ทำไมไม่ทำการบ้านเองคะ

ขอระบายหน่อยนะคะ  คือ จขกท.เป็นเด็กเรียน (เก่ง) มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ตั้งแต่ประถมจนจบปริญญาโท  ตอนนี้ต่อป.เอก  สรุปโพรไฟล์  จขกท.ดูดี มีความรู้ภาษาอังกฤษ  ทีนี้งานเข้า  (เข้ามาตั้งแต่ป.ตรีแล้วจนถึงเดี๋ยวนี้)  ลูกเพื่อนแม่  ลูกเพื่อนที่ทำงาน  เพื่อนที่ทำงาน  ลูกพี่ลูกน้อง  เจ้านาย   ญาติสนิท  ญาติห่างๆ  ก็จะมารบกวนเรื่องการบ้านภาษาอังกฤษกัน เอาเป็นว่าเยอะอ่ะค่ะ  ส่วนมากที่มารบกวนนี้จะมาวานให้ทำการบ้าน เน้นทำการบ้านนะคะ  1 ในร้อย ที่เจอว่าทำมาแล้ว  ตั้งใจเปิดศัพท์มา แล้วขอให้ช่วยตรวจทานให้  ด้วยความพยายาม    มาแบบเหมือนจะเกรงใจแต่ก็ไม่น่าจะนะ เพราะทุกคนที่มาจะรู้ว่า จขกท.เรียนหนัก ทำงานเยอะ มีภาระครอบครัวเลี้ยงลูกสามคน (ความแตกเพราะกระทู้นี้แหละว่าลูกสามแล้ว 555)  ต้องดูการบ้านลูกสองคน และคนเล็กเพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือน  บางคนมาขณะที่ จขกท.เพิ่งตีรถกลับจากทม.เพื่อไปสอบ  ก่อนไปสอบอดนอนมาหลายวันเพื่อทำงานส่ง (ตอนนั้นท้องโย้อีกอาทิตย์จะคลอดคิดดู)   ตื่นเช้ามืดไปสอบกลับมาอยากจะขออาบน้ำพักผ่อน หลังจากที่ต้องรีบกลับมาดูลูกทำการบ้าน  มานั่งคอยที่บ้าน สองทุ่มเพื่อจะเอางานภาษาอังกฤษให้แปล   คือ ถามว่าทำไมที่ผ่านมาก จขกท.ไม่ปฏิเสธ เพราะว่าคนพวกนี้จะมาตอนที่มันด่วนมาก  แบบถ้าเราไม่ช่วย  เขาจะตก เขาจะไม่มีส่ง  เกรดจะไม่ออก โน่นนี่นั่น  ต่อมสงสารก็เลยทำงาน ทั้งที่ตัวเองก็จะไม่ไหวแล้ว ถ้ามีเวลาขอพักบ้างไรบ้างดีไหม   คุณแฟนก็แบบหงุดหงิดแทนเพราะเป็นห่วง  แต่ก็เห็นว่าคนที่มาที่มักปฏิเสธยากเป็นพวกบรรดาเพื่อนสนิทพ่อแม่  ก็เลยเอามาทำให้แทน แล้วบอกว่าอยากให้เราพักผ่อน แต่ผมก็ต้องเปิดดิคชันนารี่เหมือนกันนะเสียเวลา ไม่ใช่ว่าคนจบโทแล้วอ่านปุ๊บจะทำได้เลย ทุกๆเรื่องต้องมีภาษาเฉพาะของมัน เช่น ศัพท์แพทย์  ศัพท์ทหาร ศัพท์การศึกษา
             หลังจากผ่านวันนั้นมาเมื่อวาน  เราแบบคุยกันกับแฟนว่า เราไม่เคยพึ่งพาใครเรื่องเรียนเลยนะ แม้วิชาไหนที่เราไม่ถนัด เราจะพยายามทำด้วยตนเอง เพื่อที่เราจะได้เก่ง จะได้รู้  ทำได้แค่ไหนแค่นั้นสุดความสามารถ พอไปส่งแล้วอาจารย์ตรวจแก้เราก็จะรู้ความสามารถตนเอง พวกใช้คนอื่นทำการบ้านให้นี่เขาคิดอะไรอยู่อ่ะ  ต้องใช้คำว่าใช้เลยนะ  เพราะเมื่อวานมีเหตุการณ์รีเพลย์ซ้ำอีกแล้ว คนเรานะคะพอถึงจุดที่ว่าอดทนมาหนักๆ กำลังจะขาดสะบั้น มันแบบนิดนึงก็ก่อชนวนละ เพราะเรากำลังมีปัญหาแก้งานวิจัยอยู่ เวลาของเรามีค่า  เพราะภาระเราเยอะ มีอะไรค้างที่รอให้เราทำมากมาย และที่สำคัญค่าเรียนป.