เท่าที่จำความได้ ตอนนั้นเหล่าผู้ดี นักประชาธิปไตยต้องการให้ฝ่ายบริหาร ( ซึ่งตัวเองกุมอำนาจ และเสียงส่วนใหญ่ในสภา ) ได้มีการทำงานที่สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
จึงร่าง รธน. ปี 40 ขึ้นมาจากเสียงที่โอดครวญ และเล่าถึงความยากลำบากกับประชาชนว่าต้องการให้ฝ่ายบริหารแข็งแกร่ง และให้กาคทำงานสะดวกราบรื่น
จนมาถึงวันนึง เหล่านักประชาธิปไตย ผู้มีอุดมการณ์แห่งประชาธิปไตย เหล่านั้นได้พ่ายแพ้อย่างสู้ไม่ได้ ซึ่งการพ่ายแพ้ไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับทักษิน
แต่เป็นการพ่ายแพ้ต่อ อำนาจของประชาชนที่ต้องการมีชีวิตและความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้น และเวลาแห่งการแสดงธาตุแท้ที่ตัวเองเป็นอยู่จริง ๆ จึงได้เริ่มขึ้น
ในวันที่ตัวเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูปต่ออำนาจประชาชน การระดมข้อกล่าวหาเป็นร้อยเป็นพันเรื่องเพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับในความไม่มีประสิทธิภาพของตัวเอง
กระบวนการการสร้างข่าวใส่ร้ายจึงกำเนิดขึ้น เหล่าข้อกล่าหาต่ออำนาจประชาชน ที่ว่าการใช้เงินเพื่อเป็นเครื่องมือจึงเลือกตั้งชนะ การทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ
จนสุดท้ายด้วยข้อกล่าวหาว่าผู้ที่ได้อำนาจของประชาชนจากการเลือกตั้ง ได้ทำการคิดไม่ดีต่อสถาบัน ซึ่งประเด็นหลังสุดทำให้เกิดการจุดติดในเหล่าความคิดของผู้ดี
ในสังคมเมืองกรุง จนกระทั่งยึดเอาความรักต่อสถาบันไปอยู่กับกลุ่มตัวเองเท่านั้น พร้อมผลักไสฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาคิดล้มล้างสถาบัน
แต่ผู้ดีเหล่านี้ไม่เคยฉุกคิดถึงเหตุการที่นายกฯ ผู้แทนของอำนาจประชน ได้ทวายการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเพื่อฉลองและแสดงถึงความจงรักภักดี
ให้กับล้นเกล้าเหนือหัวของปวงชนชาวไทย ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน เหล่าผู้ดีรักชาติเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า พรรคเก่าแก่อยู่มาอย่างยาวนาน ทำไมไม่เคยจัดงาน
เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีให้ยิ่งใหญ่ได้แบบนี้ แต่สุดท้ายความจงรักภักดีต่อสถาบันของทักษิน ก็ไม่ได้ไปช่วยปิดตาแห่งความอัคติของผู้ดีเหล่านี้
จนถึงวันนึงภายใต้เผด็จการ ภายใต้พรรคผู้ดี อำนาจของประชนก็ได้แสดงให้เห็นว่า เงินซื้อพวกเค้าไม่ได้ อำนาจของประชนได้กลับมาอีกครั้ง
แต่แล้ว อำนาจของประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติ เพื่อให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้น จุดที่ รธน. ปี 40 ได้เกิดขึ้น
รธน. ที่เหล่าผู้ดีเก่า เหล่านั้นได้ยกย่องเป็นหนักหนาว่ามาจากประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการยกย่องในวันที่ ตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป
อำนาจไปอยู่กับประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ วลีเด็ด " เผด็จการเสียงข้างมาก " จึงได้มีการจุดกระแสขึ้น โดยหารู้ไม่ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง และเพียงเพื่อ
เป็นกระแสในการหาจุดยืนเพือรักษามวลชนของตัวเองให้แยกออกมาอยู่เคียงข้างความความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ผมเชื่ออย่างนึงว่า ถ้าพรรคผู้ดีและคนที่เลือกพรรคฝ่ายผู้ดีอยู่ตอนนี้ วันนึงถ้ามีโอกาสที่เค้าเป็นเสียงส่วนใหญ่ เค้าจะกลืนน้าลายตัวเองกันทั้งหมด
ทุกวันนี้เป็นเพราะพรรคนี้และคนที่เลือก ต้องการหาข้ออ้าง เพื่อเป็นที่พักพิงและสนองตัณหาในจิตใจสำหรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นซะมากกว่าครับ
การที่รัฐธรรมนูญปี 40 ที่คนพรรคผู้ดีนี้คิดขึ้น เพราะเวลานั้นตัวเองมีเสียงส่วนใหญ่จึงต้องการให้อำนาจฝ่ายบริหารมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ รธน. 40
แต่พอตัวเองยืนอยู่ฝั่งส่วนน้อย กลับต้องการลดอำนาจฝ่ายบริหารด้วยการนำตุลาการเข้ามาแทรกแทรง ....
ปัญหาไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมาก เพราะปัญหาคือ ตัวเองพ่ายแพ้ต่ออำนาจของประชาชน แต่ต้องการชนะด้วยวิธีอื่น ก็เท่านั้น
ถ้าวันนั้นพรรคผู้ดี ผู้รักประชาธิปไตยฉุกคิดที่จะพัฒนาตัวเอง มากกว่าที่จะเสแสร้งสร้างเรื่องโกหกใส่ร้ายคนอื่น
ฉุกคิดว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพของตัวเอง แล้วปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น มากกว่ากล่าวหาคนอื่น ๆ
เวลานี้ ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรงมากกว่านี้
ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ไม่แข็งแรง ไม่ใช่เพราะอำนาจเสียงส่วนใหญ่แข็งแรงเกินไป
ไม่ใช่เพราะเสียงส่วนน้อยไม่ยอมฟังเสียงส่วนใหญ่
แต่เป็นเพราะว่าเรามีเสียงส่วนน้อย ที่ไม่มีประสิทธิภาพ และอ่อนแอจนเกินไป อ่อนแอจนจนสู้เสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ อ่อนแอและรอกับความหวังที่วันนึง
เสียงส่วนใหญ่จะอ่อนแอลงเอง ประเทศเราจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เมื่อเสียงส่วนน้อยมีความก้าวหน้าทางด้านความคิด และพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ เราจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
อยากฝากบอก ปชป และคนที่เลือกว่า ถ้า ปชป ไม่อ่อนแอลงเอง ทุกวันนี้คงไม่มีนายกที่ชีอทักษิน
และถ้า ปชป อยากจะเดินก้าวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวหน้าพรรคและคู่หูต้องไม่ใช่ อภิทธิ์ กับ สุเทพ
ถ้าตราบใดยังมีสองคนนี้ ความคิดความอ่านของพรรคก็ยังเหมือนเดิม คือ " โทษทุกคน ยกเว้นตัวเอง "
และให้รู้ไว้ว่า ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทย และนายกฯ จะทำงานได้ดีมาก และประชาชนไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
ดูจากการเลือกตั้งซ่อมหลาย ๆ ครั้งที่ พรรคเพื่อไทยแพ้ โดยเฉพาะที่ดอนเมือง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนไม่ค่อยพอใจกับผลงานรัฐบาลนี้
แต่คุณเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหญ่แล้วพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงไป ผมว่า ณ วันนี้ วันที่ ปชป ยังจมอยู่กับ อภิสิทธิ์ เลือกตั้งใหญ่ สส ดอนเมือง
จะกลับมาเป็นของเพื่อไทย เพราะคนไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพราะคนที่เลือกเพื่อไทยเพราะอยากเลือก
พอตัวเองมีอำนาจเลยร่าง รธน. 40 พออำนาจหมดบอกฝ่ายตรงข้ามเผด็จการเสียงส่วนใหญ่
จึงร่าง รธน. ปี 40 ขึ้นมาจากเสียงที่โอดครวญ และเล่าถึงความยากลำบากกับประชาชนว่าต้องการให้ฝ่ายบริหารแข็งแกร่ง และให้กาคทำงานสะดวกราบรื่น
จนมาถึงวันนึง เหล่านักประชาธิปไตย ผู้มีอุดมการณ์แห่งประชาธิปไตย เหล่านั้นได้พ่ายแพ้อย่างสู้ไม่ได้ ซึ่งการพ่ายแพ้ไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับทักษิน
แต่เป็นการพ่ายแพ้ต่อ อำนาจของประชาชนที่ต้องการมีชีวิตและความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้น และเวลาแห่งการแสดงธาตุแท้ที่ตัวเองเป็นอยู่จริง ๆ จึงได้เริ่มขึ้น
ในวันที่ตัวเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูปต่ออำนาจประชาชน การระดมข้อกล่าวหาเป็นร้อยเป็นพันเรื่องเพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับในความไม่มีประสิทธิภาพของตัวเอง
กระบวนการการสร้างข่าวใส่ร้ายจึงกำเนิดขึ้น เหล่าข้อกล่าหาต่ออำนาจประชาชน ที่ว่าการใช้เงินเพื่อเป็นเครื่องมือจึงเลือกตั้งชนะ การทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ
จนสุดท้ายด้วยข้อกล่าวหาว่าผู้ที่ได้อำนาจของประชาชนจากการเลือกตั้ง ได้ทำการคิดไม่ดีต่อสถาบัน ซึ่งประเด็นหลังสุดทำให้เกิดการจุดติดในเหล่าความคิดของผู้ดี
ในสังคมเมืองกรุง จนกระทั่งยึดเอาความรักต่อสถาบันไปอยู่กับกลุ่มตัวเองเท่านั้น พร้อมผลักไสฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาคิดล้มล้างสถาบัน
แต่ผู้ดีเหล่านี้ไม่เคยฉุกคิดถึงเหตุการที่นายกฯ ผู้แทนของอำนาจประชน ได้ทวายการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเพื่อฉลองและแสดงถึงความจงรักภักดี
ให้กับล้นเกล้าเหนือหัวของปวงชนชาวไทย ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน เหล่าผู้ดีรักชาติเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า พรรคเก่าแก่อยู่มาอย่างยาวนาน ทำไมไม่เคยจัดงาน
เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีให้ยิ่งใหญ่ได้แบบนี้ แต่สุดท้ายความจงรักภักดีต่อสถาบันของทักษิน ก็ไม่ได้ไปช่วยปิดตาแห่งความอัคติของผู้ดีเหล่านี้
จนถึงวันนึงภายใต้เผด็จการ ภายใต้พรรคผู้ดี อำนาจของประชนก็ได้แสดงให้เห็นว่า เงินซื้อพวกเค้าไม่ได้ อำนาจของประชนได้กลับมาอีกครั้ง
แต่แล้ว อำนาจของประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติ เพื่อให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้น จุดที่ รธน. ปี 40 ได้เกิดขึ้น
รธน. ที่เหล่าผู้ดีเก่า เหล่านั้นได้ยกย่องเป็นหนักหนาว่ามาจากประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการยกย่องในวันที่ ตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป
อำนาจไปอยู่กับประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ วลีเด็ด " เผด็จการเสียงข้างมาก " จึงได้มีการจุดกระแสขึ้น โดยหารู้ไม่ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง และเพียงเพื่อ
เป็นกระแสในการหาจุดยืนเพือรักษามวลชนของตัวเองให้แยกออกมาอยู่เคียงข้างความความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ผมเชื่ออย่างนึงว่า ถ้าพรรคผู้ดีและคนที่เลือกพรรคฝ่ายผู้ดีอยู่ตอนนี้ วันนึงถ้ามีโอกาสที่เค้าเป็นเสียงส่วนใหญ่ เค้าจะกลืนน้าลายตัวเองกันทั้งหมด
ทุกวันนี้เป็นเพราะพรรคนี้และคนที่เลือก ต้องการหาข้ออ้าง เพื่อเป็นที่พักพิงและสนองตัณหาในจิตใจสำหรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นซะมากกว่าครับ
การที่รัฐธรรมนูญปี 40 ที่คนพรรคผู้ดีนี้คิดขึ้น เพราะเวลานั้นตัวเองมีเสียงส่วนใหญ่จึงต้องการให้อำนาจฝ่ายบริหารมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ รธน. 40
แต่พอตัวเองยืนอยู่ฝั่งส่วนน้อย กลับต้องการลดอำนาจฝ่ายบริหารด้วยการนำตุลาการเข้ามาแทรกแทรง ....
ปัญหาไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมาก เพราะปัญหาคือ ตัวเองพ่ายแพ้ต่ออำนาจของประชาชน แต่ต้องการชนะด้วยวิธีอื่น ก็เท่านั้น
ถ้าวันนั้นพรรคผู้ดี ผู้รักประชาธิปไตยฉุกคิดที่จะพัฒนาตัวเอง มากกว่าที่จะเสแสร้งสร้างเรื่องโกหกใส่ร้ายคนอื่น
ฉุกคิดว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพของตัวเอง แล้วปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น มากกว่ากล่าวหาคนอื่น ๆ
เวลานี้ ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรงมากกว่านี้
ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ไม่แข็งแรง ไม่ใช่เพราะอำนาจเสียงส่วนใหญ่แข็งแรงเกินไป
ไม่ใช่เพราะเสียงส่วนน้อยไม่ยอมฟังเสียงส่วนใหญ่
แต่เป็นเพราะว่าเรามีเสียงส่วนน้อย ที่ไม่มีประสิทธิภาพ และอ่อนแอจนเกินไป อ่อนแอจนจนสู้เสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ อ่อนแอและรอกับความหวังที่วันนึง
เสียงส่วนใหญ่จะอ่อนแอลงเอง ประเทศเราจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เมื่อเสียงส่วนน้อยมีความก้าวหน้าทางด้านความคิด และพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ เราจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
อยากฝากบอก ปชป และคนที่เลือกว่า ถ้า ปชป ไม่อ่อนแอลงเอง ทุกวันนี้คงไม่มีนายกที่ชีอทักษิน
และถ้า ปชป อยากจะเดินก้าวไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวหน้าพรรคและคู่หูต้องไม่ใช่ อภิทธิ์ กับ สุเทพ
ถ้าตราบใดยังมีสองคนนี้ ความคิดความอ่านของพรรคก็ยังเหมือนเดิม คือ " โทษทุกคน ยกเว้นตัวเอง "
และให้รู้ไว้ว่า ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทย และนายกฯ จะทำงานได้ดีมาก และประชาชนไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
ดูจากการเลือกตั้งซ่อมหลาย ๆ ครั้งที่ พรรคเพื่อไทยแพ้ โดยเฉพาะที่ดอนเมือง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนไม่ค่อยพอใจกับผลงานรัฐบาลนี้
แต่คุณเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหญ่แล้วพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงไป ผมว่า ณ วันนี้ วันที่ ปชป ยังจมอยู่กับ อภิสิทธิ์ เลือกตั้งใหญ่ สส ดอนเมือง
จะกลับมาเป็นของเพื่อไทย เพราะคนไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพราะคนที่เลือกเพื่อไทยเพราะอยากเลือก