แฟนผมบอกตั้งแต่เห็นตัวอย่างหนังแวบแรก "พระเอกออกแนวเกาหลีจัง"
ซึ่งผมก็อดเห็นด้วยไม่ได้ คือกระแสเกาหลีไม่ได้ดังแค่ในเอเซียอะนะครับ ในอเมริกาก็แรงไม่แพ้กัน
หนังเรื่องนี้ประกอบขึ้นโดย มีพระเอกหล่อ(?)(ไม่รู้นะครับผู้ชายด้วยกันพูดยาก) นางเอกสวย(อันนี้สวยจริงน่ารักๆ)
นิยายดัง(ที่ดันไม่ดังในบ้านเราเท่าไหร่).....................หมดแล้ว.................
ผมว่าเจตนาคนทำ"Mortal instrument"ก็กะให้มันออกมากระตุ้นความ"ติ่ง"ในตัวเราคล้ายทไวไลท์นั่นแหละ
โดยส่วนตัวผมว่าการทำหนังจากหนังสือมันยากนะครับ
โดยเฉพาะการจะอัดหนังสือทั้งเล่มเข้าไปในหนังสองชั่วโมงนี้มันยากสุดๆ(ทำไมไม่ทำสามชั่วโมง)
อย่างแฮรี่ พอทเตอร์,ลอร์ดออฟเดอะริง มันมีรายละเอียดที่"พอจะตัดได้"เยอะอยู่ซึ่งถ้าใครอ่านหนังสือก็จะพบว่าจริงๆทั้งสองเรื่องตัดตอนสำคัญไปเยอะมาก
แอบวิจารณ์หนังจากหนังสือเรื่องอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แฮรี่ มันอ่านง่ายตัดง่ายอยู่มีฉากโชว์สิ่งมหัศจรรย์ที่แสดงในหนังแวบเดียวได้อยู่เยอะ(กระนั้นก็ยังขาดๆอะไรไปเยอะตอนเป็นหนัง) และคนทำแฮรี่ก็เสียเปรียบเพราะไม่ทราบว่าภาคถัดไปตัวไม่สำคัญจะสำคัญขึ้นมารึเปล่า?
ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ไม่ใช่นักอ่านตัวจริงอ่านไปหลับไปแน่นอนครับ เรื่องเยอะมาก ผมว่าเรื่องนี้ตัดตอนได้ดี คัดหัวกระทิมาให้คนไม่มีปัญญาอ่านหนังสือเกิน8บรรทัดมาดูได้ดีครบอรรถรสมาก (เลือกตัดตอนสำคัญที่พอทำใจได้ออกไปได้เนียนอยู่) แต่จริงๆได้เปรียบตรงมีตัวเด่นหลายตัวอะนะครับได้ตัวละนิดก็เป็นเรื่องราวแล้ว
ส่วนทไวไลท์เนี่ยผมว่ามันเป็นโรแมนติกมากกว่าเนื้อเรื่องนะครับตัดได้เยอะเลยแหละ แคปฉากโรแมนติกไว้เยอะๆก็พอ
ถึงไงมันก็ทำได้ยากนะครับ สำหรับคนไม่อ่านหนังสือ ไม่รักพระเอก(สุดหล่อ)บางภาคมันก็ไม่ไหวจริงๆ
หนังเรื่องนี้มีเจตนาชัดเจนว่าจะเป็น"ทไวไลท์"รุ่นถัดไปกระตุ้น"ติ่ง"ในตัวคุณ แต่เนื้อเรื่องมันเป็นแนวแฟนตาซีผจญภัยมากกว่า จะเป็นโรแมนติกแฟนตาซีอย่างที่ทไวไลท์เป็น แ่ต่การอัดเนื้อเรื่องอันซับซ้อนในสองชั่วโมงมันทำไม่รอดจริงๆ ขนาด"จันดารา"ที่เน้นฉากอีโรติกการอัดทุกอย่างในสองชั่วโมงยังถือว่าน้อยไปเลย(ใครเคยดูเมคเก่าจะรู้ว่ามันแน่นมาก ตัดทิ้งไปก็เยอะ)
ด้วยเหตุนี้หนังไม่สามารถแสดง ความเทพของตัวละครสำคัญเช่น ตัวร้าย แม่นางเอก ชาโดว์ฮันเตอร์เก่าแก่ในศูนย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไอ้ตัวที่ทรยศยังไม่ได้ดูมีความสำคัญอะไรเลย นอกจากทรยศแล้วก็ตาย เอิ้ว!!ออกมาได้ รวมถึงไม่สามารถบอกได้ว่า"สมบัติ"ที่ฝ่ายดี ฝ่ายร้าย แย่งกันมันทำอะไรได้กันแน่ ได้ไปแล้วจะวินาศยังไง? ทำให้อารมณ์ลุ้นอารมณ์ร่วมไม่ไม่ค่อยมีเอาซะเลย
ยังไม่นับว่า"city of bone"น่าจะเป็นภาคแรกที่แฝงปริศนาไปเฉลยในภาคต่อเยอะ จนไม่น่าจะหยิบเรื่องนี้มาทำเลยทีเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องพระเอกนา่งเอกอาจเป็นพี่น้องกัน มันเกินไปไหมที่จะต่องไปภาคหน้า และไม่ค่อยแสดงความเจ๋งของ"รูน"ในหนังเท่าไหร่เลย(เพราะเป็นภาคแรกด้วยนางเอกเลยยังไม่ทันเก่ง)
แต่จุดแข็งก็มีนะครับ หนังเรื่องนี้ถ่ายสวยมาก และเอฟเฟคดูดีทีเดียวแหละ (เจอจุดดีแล้วเย้)
