ขบวนการแยกดินแดน บีอาร์เอ็น
BARISAN REVOLOSION NASIONAL MALAYA PATANI(BRN)
ขบวนการ BRN - CORDINATE คือกลุ่มขบวนการทางการเมืองแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้สุดของประเทศไทย อาณาเขต ๓ จังหวัดชายแดน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ อีก ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ อ.สะบ้าย้อย อ.จะนะ อ.เทพา และ อ.นาทวี เคลื่อนไหวดำเนินการใต้ดิน จัดตั้งขบวนการมาเป็นเวลา หลายสิบปีจุดประสงค์เพื่อปลดปล่อยเป็นรัฐอิสระ จากรัฐไทย สถาปนาตนเองเป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์ รัฐปาตานี(ฟอตานี)
แนวคิดกลุ่มขบวนการ คือการปลุกระดมสร้างสำนึกมวลชน อ้างอิงประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีเคยเป็นอิสระ แต่โดนสยามทำการรุกราน และยึดครองดินแดนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และ ชาติพันธุ์ ชาวมลายู อัตลักษณ์ของความเป็นชาวมุสลิม โดนรัฐกดขี่ข่มเหง ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อชาวมุสลิมในพื้นที่
จากการเข้าตรวจค้นบ้าน นายมะแซ อุเซ็ง เมื่อ ๑ พ.ค.๒๕๔๗ ตำแหน่งในขบวนการ คือผู้นำด้านจิตวิญญานที่เจ้าหน้าที่ค้นพบ เขียนด้วยภาษามลายู แปลได้ว่าเป็นแผนบันไดเจ็ดขั้นสู่ความเป็นเอกราช หัวข้อ : ฮ.ศ.1417 – ค.ศ.1997 : การโฆษณาชวนเชื่อเยาวชนปฏิบัติการทางทหาร คือ ความเมตตา เสียสละ ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ แผนบันไดเจ็ดขั้น
แผนบันไดเจ็ดขั้นสู่ความสำเร็จ (ปลดปล่อยรัฐปัตตานี)
1.สร้างสำนึกมวลชน ศาสนา ชาติพันธุ์ ประวัติศาสตร์นครปัตตานี ถูกยึดครอง การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาวมลายู ตั้งแต่ปี ๒๕๒๗-๒๕๓๗ (บ่มเพาะ)
2.จัดตั้งมวลชน จากสถาบันสอนศาสนา ตาดีกา ปอเนาะ คณะกรรมการ สหกรณ์ ชมรม/สมาคม การกีฬา ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗
3.จัดตั้งองค์กร (อยู่เบื้องหลัง) ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗
4.จัดตั้งกองกำลัง ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗ (เตรียมการรบ)ชักชวนเยาวชนปฏิบัติการทางทหาร ๓,๐๐๐ คน
5.อุดมการณ์ชาตินิยม
6.เตรียมพร้อม (จุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติ)
7.จัดตั้งการปฏิวัติ (ก่อการปฏิวัติโดยการทหาร คอมมานโด อาร์เคเค โดยใช้ความรุนแรง ยุแหย่ให้ชาวพุทธมุสลิมเกิดความแตกแยกกันในพื้นที่ ) แต่ปี ๔๗ จนปัจุบัน จนกว่าจะได้รับชัยชนะ )
ธรรมนูญหลักของ บีอาร์เอ็น แนวทางการต่อสู้ของพรรค ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า ทุกความเคลื่อนไหวให้ความสำคัญ และสัมพันธ์ กับเป้าหมายการปฏิวัติแห่งชาติ
เรื่องที่ ๑ อุดมการณ์ของพรรค
เรื่องที่ ๒ รูปแบบการต่อสู้ของพรรค
เรื่องที่ื ๓ โครงการความเป็นชาติ
เรื่องที่ื ๔ โครงการทางเศรษฐกิจ
เรื่องที่ ๕ วิธีการต่อสู้
เรื่องที่ ๖ การเป็นสมาชิกของพรรค
เรื่องที่ ๗ การจัดบุคลากร และ ศูนย์บัญชาการ
กฎดิสพริน ๑๐ ข้อ
๑) ห้ามเปิดเผยความลับของกลุ่ม
๒) ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข
๓) ให้ความสำคัญกับกลุ่มเหนือเรื่องส่วนตัว
๔) เสียสละได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิต
๕) เมื่อการเรียกประชุมต้องมาทุกครั้ง
๖) ต้องเป็นคนรักษาสัจจะ