เอกมันแพงนะ  ถ้ามัวทำอะไรอยู่ จบช้ายิ่งต้องต่อค่าเทอมไปเรื่อยๆ  กำลังไปเรียนอยู่ มีข้อความไลน์เด้งหาค่ะ   ว่างมั้ยคะ (จากญาติรุ่นน้อง)  เกริ่นแบบนี้รู้แล้วแหละ  มีสองกรณี  ถ้าเกริ่นว่า  สะดวกคุยมั้ย ส่วนมากเป็นพวกปรึกษา  เรายินดีนะ  ถ้าเราไม่สะดวกตอนนั้นเราจะบอกให้โทรมาใหม่ตอนไหน หรือโทรกลับไปเอง  ก็จะมีเพื่อนๆโทรมาปรึกษาประจำ (บอกแล้วต่อมช่วยเหลือเราทำงานดี)  แต่ประมาณว่างมั้ย อันนี้พวกชอบใช้เลยค่ะ ต้องขอบอกว่าใช้ คำพูดแบบก๊อปปี้เอาคำสั่งอาจารย์ที่สั่งเค้ามา  มาสั่งเราต่ออีกทีนึงเลย  ไม่มีการแบบว่าทำมาแล้วช่วยดูหน่อย   เลยตอบกลับไปว่า มาเรียนค่ะ และก็ช่วงนี้ทำงานวิจัยส่งอาจารย์   พอกลับมาบ้าน เหนื่อยๆ ข้อความเด้งมา   ถ้าว่างทำให้ด้วยนะคะ   คือแบบฟิลขาดเลยค่ะ  เราเป็นคนที่ชอบสอน ชอบช่วยเหลือก็จริง แต่ชอบสอนให้รู้ ให้มีความรู้ ไม่ใช่เป็นเบ๊ทำการบ้านให้คนอื่น   เราก็เลยไม่ตอบข้อความปล่อยไป เพราะตอบไปแล้วก็ไม่เก็ทเลยง่ะ  อยากทราบว่า ต่อไปเราควรใช้คำพูดยังไงดีคะ ที่ไม่แรงไป แต่ให้พวกเค้าสำนึกบ้างว่าควรทำเอง เกรงใจบ้าง  เราจะเริ่มปฏิเสธตั้งแต่รายของเมื่อวานนี้และไม่ทำให้ใครแล้ว (ไม่เกี่ยวกับพวกปรึกษา ถามความรู้นะ อันนี้เรามีตอบทุกวันในเฟสบุคตลอด ว่างก็มาตอบ)  จริงๆปฏิเสธคนที่ไม่สนิทไปบ้างแล้ว นี่มาเจอญาติ เจอคนสนิทเข้าไง   ตอนที่เพื่อนที่ทำงานเอาการบ้านลูกมาให้ทำ เราบอกไปว่า ครั้งนี้ขอครั้งสุดท้ายนะคะ  หนูเป็นอาจารย์  แต่ต้องมานั่งทำการบ้านให้นักเรียนมันน่าอนาถใจค่ะ   ใครเคยเจอแบบเราบ้างคะ  ถามความเห็น ต่อไปนี้เราจะพูดยังไงดี ไม่ใจร้ายเนอะ  (เพื่อนสนิทที่ทำงานบอกว่าเราบ้าวะ ไปทำให้ทำไม  พวกนี้จ้างได้ก็ไม่จ้าง ชอบมาใช้คนอื่นแถมคือโปรไฟล์ระดับเรา เป็นอาจารย์ ไม่น่ามากล้าใช้เลยนะ ญาติบางคนเป็นนักเรียนม.ปลายเอง  อีกอย่างกูเกิ้ลแปลภาษา ดิคชั่นนารี่อะไรมีเยอะแยะทำไมไม่ลองหัดใช้กัน)  ก็ต่อมสงสารมันทำงานเวอร์นี่นา แต่ตอนนี้เราไม่ไหวแล้วจริงๆฝืนความรู้สึกมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่