21. ปักษาสยบฟ้าเหลือง
เมื่ออดีตลูกน้องของตั๋งโต๊ะกลับมาครองเมืองได้อีกครั้ง ก็เกิดการกวาดล้างสังหารเหล่าขุนนางนายทหารฝ่ายตรงข้าม หรือพวกที่แปรเปลี่ยนข้าง กลับไปกลับมา มากมายอีกรอบหนึ่ง สภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนจากตงฉินสุดโต่ง เป็นกังฉินสุดขั้วอย่างกระทันหันอีกครั้ง จึงปั่นป่วนยุ่งเหยิงยิ่งนัก ความหวาดกลัวและความเกลียดชังของผู้คนที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจก็ย้อนกลับมา สถานการณ์ที่สุกงอมเช่นนี้ เป็นเหตุให้เจ้าเมืองต่างๆ ผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มที่อยู่ตามหัวเมืองห่างไกลต่างก็ส่งข่าวเตรียมเคลื่อนทัพออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนจะก่อตั้งเป็นกองทัพพันธมิตรบุกเมืองหลวงอีกเป็นครั้งที่สอง เช่น กลุ่มอ้วนเสี้ยว กลุ่มอ้วนสุด กลุ่มซุนเซ็ก กลุ่มม้าเท้ง เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มเล่าเจี้ยง และกลุ่มเล่าเปียวที่คราวก่อนไม่ได้เข้าร่วมทัพพันธมิตรก็คล้ายมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ครั้งนี้ จำนวนเจ้าเมืองมีน้อยลงกว่าคราวก่อน เพราะบางเมืองก็ถูกบุกยึดอำนาจกันเองจากเมืองที่เข้มแข็งกว่า บางเมืองก็สวามิภักดิ์เข้าร่วมกลุ่มก้อนเดียวกันไป จนหลงเหลือเจ้าเมืองใหญ่ๆไม่กี่คนแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจำนวนเจ้าเมืองจะลดน้อยลง แต่กองทัพที่มีหัวหน้ากลุ่มน้อยลง กลับยิ่งใหญ่ และเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมากหลายเท่านัก ด้วยความเป็นเอกภาพที่ดีขึ้น
แต่เจ้านครทั้งหมดกลับเกิดศึกเฉพาะหน้ากับหัวเมืองข้างเคียงขึ้นก่อน เหมือนเกิดการสะดุดขากันเอง ทำให้หลายทัพไม่อาจเคลื่อนมาได้จริง เช่น อ้วนเสี้ยวเกิดศึกใหญ่กับกองซุนจ้าน แห่งปักเป๋ง เล่าเปียวเกิดศึกใหญ่กับซุนเซ็ก แห่งกังตั๋ง อ้วนสุดเกิดศึกใหญ่กับเตียวสิ้ว แห่งอ้วนเซีย เล่าเจี้ยงเกิดศึกใหญ่กับเตียวล่อ แห่งฮันต๋ง เว้นแต่โตเกี๋ยมแห่งชีจิ๋วที่มีข่าวว่าป่วยอยู่ จึงเหลือเพียงกลุ่มม้าเท้ง แห่งเสเหลียง กับ หันซุย แห่งเปงจิ๋วที่รวมตัวกันมาถึงเมืองหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือได้เพียงกลุ่มเดียว ทำให้ลิฉุย กุยกี ภายใต้การวางแผนของกาเซี่ยงต้องออกไปป้องกันทัพทางด้านนี้อยู่เป็นเวลานาน และเป็นสมรภูมิแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับม้าเฉียว บุตรชายคนโต วัยหนุ่มฉกรรจ์ของม้าเท้ง
ในระหว่างนั้น กลับเกิดกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มใหม่รวมตัวขึ้นแถบกุนจิ๋ว มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงทางตะวันออกเฉียงเหนือ โดยไม่ปรากฏชื่อเสียงของหัวหน้ากลุ่มอย่างชัดเจน หากแต่มีกำลังทหารจากหลากหลายเมือง ทะยอยเข้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนมากถึงสิบหมื่นคน และสู้รบได้อย่างเชี่ยวชาญราวกับผ่านการฝึกฝนมายาวนาน อีกทั้งผู้นำลึกลับที่สวมหน้ากากปีศาจนั้นก็มีความสามารถในการต่อสู้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นกองทัพที่น่าเกรงขามยิ่งกว่ากลุ่มม้าเท้งหันซุยเสียอีก ความเคลื่อนไหวของกองทัพนี้กลับรวดเร็วยิ่งนัก กาเซี่ยงที่อยู่เฝ้าเมืองหลวงเพียงคนเดียว จึงกังวลใจเป็นยิ่งนักต่อข่าวสารนี้ เพราะไม่เหลือขุนศึกและไพร่พลออกต้านทัพในครั้งนี้แล้ว หากกองทัพนี้มาถึง มันก็คงต้องจบสิ้นแล้ว
...