๗) ต้องยึดมั่นในกลุ่ม
๘) ต้องบริสุทธิ์ใจในการรับและให้ กับบุคคลในกลุ่ม
๙) เมื่อปฏิบัติหรือกระทำสิ่งใดต้องมีประโยชน์
๑๐) ต้องทำในสิ่งที่มอบหมายให้สำเร็จ
ชักชวนเยาวชนเข้าร่วมขบวนการ โดยอุซตาส (ครูสอนศาสนา) บางคนที่อยู่ในขบวนการเยาชนให้การเคารพนับถือเชื่อฟัง โดยจะคัดเลือกนักเรียนใน ปอเนาะ หรือโรงเรียนสอนศาสนา ที่เรียบร้อย เคร่งศาสนา ปลูกฟังความคิด ประวัติศาสาตร์ มาตุภูมิ ชาติพันธุ์ ชาวมลายู จนเยาวชน เกิดความคับแค้น หลงเข้าร่วมขบวนการสาบานตน (พิธีการซุมเปาะ) โดย ปกปิดไม่ให้ใครได้รับรู้แม้กระทั้ง ผู้ปกครอง
จากนั้น จะมีครูฝึก มาฝึกร่างกาย ยุทธวิธี การประกอบวัตถุระเบิด ปลูกฝังจิตสำนึกเกลียดชังตลอดระยะเวลา ให้เกลียดชัง เจ้าหน้าที่ และคนไทยที่เข้ามายึดครองครองดินแดนปัตตานี การทำสงครามญิฮัด อ้างถึงศาสนาโดยการบิดเบือนหลักคำสอนจากศาสนาอิสลาม มีครูฝึก เข้ามาสอนให้ผู้ร่วมขบวนการ ในเวลากลางคืน บางครั้งใช้พื้นที่ อาคารภายในโรงเรียน ภายในปอเนาะ หรือบริเวณป่าในหมู่บ้านในยามค่ำคืน (จากคำบอกเล่าของผู้เข้าร่วม ที่กลับใจเข้ามอบตัว เพราะเชื่อว่ากำลังถูกกลุ่มขบวนการหลอกใช้) เพราะขนาดพี่น้องของตัวเองที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางขบวนการ จะถูกออกคำสั่งให้ไปฆ่าคนเหล่านั้น เชื่อว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ได้พบกับพระเจ้า เป็นหนทางที่ถูกต้อง
จัดตั้ง อาเยาะห์ ภายในเขตระดับหมู่บ้าน โดยมี ผู้นำศาสนา โต๊ะครู ครูสอนศาสนาที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ (บางท่าน) เข้าร่วมขบวนการปลูกฝังแนวคิดให้ชาวบ้าน แทรกอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน (วิธีการแบบลัทธิคอมมิวนิสต์) เข้าเป็นแนวร่วม เชื่อฟังผู้นำ หาเงินสนับสนุนขบวนการ ให้แหล่งพักพิง เสบียงอาหาร และเป็นหูเป็นตาจับตาความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ให้แก่กองกำลังติดอาวุธ ที่เข้ามาปฏิบัติการภายในหมู่บ้าน หากผู้ใด ขัดขืนไม่เชื่อฟัง จะต้องได้รับโทษ คือความตาย จนชาวบ้านต่างพากันยำเกรงอิทธิพล ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กองกำลังปฏิบัติการทางทหาร ทั้งหน่วย คอมมานโด และ อาร์เคเค จะกบดาน ภายในหมู่บ้านจัดตั้ง หรือที่เรียกว่าหมู่บ้านที่ถูกปลดปล่อย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถเข้าถึงได้ การจัดตั้งที่เข้มแข็ง เป็นเกราะมนุษย์ให้กับกองกำลังทางทหาร หาข่าว ดูต้นทาง ให้ที่หลบซ่อน ยากที่เจ้าหน้าที่สามารถสืบทราบข้อมูลได้เพราะชาวบ้านไม่มีใครให้ความร่วมมือ ไปถามอะไร คำตอบที่ได้คือ...ไม่รู้ ไม่เห็น
กองกำลังปฎิบัติการทางทหาร จะทำงานอย่างใจเย็น ลงมือเมื่อได้เปรียบฝ่ายเจ้าหน้าที่ พลาดน้อยที่สุด จะมีทั้งชุดระเบิดทำลาย ชุดเข้าโจมตีเป้าหมาย หลายต่อหลายครั้งที่ทำสำเร็จ เจ้าหน้าที่เกิดการสูญเสียถึงชีวิตและสามารถ ชิงเอาอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่มาได้
