่ตัวบท ความลุ่มลึกของเนื้อหา ความพิถีพิถันในการเลือกตัวแสดง เมื่อก่อนนี้ฝีมือจริงๆ เดี๋ยวนี้เน้นแต่หน้าตา มาเร็วไปเร็ว น่าเสียดายมาก วันก่อนดูละครยูม่าแล้วรู้สึกอาลัยความดีงามที่สร้างสมมาในยุคก่อน เศร้ามาก เหมือนผู้บริหารทีวี แต่ละช่องเดี๋ยวนี้เค้ามองกันแต่เรตติ้งหรือยังไง เหมือนไม่ใส่ในเนื้อหาและความหลากหลายของละครอีกต่อไปแล้ว