ที่จริงแล้วนี่คือแผนปฏิบัติการฟ้าเหลืองของเตียวจูล่งที่อุตส่าห์วางเครือข่ายโยงใยไว้ตั้งเนิ่นนานแล้ว ขั้วอำนาจกองทัพพันธมิตรของเจ้าเมืองทั้งหลาย จึงถูกสกัดไว้ด้วยกองกำลังที่พรรคฟ้าเหลืองแทรกซึมอยู่ เช่น อ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้าน นั้นเป็นเตียวจูล่ง ประมุขใหญ่ ชักใยอยู่ เล่าเปียวกับซุนเซ็กก็เป็นผลงานของเตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ อ้วนสุดกับเตียวสิ้ว ดาวองครักษ์ เล่าเจี้ยงกับเตียวล่อ ดาวปกครอง ส่วนโตเกี๋ยมที่ป่วยกระทันหัน ทำให้เตียวคี ดาวอำพรางกลับเคลื่อนกำลังมาร่วมทัพด้วยไม่ได้ จึงไม่ได้เกิดทัพสามประสานตามที่วางแผนไว้และเป็นเพียงจุดเดียวในแผนการเท่านั้นเองที่ผิดพลาดไปโดยบังเอิญ
แผนการที่แท้จริงคือ ปล่อยให้กองกำลังหลักของลิฉุย กุยกี กาเซี่ยงแยกย้ายกำลังออกไปต้านรับกองทัพพันธมิตรของม้าเท้ง หันซุย และโตเกี๋ยม เป็นการเปิดช่องว่างให้กองทัพใหญ่พรรคฟ้าเหลืองมุ่งตรงเข้ายึดเมืองหลวงจากอีกทิศทางหนึ่งได้โดยง่าย ในเมื่อทัพโตเกี๋ยมไม่มา จึงขาดกองหนุนไปหนึ่งเส้นทาง กาเซี่ยงหรือกองทัพหัวเมืองรายทางจึงยังอาจจะออกมาตั้งรับทัพใหญ่ได้อยู่
ซึ่งกองทัพใหญ่นี้ ตามแผนเดิม จะกำกับมาโดยเตียวเลี้ยว ดาวนักรบ แต่ปรากฏว่า เตียวเสี้ยน ดาวนางงามกลับสามารถเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้มาช่วยรับตำแหน่งเป็นผู้นำทัพลึกลับ โดยสวมหน้ากากปีศาจปกปิดฐานะ ได้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ยิ่งทำให้กองทัพนี้แข็งแกร่งมากขึ้นหลายเท่านัก ภายใต้การนำทัพของลิโป้และเตียวเลี้ยว ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่น่าผิดพลาดได้ ขุมกำลังสัตตดาราพร้อมใจกันลงมือเช่นนี้ ฟ้าเหลืองกำลังจะกลับมาแล้ว
...