พื้นที่ในสามจังหวัดชายแดน ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ ป่าเขา เช่นจังหวัด นราธิวาส และ ยะลา เช่น อ.บันนังสตา อ.รือเสาะ และถือได้ว่า เป็นฐานที่มั่นของกองกำลัง ของหน่วยปฏิบัติการทางทหารภาคป่าเขา (หน่วยปฏิบัติการ คอมมานโด และ อาร์เคเค) มีความชำนาญพื้นที่ ใช้เป็น ฐานการฝึกอาวุธ ให้กับเยาวชน พื้นที่ป่าเขาสลับซับซ้อน ยากต่อการตรวจพบของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เมื่อก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ ง่ายต่อการหลบหนี การพรางตัวเข้าปะปนกับชาวบ้าน ไม่สามารถตามจับกุมได้ ใช้ยุทธวิธีรบแบบกองโจร เป็นหน่วยรบขนาดเล็ก เคลื่อนไหวในพื้นที่
มีมวลชนในหมู่บ้านที่จัดตั้ง (หมู่บ้านที่เป็นแนวร่วมขบวนการ) ให้การสนับสนุน และ ก่อการประท้วงเมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ จับกุม แกนนำขบวนการ หรือ ฝ่ายปฏิบัติการทางทหาร โดยจะนำเด็ก สตรี มาประท้วงเหตุหลายครั้ง จนบางคน ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคนพาไปไหน (จากการให้ข้อมูลของ ชาวบ้านที่เคยหลงผิด) ปัจจุบันนี้ชาวบ้านไม่เข้าร่วมกับขบวนการ ส่วนหนึ่งเกิดจากการสลายโครงสร้างเครือข่าย และส่วนหนึ่งเริ่มจะเห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลาย ที่กลุ่มขบวนการกระทำต่อทั้ง ไทยพุทธ ไทยมุสลิม จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในหลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่หนทางแห่งมุสลิม ไม่ใช่คำสอนของศาสนา แต่ เป็นการหลอก บีบบังคับ ชาวบ้านให้เป็นเครื่องมือของขบวนการ เกิดความเอือมระอา ที่เห็นกลุ่มคนพวกนี้ ฆ่าคนโดยวิธีการที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เช่นการ ราดน้ำมันจุดไฟเผา ตัดหัว วางระเบิดโดยไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นใคร
ที่มา
http://www.bpp44.go.th/index.php/17-bpp/12-bpp
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
มารู้จัก ขบวนการแบ่งแยกดินแดนBRN
BARISAN REVOLOSION NASIONAL MALAYA PATANI(BRN)
ขบวนการ BRN - CORDINATE คือกลุ่มขบวนการทางการเมืองแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้สุดของประเทศไทย อาณาเขต ๓ จังหวัดชายแดน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ อีก ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ อ.สะบ้าย้อย อ.จะนะ อ.เทพา และ อ.นาทวี เคลื่อนไหวดำเนินการใต้ดิน จัดตั้งขบวนการมาเป็นเวลา หลายสิบปีจุดประสงค์เพื่อปลดปล่อยเป็นรัฐอิสระ จากรัฐไทย สถาปนาตนเองเป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์ รัฐปาตานี(ฟอตานี)
แนวคิดกลุ่มขบวนการ คือการปลุกระดมสร้างสำนึกมวลชน อ้างอิงประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีเคยเป็นอิสระ แต่โดนสยามทำการรุกราน และยึดครองดินแดนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และ ชาติพันธุ์ ชาวมลายู อัตลักษณ์ของความเป็นชาวมุสลิม โดนรัฐกดขี่ข่มเหง ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อชาวมุสลิมในพื้นที่
จากการเข้าตรวจค้นบ้าน นายมะแซ อุเซ็ง เมื่อ ๑ พ.ค.๒๕๔๗ ตำแหน่งในขบวนการ คือผู้นำด้านจิตวิญญานที่เจ้าหน้าที่ค้นพบ เขียนด้วยภาษามลายู แปลได้ว่าเป็นแผนบันไดเจ็ดขั้นสู่ความเป็นเอกราช หัวข้อ : ฮ.ศ.1417 – ค.ศ.1997 : การโฆษณาชวนเชื่อเยาวชนปฏิบัติการทางทหาร คือ ความเมตตา เสียสละ ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ แผนบันไดเจ็ดขั้น
แผนบันไดเจ็ดขั้นสู่ความสำเร็จ (ปลดปล่อยรัฐปัตตานี)
