สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (27 ส.ค. 56)
PACE มั่นใจสิ้นปีหน้าพลิกมีกำไร พร้อมจ่ายปันผล หลังรอรับรู้รายได้จากโครงการมหาสมุทรกว่า 3 พันลบ. ชี้มีมาร์จิ้นกว่า 20% พร้อมจะนำพื้นที่ค้าปลีกตึก Cube ในโครงการมหานคร เข้ากองทุน RIETs มูลค่ากว่า 1 พันลบ. ใน Q2/57 ผู้บริหารออกโรงยันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ทิ้งหุ้น ชี้รายย่อยกระหน่ำขายเพราะไม่เข้าใจพื้นฐานบริษัท ในขณะที่สถาบันต่างชาติรุมจีบ เตรียมเดินสายโรดโชว์ฮ่องกง-สิงคโปร์ ใน 1-2 เดือนนี้
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจสิ้นปี 2557 จะพลิกกลับมามีกำไร และจะเริ่มจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ (บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผล ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 40%)
โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/57 บริษัทฯ จะเริ่มมีการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ "มหาสมุทร หัวหิน" มูลค่าโครงการประมาณ 3 พันล้านบาท ที่จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในช่วงปลายปีหน้า
"ปีหน้าเราคงจะกลับมามีกำไรเพราะโครงการมหาสมุทรจะเริ่อก่อสร้างแล้ว และจะเปิดขายในช่วงต้นปี 57 และเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/57 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจและมีการประชาสัมพันธ์พบว่ามีผู้สนใจเยอะมาก และโครงการนี้มีมาร์จิ้นสูงถึง 20% ซึ่งถ้าขายหมดก็จะทำให้เรากลับมามีกำไร และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น" นายสรพจน์ เผย
ส่วนโครงการมหานคร มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 58 ซึ่งโครงนี้คาดว่าจะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทฯ ได้ราว 2-3 พันล้านบาทในปี 58
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการในช่วงสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า เป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอน บริเวณสวนลุมพินี มูลค่าโครงการ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 58-59
ด้านภาวะเศรษฐกิจที่มีความกังวลอยู่นั้น จะไม่กระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ เป็นกลุ่ม Hi-end โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มีคู่แข่งน้อย อุปทานน้อย และอัตราส่วนการทำกำไรสูง
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมนำพื้นที่อาคารค้าปลีกให้เช่าตึก Cube ในโครงการมหานคร ซึ่งเป็น Lifestyle Retail Center เข้าจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (RIETs) มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยจะจัดตั้งภายในไตรมาส 2/57 ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ให้เช่าดังกล่าวมีการจองเต็มแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้จากค่าเช่าตั้งแต่เดือนม.ค. ปีหน้า โครงการมหานครมีพื้นที่ที่เป็นส่วนของโรงแรม และพื้นที่ให้เช่าสำหรับค้าปลีก โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานต่อปีราว 300-400 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้น PACE ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองอย่างต่อเนื่อง นายสรพจน์กล่าวว่า เป็นเพราะนักลงทุนไม่เข้าใจพื้นฐานของบริษัทฯ ที่จะมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยยืนยันว่าการตั้งราคา IPO ที่ 3.50 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม ซึ่งคำนวณจากอัตราส่วนลดจากราคาพื้นฐานที่บทวิจัยต่างๆ ประมาณการไว้บนราคาพื้นฐานปี 58 ที่ 5.20 บาท
"เราได้มีการคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเรื่องราคา IPO แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม ที่ราคาหุ้นลงเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เราพยายามปรับความเข้าใจกับนักลงทุน ซึ่งมีการสอบถามเข้ามาจำนวนมาก เพราะนักลงทุนยังไม่เข้าใจที่เราเข้าตลาดฯ มาด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป ซึ่งธุรกิจของเราเป็นธุรกิจที่อยู่ระหว่างลงทุน ตอนนี้เรามียอดขายของโครงการมหานครกว่า 7 พันล้านบาท แต่ตามมาตรฐานทางบัญชีต้องรอโอนก่อนถึงจะรับรู้รายได้ จึงทำให้ตัวเลขทางบัญชีของเราออกมาขาดทุน ที่มองแล้วอาจจะดูมีความเสี่ยง แต่โครงการต่างๆ เราก็ยังลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง มีความคืบหน้ามารายงานโดยตลอด โดยปี 58 หลังจากที่โอนโครงการที่มีอยู่หมดสิ้นแล้วเราก็จะกำไรอย่างก้าวกระโดด นั่นเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงที่เหมาะสมกับการลงทุนในหุ้นของเรา และเราก็พูดมาเสมอว่า PACE เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ส่วนใหญ่ที่ตระหนกกันจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาเก็งกำไรแต่ยังไม่เข้าในพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทฯ" นายสรพจน์ ย้ำถึงพื้นฐานบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ ยืนยันว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนการที่จะเทขายหุ้นทิ้ง แม้ราคาจะปรับตัวลดลงแรงก็ตาม