แต่แล้ว เหมือนฟ้าดินเป็นใจให้แผ่นดินฮั่น หรือพวกกังฉินก็สุดจะคาดเดา เมื่อเกิดพายุลมฝนหลงฤดูกาลกระหน่ำเข้าใส่กองทัพโพกผ้าเหลืองอย่างหนัก ทำให้การเดินทัพเป็นไปด้วยความลำบากกว่าเดิม ทั้งยังเกิดโรคท้องร่วงระบาดภายในกองทัพจนบั่นทอนกำลังทหารไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือเซียนผู้วิเศษปรากฏกายกลางกองทัพเพื่อเตือนสติบ้าง มีภูตราตรีลอบฆ่านายทัพนายกองบ้าง จนขวัญกำลังใจของกองทัพอันเกรียงไกรนี้ลดทอนลงไปอย่างมาก
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นการลงมือของพวกปักษาสวรรค์ อีกามีความสามารถเรียกลมฝนได้ นกฮูกชำนาญการวางยาพิษ กระเรียนล่องหนหายตัว และเหยี่ยวดำคือมือสังหารชั้นเยี่ยม ทั้งสี่ประสานกันก่อกวนจนกองทัพใหญ่ปั่นป่วนไปหมด แต่ก็ยังไม่มีพลังมากพอจะทำลายกองทัพได้อย่างสิ้นเชิง
และแล้ว ในค่ำคืนหนึ่งก็ยังเกิดไฟไหม้กองเสบียงขึ้นกลางกองทัพที่อ่อนแรงและเสียขวัญ ซ้ำขึ้นอีก พร้อมกันกับที่โจโฉนำสี่เทวะ ฉายาใหม่ของสี่ขุนพลญาติสนิท อันมี เทพคุ้มครอง - แฮหัวตุ้น เทพเหี้ยมหาญ - แฮหัวเอี๋ยน เทพมุ่งมั่น - โจหยิน เทพเสริมส่ง - โจหอง และกำลังพลส่วนตัวที่ระดมได้ร่วมหมื่นคนแอบนำกองทัพเคลื่อนที่เร็ว เข้าจู่โจมกองทัพโพกผ้าเหลืองใหม่ในยามที่ย่ำแย่เสียกำลังใจกันอยู่นั้นด้วย ทำให้กองทัพใหญ่แตกพ่ายไปในทันที กลุ่มผู้นำต้องรีบหนีตายออกไป เป็นการจบสิ้นการเดินทางไกลของกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองใหม่ไปในที่สุด และเมื่อข่าวชิ้นนี้แพร่ออกไป การรบพุ่งระหว่างเมืองต่างๆก็พลอยสิ้นสุดลงไปด้วยเช่นกัน เหมือนฟากฟ้ายามสนธยาที่เปลี่ยนสีจากเหลืองเป็นแดงและดำมืดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โจโฉกลายเป็นดาวเด่น วีรบุรุษผู้ปราบขบถโจรโพกผ้าเหลืองไปในชั่วข้ามคืน
หลังจากนั้น ลิฉุยกุยกีก็สามารถต้านทัพจนกลุ่มม้าเท้งหันซุยจนขาดเสบียง ล่าทัพไปได้ ทั้งสองจึงถือว่าโจโฉมีความชอบใหญ่หลวง และโจโก๋ พ่อของโจโฉ ยังออกโรง แอบส่งมอบทรัพย์สินมาเปิดทางสว่างให้ด้วยอีกทางหนึ่ง ทั้งสองจึงยินยอมลืมเลือนเรื่องเก่าก่อน เสนอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งโจโฉขึ้นเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว เพื่อติดตามปราบโจรโพกผ้าเหลืองที่ยังหลงเหลือต่อไป ตามคำแนะนำของกาเซี่ยง กุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดินในยุคนี้ อีกทั้งยังส่งกระบี่สั้นสัตตดารา ที่โจโฉเคยใช้ลอบสังหารตั๋งโต๊ะให้ไปด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า โทษทัณฑ์ในครั้งเก่าก่อนได้ถูกลบล้างไปหมดสิ้นแล้ว
เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน กระบี่สั้นสัตตดารา ถูกมอบคืนให้กับผู้ครอบครองคนเดิม ที่กลายมาเป็นวีรบุรุษ ผู้ปราบกองกำลังสัตตดารา โดยบังเอิญ และยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงชื่อกลุ่มก้อนนี้ด้วยซ้ำ
...