1.สร้างสำนึกมวลชน ศาสนา ชาติพันธุ์ ประวัติศาสตร์นครปัตตานี ถูกยึดครอง การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาวมลายู ตั้งแต่ปี ๒๕๒๗-๒๕๓๗ (บ่มเพาะ)
2.จัดตั้งมวลชน จากสถาบันสอนศาสนา ตาดีกา ปอเนาะ คณะกรรมการ สหกรณ์ ชมรม/สมาคม การกีฬา ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗
3.จัดตั้งองค์กร (อยู่เบื้องหลัง) ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗
4.จัดตั้งกองกำลัง ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗-๒๕๔๗ (เตรียมการรบ)ชักชวนเยาวชนปฏิบัติการทางทหาร ๓,๐๐๐ คน
5.อุดมการณ์ชาตินิยม
6.เตรียมพร้อม (จุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติ)
7.จัดตั้งการปฏิวัติ (ก่อการปฏิวัติโดยการทหาร คอมมานโด อาร์เคเค โดยใช้ความรุนแรง ยุแหย่ให้ชาวพุทธมุสลิมเกิดความแตกแยกกันในพื้นที่ ) แต่ปี ๔๗ จนปัจุบัน จนกว่าจะได้รับชัยชนะ )
ธรรมนูญหลักของ บีอาร์เอ็น แนวทางการต่อสู้ของพรรค ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า ทุกความเคลื่อนไหวให้ความสำคัญ และสัมพันธ์ กับเป้าหมายการปฏิวัติแห่งชาติ
เรื่องที่ ๑ อุดมการณ์ของพรรค
เรื่องที่ ๒ รูปแบบการต่อสู้ของพรรค
เรื่องที่ื ๓ โครงการความเป็นชาติ
เรื่องที่ื ๔ โครงการทางเศรษฐกิจ
เรื่องที่ ๕ วิธีการต่อสู้
เรื่องที่ ๖ การเป็นสมาชิกของพรรค
เรื่องที่ ๗ การจัดบุคลากร และ ศูนย์บัญชาการ
กฎดิสพริน ๑๐ ข้อ
๑) ห้ามเปิดเผยความลับของกลุ่ม
๒) ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข
๓) ให้ความสำคัญกับกลุ่มเหนือเรื่องส่วนตัว
๔) เสียสละได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิต
๕) เมื่อการเรียกประชุมต้องมาทุกครั้ง
๖) ต้องเป็นคนรักษาสัจจะ
๗) ต้องยึดมั่นในกลุ่ม
๘) ต้องบริสุทธิ์ใจในการรับและให้ กับบุคคลในกลุ่ม
๙) เมื่อปฏิบัติหรือกระทำสิ่งใดต้องมีประโยชน์
๑๐) ต้องทำในสิ่งที่มอบหมายให้สำเร็จ
ชักชวนเยาวชนเข้าร่วมขบวนการ โดยอุซตาส (ครูสอนศาสนา) บางคนที่อยู่ในขบวนการเยาชนให้การเคารพนับถือเชื่อฟัง โดยจะคัดเลือกนักเรียนใน ปอเนาะ หรือโรงเรียนสอนศาสนา ที่เรียบร้อย เคร่งศาสนา ปลูกฟังความคิด ประวัติศาสาตร์ มาตุภูมิ ชาติพันธุ์ ชาวมลายู จนเยาวชน เกิดความคับแค้น หลงเข้าร่วมขบวนการสาบานตน (พิธีการซุมเปาะ) โดย ปกปิดไม่ให้ใครได้รับรู้แม้กระทั้ง ผู้ปกครอง
จากนั้น จะมีครูฝึก มาฝึกร่างกาย ยุทธวิธี การประกอบวัตถุระเบิด ปลูกฝังจิตสำนึกเกลียดชังตลอดระยะเวลา ให้เกลียดชัง เจ้าหน้าที่ และคนไทยที่เข้ามายึดครองครองดินแดนปัตตานี การทำสงครามญิฮัด อ้างถึงศาสนาโดยการบิดเบือนหลักคำสอนจากศาสนาอิสลาม มีครูฝึก เข้ามาสอนให้ผู้ร่วมขบวนการ ในเวลากลางคืน บางครั้งใช้พื้นที่ อาคารภายในโรงเรียน ภายในปอเนาะ หรือบริเวณป่าในหมู่บ้านในยามค่ำคืน (จากคำบอกเล่าของผู้เข้าร่วม ที่กลับใจเข้ามอบตัว เพราะเชื่อว่ากำลังถูกกลุ่มขบวนการหลอกใช้) เพราะขนาดพี่น้องของตัวเองที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางขบวนการ จะถูกออกคำสั่งให้ไปฆ่าคนเหล่านั้น เชื่อว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ได้พบกับพระเจ้า เป็นหนทางที่ถูกต้อง