"ช่วงที่ราคาลง ตัวผมเองก็ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มถึง 16 ล้านหุ้น เพราะดูแล้วเหมาะสม มีต้นทุนที่ถูก ส่วนกรณีเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่มีนัย อาจจะมีขายออกไปบ้าง ที่เราตรวจสอบพบราว 7 ล้านหุ้น ที่ไม่ติดไซเรน พีเรียด และก็เป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่จะขายออกไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ โดยจำนวนหุ้นดังกล่าวคิดเป็นเพียง 0.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนตัวผมเองซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 55% และรวมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมดจะได้สัดส่วน 70% ก็ไม่มีนโยบายการขายหุ้นออกมาแน่นอน ลองไปดูประวัติเก่าๆ เราถือหุ้นใหญ่ใน TKT หรือ LPN เราก็ถือระยะยาว ไม่ได้มีการขายเพื่อเก็งกำไรแต่อย่างใด และถ้าถามว่าราคาต่ำกว่า 1 บาทจะทำยังไง ผมจะเข้าไปซื้อเพิ่มสิ เพราะจะได้ต้นทุนที่ถูก " นายสรพจน์ กล่าว
นายสรพจน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ระดับโลกสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จากต่างประเทศติดต่อเข้ามาเจรจาแล้ว 2-3 ราย ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการจะไปโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลในช่วง 1-2 เดือนนี้ ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยเชื่อว่าหากนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยผลักดันให้หุ้น PACE มีความน่าสนใจในมุมมองของนักลงทุนรายย่อยไปด้วย
ปัจจุบันมีกองทุนจากต่างประเทศถือหุ้นของบริษัทฯราว 3-5% ซึ่งหากการโรดโชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จคาดว่าจะมีสัดส่วนของกองทุนจากต่างประเทศถือหุ้นราว 10-15% โดยมองว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม
"ตอนนี้มีนักลงทุนสถาบันจากต่างชาติสนใจในหุ้นของเราเป็นจำนวนมาก เราก็จะเตรียมไป โรดโชว์ 1-2 เดือนนี้ ย้ำให้เห็นว่ามุมมองของนักลงทุนสถาบันกับหุ้นของเราเป็นไปในทิศทางบวกเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว" นายสรพจน์ กล่าว
ล่าสุดเวลาประมาณ 16.06 น. ราคาหุ้น PACE อยู่ที่ 1.52 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 7.32% มูลค่าการซื้อขาย 14.92 ล้านบาท
เรียบเรียง โดย ดาริน ปริญญากุล
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 27/08/13 เวลา 16:12:15
PACE มั่นใจสิ้นปีหน้าพลิกมีกำไร พร้อมจ่ายปันผล เล็งตั้งกอง RIETs มูลค่ากว่า 1 พันลบ. ใน Q2/57
PACE มั่นใจสิ้นปีหน้าพลิกมีกำไร พร้อมจ่ายปันผล หลังรอรับรู้รายได้จากโครงการมหาสมุทรกว่า 3 พันลบ. ชี้มีมาร์จิ้นกว่า 20% พร้อมจะนำพื้นที่ค้าปลีกตึก Cube ในโครงการมหานคร เข้ากองทุน RIETs มูลค่ากว่า 1 พันลบ. ใน Q2/57 ผู้บริหารออกโรงยันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ทิ้งหุ้น ชี้รายย่อยกระหน่ำขายเพราะไม่เข้าใจพื้นฐานบริษัท ในขณะที่สถาบันต่างชาติรุมจีบ เตรียมเดินสายโรดโชว์ฮ่องกง-สิงคโปร์ ใน 1-2 เดือนนี้
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจสิ้นปี 2557 จะพลิกกลับมามีกำไร และจะเริ่มจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ (บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผล ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 40%)
โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/57 บริษัทฯ จะเริ่มมีการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ "มหาสมุทร หัวหิน" มูลค่าโครงการประมาณ 3 พันล้านบาท ที่จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในช่วงปลายปีหน้า
"ปีหน้าเราคงจะกลับมามีกำไรเพราะโครงการมหาสมุทรจะเริ่อก่อสร้างแล้ว และจะเปิดขายในช่วงต้นปี 57 และเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/57 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจและมีการประชาสัมพันธ์พบว่ามีผู้สนใจเยอะมาก และโครงการนี้มีมาร์จิ้นสูงถึง 20% ซึ่งถ้าขายหมดก็จะทำให้เรากลับมามีกำไร และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น" นายสรพจน์ เผย
ส่วนโครงการมหานคร มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 58 ซึ่งโครงนี้คาดว่าจะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทฯ ได้ราว 2-3 พันล้านบาทในปี 58
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการในช่วงสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า เป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอน บริเวณสวนลุมพินี มูลค่าโครงการ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 58-59
ด้านภาวะเศรษฐกิจที่มีความกังวลอยู่นั้น จะไม่กระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ เป็นกลุ่ม Hi-end โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มีคู่แข่งน้อย อุปทานน้อย และอัตราส่วนการทำกำไรสูง