จากที่ผมว่าคนสร้างคงกะให้คล้าย"แวมไพร์ ทไวไลท์"สูตรสร้างหนังเดียวกัน(พระเอกหล่อ นางเอกสวย นิยายดัง) ในเมื่อทำเนื้อเรื่องให้คนที่ไม่อ่านหนังสือดูไม่รู้เรื่อง เพราะงั้นเรื่องนี้จะรอดหรือร่วง ก็ต้องขึ้นอยู่กับพระเอกกับนางเอกนั่นแหละครับที่ว่าจะถูกใจมหาชนทั่วโลกพอรึเปล่า และแฟนหนังสือจะดันไปหรือไม่ ถึงผมจะวิจารณ์ว่าไม่ดีแต่จริงๆผมเอาใจช่วยนะครับเพราะผมก็อยากดูภาคสองเหมือนกัน เพราะเนื้อเรื่องภาคสองน่าจะดีกว่านี้มาก (แต่สงสัยจะไม่มีภาคต่อ)
[CR] Mortal instrument หนังฝรั่งสไตล์เกาหลี (แต่งานนี้ไม่น่ารอด) ทำนิยายเป็นหนังเลือกเรื่องหน่อยก็ดี
ซึ่งผมก็อดเห็นด้วยไม่ได้ คือกระแสเกาหลีไม่ได้ดังแค่ในเอเซียอะนะครับ ในอเมริกาก็แรงไม่แพ้กัน
หนังเรื่องนี้ประกอบขึ้นโดย มีพระเอกหล่อ(?)(ไม่รู้นะครับผู้ชายด้วยกันพูดยาก) นางเอกสวย(อันนี้สวยจริงน่ารักๆ)
นิยายดัง(ที่ดันไม่ดังในบ้านเราเท่าไหร่).....................หมดแล้ว.................
ผมว่าเจตนาคนทำ"Mortal instrument"ก็กะให้มันออกมากระตุ้นความ"ติ่ง"ในตัวเราคล้ายทไวไลท์นั่นแหละ
โดยส่วนตัวผมว่าการทำหนังจากหนังสือมันยากนะครับ
โดยเฉพาะการจะอัดหนังสือทั้งเล่มเข้าไปในหนังสองชั่วโมงนี้มันยากสุดๆ(ทำไมไม่ทำสามชั่วโมง)
อย่างแฮรี่ พอทเตอร์,ลอร์ดออฟเดอะริง มันมีรายละเอียดที่"พอจะตัดได้"เยอะอยู่ซึ่งถ้าใครอ่านหนังสือก็จะพบว่าจริงๆทั้งสองเรื่องตัดตอนสำคัญไปเยอะมาก
แอบวิจารณ์หนังจากหนังสือเรื่องอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนังเรื่องนี้มีเจตนาชัดเจนว่าจะเป็น"ทไวไลท์"รุ่นถัดไปกระตุ้น"ติ่ง"ในตัวคุณ แต่เนื้อเรื่องมันเป็นแนวแฟนตาซีผจญภัยมากกว่า จะเป็นโรแมนติกแฟนตาซีอย่างที่ทไวไลท์เป็น แ่ต่การอัดเนื้อเรื่องอันซับซ้อนในสองชั่วโมงมันทำไม่รอดจริงๆ ขนาด"จันดารา"ที่เน้นฉากอีโรติกการอัดทุกอย่างในสองชั่วโมงยังถือว่าน้อยไปเลย(ใครเคยดูเมคเก่าจะรู้ว่ามันแน่นมาก ตัดทิ้งไปก็เยอะ)
ด้วยเหตุนี้หนังไม่สามารถแสดง ความเทพของตัวละครสำคัญเช่น ตัวร้าย แม่นางเอก ชาโดว์ฮันเตอร์เก่าแก่ในศูนย์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ออกมาได้ รวมถึงไม่สามารถบอกได้ว่า"สมบัติ"ที่ฝ่ายดี ฝ่ายร้าย แย่งกันมันทำอะไรได้กันแน่ ได้ไปแล้วจะวินาศยังไง? ทำให้อารมณ์ลุ้นอารมณ์ร่วมไม่ไม่ค่อยมีเอาซะเลย
ยังไม่นับว่า"city of bone"น่าจะเป็นภาคแรกที่แฝงปริศนาไปเฉลยในภาคต่อเยอะ จนไม่น่าจะหยิบเรื่องนี้มาทำเลยทีเดียว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ และไม่ค่อยแสดงความเจ๋งของ"รูน"ในหนังเท่าไหร่เลย(เพราะเป็นภาคแรกด้วยนางเอกเลยยังไม่ทันเก่ง)
แต่จุดแข็งก็มีนะครับ หนังเรื่องนี้ถ่ายสวยมาก และเอฟเฟคดูดีทีเดียวแหละ (เจอจุดดีแล้วเย้)
จากที่ผมว่าคนสร้างคงกะให้คล้าย"แวมไพร์ ทไวไลท์"สูตรสร้างหนังเดียวกัน(พระเอกหล่อ นางเอกสวย นิยายดัง) ในเมื่อทำเนื้อเรื่องให้คนที่ไม่อ่านหนังสือดูไม่รู้เรื่อง เพราะงั้นเรื่องนี้จะรอดหรือร่วง ก็ต้องขึ้นอยู่กับพระเอกกับนางเอกนั่นแหละครับที่ว่าจะถูกใจมหาชนทั่วโลกพอรึเปล่า และแฟนหนังสือจะดันไปหรือไม่ ถึงผมจะวิจารณ์ว่าไม่ดีแต่จริงๆผมเอาใจช่วยนะครับเพราะผมก็อยากดูภาคสองเหมือนกัน เพราะเนื้อเรื่องภาคสองน่าจะดีกว่านี้มาก (แต่สงสัยจะไม่มีภาคต่อ)