โจโฉ สำนึกขอบคุณต่อกาเซี่ยง กุนซือคนสำคัญของรัฐบาลที่ตนยังไม่เคยเห็นหน้า ผู้ที่ส่งมอบตำแหน่งสำคัญนี้ให้แก่ตน และจัดเลี้ยงตอบแทนให้กับกุยแก ที่ปรึกษาของตนผู้แนะนำให้นำทัพบุกโจมตีกองทัพโพกผ้าเหลืองในครั้งนี้ได้ทันเหตุการณ์ มันเติบโตขึ้นกว่าเดิมมากนัก และเริ่มรับรู้ถึงวังวนการเมืองแล้ว จึงไม่ถือสาที่จะอาศัยร่มชายคาของอดีตลูกน้องทรราชย์ คนที่ตนเองเคยล้มเหลวในการลอบสังหาร เพื่อตัวเองได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ บางคนในอดีตเคยกล่าวไว้ เราจะใช้จุดนี้ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดให้ได้” โจโฉนึกอยู่ในใจ
...
เมื่อกุยแกกลับมายังที่พักแล้ว มันกลับกล่าวขอบคุณต่อคนอีกคนหนึ่งในชุดหมอยา หมอฮัวโต๋!!
“ขอบคุณท่านที่ชี้แนะเส้นทางและข่าวคราวภายในของกองทัพโจรในครั้งนี้ ตัวข้าได้แนะนำให้ท่านโจโฉไปทันเวลา และเป็นไปตามคาดที่พวกเราสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายนัก” กุยแกกล่าวยกย่องด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ตามประสาคนป่วยเรื้อรัง
“ตัวข้าเป็นเพียงหมอรักษาโรคธรรมดาๆ ที่เผอิญไปรับรู้ข้อมูลสำคัญเข้าเท่านั้นเอง อันผลงานความคิดจู่โจมทัพยามคับขันนั้น เป็นเรื่องของท่านกุนซือเอง ตัวข้าไม่กล้ารับเอาไว้หรอก” หมอฮัวโต๋บอกปัด พลางจับชีพจรที่ข้อมือของกุยแก เหมือนดั่งคุ้นเคยกัน “ให้ข้าช่วยจ่ายยารักษาโรคโลหิตให้ท่านได้อยู่รับใช้ท่านโจโฉไปนานๆจะดีกว่ากระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ที่แท้ หมอฮัวโต๋ก็เป็นหมอประจำตัวให้กับกุยแก กุนซือคนสำคัญของโจโฉนี่เอง จึงส่งผลกระทบเข้าสู่การเคลื่อนไหวของโจโฉได้อย่างแนบเนียนอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อนกฮูกร่วมประสานกับการทำงานด้วยพลังพิเศษของหน่วยปักษาคนอื่นๆ คือ กระเรียน อีกา และเหยี่ยวดำ จึงทำให้งานใหญ่ระดับการถล่มกองทัพพรรคฟ้าเหลืองในครั้งนี้สำเร็จไปโดยง่าย
...