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมนำพื้นที่อาคารค้าปลีกให้เช่าตึก Cube ในโครงการมหานคร ซึ่งเป็น Lifestyle Retail Center เข้าจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (RIETs) มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยจะจัดตั้งภายในไตรมาส 2/57 ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ให้เช่าดังกล่าวมีการจองเต็มแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้จากค่าเช่าตั้งแต่เดือนม.ค. ปีหน้า โครงการมหานครมีพื้นที่ที่เป็นส่วนของโรงแรม และพื้นที่ให้เช่าสำหรับค้าปลีก โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานต่อปีราว 300-400 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้น PACE ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองอย่างต่อเนื่อง นายสรพจน์กล่าวว่า เป็นเพราะนักลงทุนไม่เข้าใจพื้นฐานของบริษัทฯ ที่จะมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยยืนยันว่าการตั้งราคา IPO ที่ 3.50 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม ซึ่งคำนวณจากอัตราส่วนลดจากราคาพื้นฐานที่บทวิจัยต่างๆ ประมาณการไว้บนราคาพื้นฐานปี 58 ที่ 5.20 บาท
"เราได้มีการคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเรื่องราคา IPO แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม ที่ราคาหุ้นลงเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เราพยายามปรับความเข้าใจกับนักลงทุน ซึ่งมีการสอบถามเข้ามาจำนวนมาก เพราะนักลงทุนยังไม่เข้าใจที่เราเข้าตลาดฯ มาด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป ซึ่งธุรกิจของเราเป็นธุรกิจที่อยู่ระหว่างลงทุน ตอนนี้เรามียอดขายของโครงการมหานครกว่า 7 พันล้านบาท แต่ตามมาตรฐานทางบัญชีต้องรอโอนก่อนถึงจะรับรู้รายได้ จึงทำให้ตัวเลขทางบัญชีของเราออกมาขาดทุน ที่มองแล้วอาจจะดูมีความเสี่ยง แต่โครงการต่างๆ เราก็ยังลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง มีความคืบหน้ามารายงานโดยตลอด โดยปี 58 หลังจากที่โอนโครงการที่มีอยู่หมดสิ้นแล้วเราก็จะกำไรอย่างก้าวกระโดด นั่นเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงที่เหมาะสมกับการลงทุนในหุ้นของเรา และเราก็พูดมาเสมอว่า PACE เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ส่วนใหญ่ที่ตระหนกกันจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาเก็งกำไรแต่ยังไม่เข้าในพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทฯ" นายสรพจน์ ย้ำถึงพื้นฐานบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ ยืนยันว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนการที่จะเทขายหุ้นทิ้ง แม้ราคาจะปรับตัวลดลงแรงก็ตาม
"ช่วงที่ราคาลง ตัวผมเองก็ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มถึง 16 ล้านหุ้น เพราะดูแล้วเหมาะสม มีต้นทุนที่ถูก ส่วนกรณีเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่มีนัย อาจจะมีขายออกไปบ้าง ที่เราตรวจสอบพบราว 7 ล้านหุ้น ที่ไม่ติดไซเรน พีเรียด และก็เป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่จะขายออกไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ โดยจำนวนหุ้นดังกล่าวคิดเป็นเพียง 0.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนตัวผมเองซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 55% และรวมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมดจะได้สัดส่วน 70% ก็ไม่มีนโยบายการขายหุ้นออกมาแน่นอน ลองไปดูประวัติเก่าๆ เราถือหุ้นใหญ่ใน TKT หรือ LPN เราก็ถือระยะยาว ไม่ได้มีการขายเพื่อเก็งกำไรแต่อย่างใด และถ้าถามว่าราคาต่ำกว่า 1 บาทจะทำยังไง ผมจะเข้าไปซื้อเพิ่มสิ เพราะจะได้ต้นทุนที่ถูก " นายสรพจน์ กล่าว
นายสรพจน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ระดับโลกสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จากต่างประเทศติดต่อเข้ามาเจรจาแล้ว 2-3 ราย ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการจะไปโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลในช่วง 1-2 เดือนนี้ ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยเชื่อว่าหากนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยผลักดันให้หุ้น PACE มีความน่าสนใจในมุมมองของนักลงทุนรายย่อยไปด้วย
ปัจจุบันมีกองทุนจากต่างประเทศถือหุ้นของบริษัทฯราว 3-5% ซึ่งหากการโรดโชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จคาดว่าจะมีสัดส่วนของกองทุนจากต่างประเทศถือหุ้นราว 10-15% โดยมองว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม
"ตอนนี้มีนักลงทุนสถาบันจากต่างชาติสนใจในหุ้นของเราเป็นจำนวนมาก เราก็จะเตรียมไป โรดโชว์ 1-2 เดือนนี้ ย้ำให้เห็นว่ามุมมองของนักลงทุนสถาบันกับหุ้นของเราเป็นไปในทิศทางบวกเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว" นายสรพจน์ กล่าว
ล่าสุดเวลาประมาณ 16.06 น. ราคาหุ้น PACE อยู่ที่ 1.52 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 7.32% มูลค่าการซื้อขาย 14.92 ล้านบาท
เรียบเรียง โดย ดาริน ปริญญากุล
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 27/08/13 เวลา 16:12:15