โดย narutojung
เมื่อ เสาร์, 24/08/2013 - 10:39
จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย เอาไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทยไม่แจ้งค่าใช้จ่ายในเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไว้ในรายงานประจำปีที่จะต้องแจ้งต่อ กกต. ทั้งในส่วนของ ค่าเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการยืนแจกเอกสารหาเสียงของพรรค ประมาณ 300 ด่าน เป็นเวลา 2 วัน รวมไปถึงค่าขนส่งเอกสารดังกล่าว โดยอาจจะเข้าข่ายผิดมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ประกอบมาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จากนั้นที่ประชุม กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เห็นชอบตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคภูมิใจไทยดังกล่าว
ล่าสุดการดำเนินการของคณะอนุ กกต.ได้ดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นควรเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของ กกต.แจ้งต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94 (5) ประกอบมาตรา 65 เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย ได้รับเงินบริจาคจากบุคคลภายในพรรคภูมิใจไทย เพื่อไปทำการเช่าพื้นที่หน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเงินดังกล่าว ไม่ได้ปรากฏในบัญชีแสดงรายรับจากการบริจาคของพรรคภูมิใจไทย
รายงานข่าวจาก กกต. แจ้งว่า จากคำให้การของ นายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ สมาชิกและกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ขอเช่าพื้นที่บริเวณหน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อทำการแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายของพรรคภูมิใจไทย นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งรองผู้ว่าฝ่ายกฎหมาย และกรรมสิทธิ์ที่ดิน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายอดิศักดิ์ คงเจริญ หัวหน้าแผนกวางแผนการใช้พื้นที่ 1 รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนา และรักษาเขตทาง 1 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประกอบคำขอเช่าพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และหนังสือรายงานการใช้พื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ฟังได้ว่านายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ ได้เช่าพื้นที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทยรวม 2 ครั้ง และได้จ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ และค่าประกันความเสียหายให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเงิน 330,000 บาท และ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 420,000 บาทจริง และได้มีคนไปแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคภูมิใจไทยจริง
“คณะอนุ กกต.พบว่า นายธนชาติ ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่คนแจกแผ่นพับดังกล่าว โดย นายธนชาติ ได้ให้การว่าเงินที่นำมาจ่ายค่าเช่าพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและค่าจ้างคนแจกแผ่นพับดังกล่าวนั้นได้มาจากคนในพรรคภูมิใจไทย แต่กลับไม่ระบุว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร จึงถือว่าเป็นการรับเงินโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550” แหล่งข่าวจาก กกต.ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า นายธนชาติ นั้นได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทย ให้เป็นกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จึงถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง การที่นายธนชาติ รับเงินบริจาคโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 นั้นคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า แม้ นายธนชาติ จะไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่นายธนชาติ จะต้องเอาเงินมาจ่ายค่าขอเช่าพื้นที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และค่าจ้างคนแจกแผ่นพับ โดยที่ตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ
นอกจากนี้ยังพบว่า พรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้นายธนชาติ ไปประชันวิสัยทัศน์กับพรรคการเมืองต่างๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งในบางครั้ง จึงถือว่านายธนชาติ เป็นบุคคลสำคัญของพรรคภูมิใจไทย และได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่งจากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง จึงน่าเชื่อว่าการกระทำของนายธนชาติ ดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งการแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคภูมิใจไทยก็ถือว่าเป็นประโยชน์แก่พรรคภูมิใจไทย และอาจส่งผลให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย
http://www.phranakornsarn.com/democrat/1862.html
@@@ สุดท้าย พรรค ภท.(ยี่ห้อย) จะโดนยุบ อีกเเล้วหรือครับ กกต. @@@
เมื่อ เสาร์, 24/08/2013 - 10:39
จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย เอาไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทยไม่แจ้งค่าใช้จ่ายในเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไว้ในรายงานประจำปีที่จะต้องแจ้งต่อ กกต. ทั้งในส่วนของ ค่าเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการยืนแจกเอกสารหาเสียงของพรรค ประมาณ 300 ด่าน เป็นเวลา 2 วัน รวมไปถึงค่าขนส่งเอกสารดังกล่าว โดยอาจจะเข้าข่ายผิดมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ประกอบมาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จากนั้นที่ประชุม กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เห็นชอบตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคภูมิใจไทยดังกล่าว
ล่าสุดการดำเนินการของคณะอนุ กกต.ได้ดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นควรเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของ กกต.แจ้งต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94 (5) ประกอบมาตรา 65 เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย ได้รับเงินบริจาคจากบุคคลภายในพรรคภูมิใจไทย เพื่อไปทำการเช่าพื้นที่หน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเงินดังกล่าว ไม่ได้ปรากฏในบัญชีแสดงรายรับจากการบริจาคของพรรคภูมิใจไทย
รายงานข่าวจาก กกต. แจ้งว่า จากคำให้การของ นายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ สมาชิกและกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นผู้ขอเช่าพื้นที่บริเวณหน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อทำการแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายของพรรคภูมิใจไทย นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งรองผู้ว่าฝ่ายกฎหมาย และกรรมสิทธิ์ที่ดิน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายอดิศักดิ์ คงเจริญ หัวหน้าแผนกวางแผนการใช้พื้นที่ 1 รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนา และรักษาเขตทาง 1 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประกอบคำขอเช่าพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และหนังสือรายงานการใช้พื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ฟังได้ว่านายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ ได้เช่าพื้นที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทยรวม 2 ครั้ง และได้จ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ และค่าประกันความเสียหายให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเงิน 330,000 บาท และ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 420,000 บาทจริง และได้มีคนไปแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคภูมิใจไทยจริง
“คณะอนุ กกต.พบว่า นายธนชาติ ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่คนแจกแผ่นพับดังกล่าว โดย นายธนชาติ ได้ให้การว่าเงินที่นำมาจ่ายค่าเช่าพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและค่าจ้างคนแจกแผ่นพับดังกล่าวนั้นได้มาจากคนในพรรคภูมิใจไทย แต่กลับไม่ระบุว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร จึงถือว่าเป็นการรับเงินโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550” แหล่งข่าวจาก กกต.ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า นายธนชาติ นั้นได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทย ให้เป็นกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จึงถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง การที่นายธนชาติ รับเงินบริจาคโดยรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 นั้นคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า แม้ นายธนชาติ จะไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่นายธนชาติ จะต้องเอาเงินมาจ่ายค่าขอเช่าพื้นที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และค่าจ้างคนแจกแผ่นพับ โดยที่ตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ
นอกจากนี้ยังพบว่า พรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้นายธนชาติ ไปประชันวิสัยทัศน์กับพรรคการเมืองต่างๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งในบางครั้ง จึงถือว่านายธนชาติ เป็นบุคคลสำคัญของพรรคภูมิใจไทย และได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่งจากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง จึงน่าเชื่อว่าการกระทำของนายธนชาติ ดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อพรรคภูมิใจไทย ซึ่งการแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคภูมิใจไทยก็ถือว่าเป็นประโยชน์แก่พรรคภูมิใจไทย และอาจส่งผลให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย
http://www.phranakornsarn.com/democrat/1862.html