หมายเหตุ อัพเดทใน FB ชื่อเดียวกันนี้นะครับ ไม่ได้ลงในบล็อกแกงแล้ว เพราะอัพข้อมูลเร็วเกินไปหน่อย เกรงใจนักเขียนท่านอื่นๆ
จินตนิยายสามก๊ก 2013 (ฉบับปรับปรุงใหม่)
เมื่ออดีตลูกน้องของตั๋งโต๊ะกลับมาครองเมืองได้อีกครั้ง ก็เกิดการกวาดล้างสังหารเหล่าขุนนางนายทหารฝ่ายตรงข้าม หรือพวกที่แปรเปลี่ยนข้าง กลับไปกลับมา มากมายอีกรอบหนึ่ง สภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนจากตงฉินสุดโต่ง เป็นกังฉินสุดขั้วอย่างกระทันหันอีกครั้ง จึงปั่นป่วนยุ่งเหยิงยิ่งนัก ความหวาดกลัวและความเกลียดชังของผู้คนที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจก็ย้อนกลับมา สถานการณ์ที่สุกงอมเช่นนี้ เป็นเหตุให้เจ้าเมืองต่างๆ ผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มที่อยู่ตามหัวเมืองห่างไกลต่างก็ส่งข่าวเตรียมเคลื่อนทัพออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนจะก่อตั้งเป็นกองทัพพันธมิตรบุกเมืองหลวงอีกเป็นครั้งที่สอง เช่น กลุ่มอ้วนเสี้ยว กลุ่มอ้วนสุด กลุ่มซุนเซ็ก กลุ่มม้าเท้ง เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มเล่าเจี้ยง และกลุ่มเล่าเปียวที่คราวก่อนไม่ได้เข้าร่วมทัพพันธมิตรก็คล้ายมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ครั้งนี้ จำนวนเจ้าเมืองมีน้อยลงกว่าคราวก่อน เพราะบางเมืองก็ถูกบุกยึดอำนาจกันเองจากเมืองที่เข้มแข็งกว่า บางเมืองก็สวามิภักดิ์เข้าร่วมกลุ่มก้อนเดียวกันไป จนหลงเหลือเจ้าเมืองใหญ่ๆไม่กี่คนแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจำนวนเจ้าเมืองจะลดน้อยลง แต่กองทัพที่มีหัวหน้ากลุ่มน้อยลง กลับยิ่งใหญ่ และเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมากหลายเท่านัก ด้วยความเป็นเอกภาพที่ดีขึ้น
แต่เจ้านครทั้งหมดกลับเกิดศึกเฉพาะหน้ากับหัวเมืองข้างเคียงขึ้นก่อน เหมือนเกิดการสะดุดขากันเอง ทำให้หลายทัพไม่อาจเคลื่อนมาได้จริง เช่น อ้วนเสี้ยวเกิดศึกใหญ่กับกองซุนจ้าน แห่งปักเป๋ง เล่าเปียวเกิดศึกใหญ่กับซุนเซ็ก แห่งกังตั๋ง อ้วนสุดเกิดศึกใหญ่กับเตียวสิ้ว แห่งอ้วนเซีย เล่าเจี้ยงเกิดศึกใหญ่กับเตียวล่อ แห่งฮันต๋ง เว้นแต่โตเกี๋ยมแห่งชีจิ๋วที่มีข่าวว่าป่วยอยู่ จึงเหลือเพียงกลุ่มม้าเท้ง แห่งเสเหลียง กับ หันซุย แห่งเปงจิ๋วที่รวมตัวกันมาถึงเมืองหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือได้เพียงกลุ่มเดียว ทำให้ลิฉุย กุยกี ภายใต้การวางแผนของกาเซี่ยงต้องออกไปป้องกันทัพทางด้านนี้อยู่เป็นเวลานาน และเป็นสมรภูมิแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับม้าเฉียว บุตรชายคนโต วัยหนุ่มฉกรรจ์ของม้าเท้ง
ในระหว่างนั้น กลับเกิดกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มใหม่รวมตัวขึ้นแถบกุนจิ๋ว มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงทางตะวันออกเฉียงเหนือ โดยไม่ปรากฏชื่อเสียงของหัวหน้ากลุ่มอย่างชัดเจน หากแต่มีกำลังทหารจากหลากหลายเมือง ทะยอยเข้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนมากถึงสิบหมื่นคน และสู้รบได้อย่างเชี่ยวชาญราวกับผ่านการฝึกฝนมายาวนาน อีกทั้งผู้นำลึกลับที่สวมหน้ากากปีศาจนั้นก็มีความสามารถในการต่อสู้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นกองทัพที่น่าเกรงขามยิ่งกว่ากลุ่มม้าเท้งหันซุยเสียอีก ความเคลื่อนไหวของกองทัพนี้กลับรวดเร็วยิ่งนัก กาเซี่ยงที่อยู่เฝ้าเมืองหลวงเพียงคนเดียว จึงกังวลใจเป็นยิ่งนักต่อข่าวสารนี้ เพราะไม่เหลือขุนศึกและไพร่พลออกต้านทัพในครั้งนี้แล้ว หากกองทัพนี้มาถึง มันก็คงต้องจบสิ้นแล้ว
...