จัดตั้ง อาเยาะห์ ภายในเขตระดับหมู่บ้าน โดยมี ผู้นำศาสนา โต๊ะครู ครูสอนศาสนาที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ (บางท่าน) เข้าร่วมขบวนการปลูกฝังแนวคิดให้ชาวบ้าน แทรกอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน (วิธีการแบบลัทธิคอมมิวนิสต์) เข้าเป็นแนวร่วม เชื่อฟังผู้นำ หาเงินสนับสนุนขบวนการ ให้แหล่งพักพิง เสบียงอาหาร และเป็นหูเป็นตาจับตาความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ให้แก่กองกำลังติดอาวุธ ที่เข้ามาปฏิบัติการภายในหมู่บ้าน หากผู้ใด ขัดขืนไม่เชื่อฟัง จะต้องได้รับโทษ คือความตาย จนชาวบ้านต่างพากันยำเกรงอิทธิพล ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กองกำลังปฏิบัติการทางทหาร ทั้งหน่วย คอมมานโด และ อาร์เคเค จะกบดาน ภายในหมู่บ้านจัดตั้ง หรือที่เรียกว่าหมู่บ้านที่ถูกปลดปล่อย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถเข้าถึงได้ การจัดตั้งที่เข้มแข็ง เป็นเกราะมนุษย์ให้กับกองกำลังทางทหาร หาข่าว ดูต้นทาง ให้ที่หลบซ่อน ยากที่เจ้าหน้าที่สามารถสืบทราบข้อมูลได้เพราะชาวบ้านไม่มีใครให้ความร่วมมือ ไปถามอะไร คำตอบที่ได้คือ...ไม่รู้ ไม่เห็น
กองกำลังปฎิบัติการทางทหาร จะทำงานอย่างใจเย็น ลงมือเมื่อได้เปรียบฝ่ายเจ้าหน้าที่ พลาดน้อยที่สุด จะมีทั้งชุดระเบิดทำลาย ชุดเข้าโจมตีเป้าหมาย หลายต่อหลายครั้งที่ทำสำเร็จ เจ้าหน้าที่เกิดการสูญเสียถึงชีวิตและสามารถ ชิงเอาอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่มาได้
พื้นที่ในสามจังหวัดชายแดน ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ ป่าเขา เช่นจังหวัด นราธิวาส และ ยะลา เช่น อ.บันนังสตา อ.รือเสาะ และถือได้ว่า เป็นฐานที่มั่นของกองกำลัง ของหน่วยปฏิบัติการทางทหารภาคป่าเขา (หน่วยปฏิบัติการ คอมมานโด และ อาร์เคเค) มีความชำนาญพื้นที่ ใช้เป็น ฐานการฝึกอาวุธ ให้กับเยาวชน พื้นที่ป่าเขาสลับซับซ้อน ยากต่อการตรวจพบของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เมื่อก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ ง่ายต่อการหลบหนี การพรางตัวเข้าปะปนกับชาวบ้าน ไม่สามารถตามจับกุมได้ ใช้ยุทธวิธีรบแบบกองโจร เป็นหน่วยรบขนาดเล็ก เคลื่อนไหวในพื้นที่
มีมวลชนในหมู่บ้านที่จัดตั้ง (หมู่บ้านที่เป็นแนวร่วมขบวนการ) ให้การสนับสนุน และ ก่อการประท้วงเมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ จับกุม แกนนำขบวนการ หรือ ฝ่ายปฏิบัติการทางทหาร โดยจะนำเด็ก สตรี มาประท้วงเหตุหลายครั้ง จนบางคน ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคนพาไปไหน (จากการให้ข้อมูลของ ชาวบ้านที่เคยหลงผิด) ปัจจุบันนี้ชาวบ้านไม่เข้าร่วมกับขบวนการ ส่วนหนึ่งเกิดจากการสลายโครงสร้างเครือข่าย และส่วนหนึ่งเริ่มจะเห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลาย ที่กลุ่มขบวนการกระทำต่อทั้ง ไทยพุทธ ไทยมุสลิม จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในหลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่หนทางแห่งมุสลิม ไม่ใช่คำสอนของศาสนา แต่ เป็นการหลอก บีบบังคับ ชาวบ้านให้เป็นเครื่องมือของขบวนการ เกิดความเอือมระอา ที่เห็นกลุ่มคนพวกนี้ ฆ่าคนโดยวิธีการที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เช่นการ ราดน้ำมันจุดไฟเผา ตัดหัว วางระเบิดโดยไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นใคร
ที่มา
http://www.bpp44.go.th/index.php/17-bpp/12-bpp
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2