ศาสนาพุทธนิกายพุทธทาสนิยมที่ไม่เชื่อว่า "ตายแล้วสูญ" แต่จริงๆแล้วมัน "สูญก่อนตาย"

อยากทราบว่า

1. ตอนนี้พวกคุณ "สูญก่อนตาย" แล้วหรือยัง?
2. ช่วยอธิบายความรู้สึกหรือสภาพหรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก "สูญก่อนตาย" เป็นอย่างไร
3. เมื่อ "สูญก่อนตาย" แล้ว ยังต้องปฎิบัติธรรมหรือไม่ แล้วปฎิบัติไปเพื่ออะไร
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
1. ตอนนี้พวกคุณ "สูญก่อนตาย" แล้วหรือยัง?

ยังครับ ..กำลังพยายามอยู่ครับ

2. ช่วยอธิบายความรู้สึกหรือสภาพหรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก "สูญก่อนตาย" เป็นอย่างไร

ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า "สูญก่อนตาย" เป็นอย่างไรครับ (เพราะว่าตอนนี้ยังคงรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่) แต่ก็ยังคงมี "ความเข้าใจ" อยู่ว่า "ตัวตน" นั้นถูกสร้างขึ้นด้วยอวิชชา ไม่มีอยู่จริง อาจจะเรียกอย่างสมมุติว่าเป็น"อัตตาเทียม" ท่ีไม่ใช่เราเป็นเจ้าของตัวตนนั้น

เหตุที่ยังคง "คิดว่า" มี"ตัวตน" อยู่ก็เพราะว่า เราต้องใช้ตัวตนนั้นเป็นประธานของกริยา เพื่อแสดง "เจตนา" สำหรับการกระทำต่างๆ เช่น สั่งให้ร่างกาย เดิน เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือ ทำสมาธิ ปฏิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้น ..ฯลฯ

"ความเข้าใจ" และ "คิดว่า" เป็นกริยาท่ีต้องมีประธานเป็นตัวรองรับเช่นกัน และประธานนั้นก็คือ "เรา" เป็นผู้ท่ี "มีความเข้าใจ" และเป็นผู้ท่ี "คิดว่า" นั้นเอง ดังนั้นตราบใดท่ียังมี"เรา"อยู่ ตราบนั้นก็ยังไม่อาจเป็นผู้ท่ีถูกเรียกได้ว่า "สูญก่อนตาย"

หากจะใช้ "เรา" มาช่วยอธิบายความรู้สึกตอนนี้ว่า"สูญก่อนตาย" เป็นอย่างไร ก็คงเป็นแต่เพียงการคาดเดาล้วนๆ เพราะตอนนี้ยังคงมี"เรา"อยู่ ไม่ใช่เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นจริง

พระพุทธเจ้าท่านไม่ทรงพยากรณ์เรื่องตายแล้วเกิดหรือตายแล้วสูญเพราะท่านเห็นว่า ปุถุชนคนทั่วไปยังคงมี"อัตตา" ฝังแน่นอยู่ในส่วนลึก ผู้ท่ียังยึดติดอยู่ในโลกียสุขก็ยังอยากท่ีจะมีตัวตนเพื่ออยู่รับความสุขนั้นตลอดไปจึงเป็น "สัสสตทิฏฐิ" ผู้ท่ีเบื่อหน่ายทั้งความสุขและความทุกข์ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปก็อยากขาดสูญจึงเป็น "อุเฉททิฏฐิ" ท่านทรงคิดว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไม่แคล้วท่ีจะสร้างความเข้าใจผิดให้แก่บุคคลทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ร่ำไป เพราะว่าทั้งสองกลุ่มนี้ยังคงมี"ตัวตน"และมี อุปาทาน ยึดมั่นในความอยากเป็น ไม่อยากเป็นอยู่ จะอธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ ท่านจึงใช้ทางสายกลางในปฏิจจสมุปบาทมาเป็นตัวอธิบายว่า ..

อวิชชาปจจฺยาสังขารา สังขาราปัจจฺยาวิญญานัง ..ฯลฯ
จึงเป็นท่ีมาของการอธิบายปฏิจจสมุปบาท ทั้งในแบบข้ามภพชาติและแบบชาติปัจจุบัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็จะเข้ากันได้กับทิฏฐิของแต่ละบุคคลท่ีมีความเชื่อไปตามแบบนั้น

3. เมื่อ "สูญก่อนตาย" แล้ว ยังต้องปฎิบัติธรรมหรือไม่ แล้วปฎิบัติไปเพื่ออะไร

มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้นท่ีจะรู้ว่า"สูญก่อนตาย" เป็นอย่างไร  เพราะท่านมีประสบการณ์ตรงโดยสามารถทำให้"ตัวตน" สูญก่อนตายได้ ด้วยการละ"อวิชชา" ได้เป็นตัวสุดท้าย ไม่ต้องโดนมันหลอกให้ต้องมีตัวตนอยู่อีกต่อไป

เมื่อเป็นพระอรหันต์(คาดเดาว่า) ท่านก็จะบอกได้แต่เพียงว่า "กิจท่ีจะต้องทำในโลกนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ..เพราะนี่คือท่ีสุดแห่งทุกข์"

ปล. ผมไม่สามารอ้างอิงพระสูตรได้ เพราะเขียนจากความเข้าใจครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่