ที่จริงแล้วนี่คือแผนปฏิบัติการฟ้าเหลืองของเตียวจูล่งที่อุตส่าห์วางเครือข่ายโยงใยไว้ตั้งเนิ่นนานแล้ว ขั้วอำนาจกองทัพพันธมิตรของเจ้าเมืองทั้งหลาย จึงถูกสกัดไว้ด้วยกองกำลังที่พรรคฟ้าเหลืองแทรกซึมอยู่ เช่น อ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้าน นั้นเป็นเตียวจูล่ง ประมุขใหญ่ ชักใยอยู่ เล่าเปียวกับซุนเซ็กก็เป็นผลงานของเตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ อ้วนสุดกับเตียวสิ้ว ดาวองครักษ์ เล่าเจี้ยงกับเตียวล่อ ดาวปกครอง ส่วนโตเกี๋ยมที่ป่วยกระทันหัน ทำให้เตียวคี ดาวอำพรางกลับเคลื่อนกำลังมาร่วมทัพด้วยไม่ได้ จึงไม่ได้เกิดทัพสามประสานตามที่วางแผนไว้และเป็นเพียงจุดเดียวในแผนการเท่านั้นเองที่ผิดพลาดไปโดยบังเอิญ
แผนการที่แท้จริงคือ ปล่อยให้กองกำลังหลักของลิฉุย กุยกี กาเซี่ยงแยกย้ายกำลังออกไปต้านรับกองทัพพันธมิตรของม้าเท้ง หันซุย และโตเกี๋ยม เป็นการเปิดช่องว่างให้กองทัพใหญ่พรรคฟ้าเหลืองมุ่งตรงเข้ายึดเมืองหลวงจากอีกทิศทางหนึ่งได้โดยง่าย ในเมื่อทัพโตเกี๋ยมไม่มา จึงขาดกองหนุนไปหนึ่งเส้นทาง กาเซี่ยงหรือกองทัพหัวเมืองรายทางจึงยังอาจจะออกมาตั้งรับทัพใหญ่ได้อยู่
ซึ่งกองทัพใหญ่นี้ ตามแผนเดิม จะกำกับมาโดยเตียวเลี้ยว ดาวนักรบ แต่ปรากฏว่า เตียวเสี้ยน ดาวนางงามกลับสามารถเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้มาช่วยรับตำแหน่งเป็นผู้นำทัพลึกลับ โดยสวมหน้ากากปีศาจปกปิดฐานะ ได้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ยิ่งทำให้กองทัพนี้แข็งแกร่งมากขึ้นหลายเท่านัก ภายใต้การนำทัพของลิโป้และเตียวเลี้ยว ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่น่าผิดพลาดได้ ขุมกำลังสัตตดาราพร้อมใจกันลงมือเช่นนี้ ฟ้าเหลืองกำลังจะกลับมาแล้ว
...
แต่แล้ว เหมือนฟ้าดินเป็นใจให้แผ่นดินฮั่น หรือพวกกังฉินก็สุดจะคาดเดา เมื่อเกิดพายุลมฝนหลงฤดูกาลกระหน่ำเข้าใส่กองทัพโพกผ้าเหลืองอย่างหนัก ทำให้การเดินทัพเป็นไปด้วยความลำบากกว่าเดิม ทั้งยังเกิดโรคท้องร่วงระบาดภายในกองทัพจนบั่นทอนกำลังทหารไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือเซียนผู้วิเศษปรากฏกายกลางกองทัพเพื่อเตือนสติบ้าง มีภูตราตรีลอบฆ่านายทัพนายกองบ้าง จนขวัญกำลังใจของกองทัพอันเกรียงไกรนี้ลดทอนลงไปอย่างมาก
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นการลงมือของพวกปักษาสวรรค์ อีกามีความสามารถเรียกลมฝนได้ นกฮูกชำนาญการวางยาพิษ กระเรียนล่องหนหายตัว และเหยี่ยวดำคือมือสังหารชั้นเยี่ยม ทั้งสี่ประสานกันก่อกวนจนกองทัพใหญ่ปั่นป่วนไปหมด แต่ก็ยังไม่มีพลังมากพอจะทำลายกองทัพได้อย่างสิ้นเชิง
และแล้ว ในค่ำคืนหนึ่งก็ยังเกิดไฟไหม้กองเสบียงขึ้นกลางกองทัพที่อ่อนแรงและเสียขวัญ ซ้ำขึ้นอีก พร้อมกันกับที่โจโฉนำสี่เทวะ ฉายาใหม่ของสี่ขุนพลญาติสนิท อันมี เทพคุ้มครอง - แฮหัวตุ้น เทพเหี้ยมหาญ - แฮหัวเอี๋ยน เทพมุ่งมั่น - โจหยิน เทพเสริมส่ง - โจหอง และกำลังพลส่วนตัวที่ระดมได้ร่วมหมื่นคนแอบนำกองทัพเคลื่อนที่เร็ว เข้าจู่โจมกองทัพโพกผ้าเหลืองใหม่ในยามที่ย่ำแย่เสียกำลังใจกันอยู่นั้นด้วย ทำให้กองทัพใหญ่แตกพ่ายไปในทันที กลุ่มผู้นำต้องรีบหนีตายออกไป เป็นการจบสิ้นการเดินทางไกลของกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองใหม่ไปในที่สุด และเมื่อข่าวชิ้นนี้แพร่ออกไป การรบพุ่งระหว่างเมืองต่างๆก็พลอยสิ้นสุดลงไปด้วยเช่นกัน เหมือนฟากฟ้ายามสนธยาที่เปลี่ยนสีจากเหลืองเป็นแดงและดำมืดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โจโฉกลายเป็นดาวเด่น วีรบุรุษผู้ปราบขบถโจรโพกผ้าเหลืองไปในชั่วข้ามคืน
หลังจากนั้น ลิฉุยกุยกีก็สามารถต้านทัพจนกลุ่มม้าเท้งหันซุยจนขาดเสบียง ล่าทัพไปได้ ทั้งสองจึงถือว่าโจโฉมีความชอบใหญ่หลวง และโจโก๋ พ่อของโจโฉ ยังออกโรง แอบส่งมอบทรัพย์สินมาเปิดทางสว่างให้ด้วยอีกทางหนึ่ง ทั้งสองจึงยินยอมลืมเลือนเรื่องเก่าก่อน เสนอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งโจโฉขึ้นเป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว เพื่อติดตามปราบโจรโพกผ้าเหลืองที่ยังหลงเหลือต่อไป ตามคำแนะนำของกาเซี่ยง กุนซืออันดับหนึ่งของแผ่นดินในยุคนี้ อีกทั้งยังส่งกระบี่สั้นสัตตดารา ที่โจโฉเคยใช้ลอบสังหารตั๋งโต๊ะให้ไปด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า โทษทัณฑ์ในครั้งเก่าก่อนได้ถูกลบล้างไปหมดสิ้นแล้ว
เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน กระบี่สั้นสัตตดารา ถูกมอบคืนให้กับผู้ครอบครองคนเดิม ที่กลายมาเป็นวีรบุรุษ ผู้ปราบกองกำลังสัตตดารา โดยบังเอิญ และยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงชื่อกลุ่มก้อนนี้ด้วยซ้ำ
...
โจโฉ สำนึกขอบคุณต่อกาเซี่ยง กุนซือคนสำคัญของรัฐบาลที่ตนยังไม่เคยเห็นหน้า ผู้ที่ส่งมอบตำแหน่งสำคัญนี้ให้แก่ตน และจัดเลี้ยงตอบแทนให้กับกุยแก ที่ปรึกษาของตนผู้แนะนำให้นำทัพบุกโจมตีกองทัพโพกผ้าเหลืองในครั้งนี้ได้ทันเหตุการณ์ มันเติบโตขึ้นกว่าเดิมมากนัก และเริ่มรับรู้ถึงวังวนการเมืองแล้ว จึงไม่ถือสาที่จะอาศัยร่มชายคาของอดีตลูกน้องทรราชย์ คนที่ตนเองเคยล้มเหลวในการลอบสังหาร เพื่อตัวเองได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง
“ไม่โหดเหี้ยม ไม่อาจเป็นใหญ่ บางคนในอดีตเคยกล่าวไว้ เราจะใช้จุดนี้ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดให้ได้” โจโฉนึกอยู่ในใจ
...
เมื่อกุยแกกลับมายังที่พักแล้ว มันกลับกล่าวขอบคุณต่อคนอีกคนหนึ่งในชุดหมอยา หมอฮัวโต๋!!
“ขอบคุณท่านที่ชี้แนะเส้นทางและข่าวคราวภายในของกองทัพโจรในครั้งนี้ ตัวข้าได้แนะนำให้ท่านโจโฉไปทันเวลา และเป็นไปตามคาดที่พวกเราสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายนัก” กุยแกกล่าวยกย่องด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ตามประสาคนป่วยเรื้อรัง
“ตัวข้าเป็นเพียงหมอรักษาโรคธรรมดาๆ ที่เผอิญไปรับรู้ข้อมูลสำคัญเข้าเท่านั้นเอง อันผลงานความคิดจู่โจมทัพยามคับขันนั้น เป็นเรื่องของท่านกุนซือเอง ตัวข้าไม่กล้ารับเอาไว้หรอก” หมอฮัวโต๋บอกปัด พลางจับชีพจรที่ข้อมือของกุยแก เหมือนดั่งคุ้นเคยกัน “ให้ข้าช่วยจ่ายยารักษาโรคโลหิตให้ท่านได้อยู่รับใช้ท่านโจโฉไปนานๆจะดีกว่ากระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ที่แท้ หมอฮัวโต๋ก็เป็นหมอประจำตัวให้กับกุยแก กุนซือคนสำคัญของโจโฉนี่เอง จึงส่งผลกระทบเข้าสู่การเคลื่อนไหวของโจโฉได้อย่างแนบเนียนอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อนกฮูกร่วมประสานกับการทำงานด้วยพลังพิเศษของหน่วยปักษาคนอื่นๆ คือ กระเรียน อีกา และเหยี่ยวดำ จึงทำให้งานใหญ่ระดับการถล่มกองทัพพรรคฟ้าเหลืองในครั้งนี้สำเร็จไปโดยง่าย
...
หมายเหตุ อัพเดทใน FB ชื่อเดียวกันนี้นะครับ ไม่ได้ลงในบล็อกแกงแล้ว เพราะอัพข้อมูลเร็วเกินไปหน่อย เกรงใจนักเขียนท่านอื่นๆ