สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆทุกท่าน
วันนี้มีเรื่องสั้นเฉพาะกิจพร้อมเพลงมาฝากอีกแล้วค่ะ
ขอเวลาปิดเรื่องยาวเรื่องที่สองก่อนนะคะ
คิดว่าจะจบได้ในวันอาทิตย์นี้แล้ว
แล้วจะมาลง 321คาเฟ่ กับ AMHARA ต่อค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณเพลงเพราะๆจากยูทูปค่ะ
คิดถึงนะ
เสียงกระทบกันของฝีเท้าที่วิ่งเหยาะๆย่ำไปบนพื้นทางเดินเหล็กทอดยาวดังขึ้นทุกวันในเวลาเดิมหลังเลิกงานเป็นประจำ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงวอร์มเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวเข้าชุดพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กพาดคอเอาไว้ซับเหงื่อที่ยังคงไหลลงมาไม่หยุด แต่เขาก็ยังคงสดชื่นเมื่อไอเย็นของลมแปรปรวนท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้มส่งผ่านมากระทบผิวกายเป็นระยะ
“ฟ้าครึ้มพิกลแฮะ”
เขาพึมพำออกมายามมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีเมฆสีเทาเข้มลอยเต็ม อาจจะเพราะฟ้ายังไม่สว่าง เมฆจึงมีสีเข้ม แต่ไม่ใช่หรอก คนทำงานในทะเลแค่มองท้องฟ้าและผืนน้ำสีเข้มจัดและสงบนิ่งกว่าปกติ ก็ชักจะเกิดอาการแพนิกอีกแล้ว
“ยังออกกำลังกายอยู่อีกเหรอพี่ ตีห้าครึ่งแล้วนะ”
เสียงทักทายดังขึ้นข้างหลัง ชายหนุ่มตอบวิศวกรหนุ่มรุ่นน้องที่มีท่าทางอิดโรยไม่สู้ดีนัก ด้วยอารมณ์แจ่มใส
“อืม..กำลังจะไปอาบน้ำเข้ากะแล้วล่ะ แล้วนายล่ะอยู่เช้าหรือดึก”
“แค่ก..แค่ก ผมไม่ค่อยดีเลยพี่วันนี้ กะว่าจะไปหาหมอไม่รู้ต้องโดนให้กลับฝั่งรึเปล่า” ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธพร้อมทั้งมีอาการไอให้เห็นเป็นระยะ
“รักษาเนื้อรักษาตัวหน่อย นายน่ะไม่ค่อยพักผ่อน เลิกงานแล้วยังจะไปนั่งดูหนังอีก พวกเราน่ะแค่ทำงานก็สิบสองชั่วโมงต่อวันแล้วนะ มันก็ต้องล้าบ้าง ถ้าฉีดยาไม่ดีขึ้นก็ต้องขึ้นไปพักบนฝั่งเดี๋ยวจะพาลติดคนที่นี่”
เขาบอกกล่าวรุ่นน้องหนุ่มในฐานะรุ่นพี่ที่ทำงานมาก่อนนานกว่าและตำแหน่งสูงกว่ามาก การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลังเลิกงานหกโมงเย็นเขามักจะต้องทำเป็นประจำยามที่ต้องทำงานอยู่ที่นี่..ที่กลางทะเล ร่างกายที่แข็งแรงสภาพที่สมบูรณ์พร้อมจะทำให้เขาไม่เป็นภาระของใครและไม่เป็นพาหะเสี่ยงนำเชื้อโรคมาติดใครที่อยู่ที่นี่ได้
“ก็มันเหงานี่พี่..อยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว ไม่ชินสักทีทั้งๆที่ทำงานมาจะครบปีแล้ว”
“เอาน่า...อีกไม่นานก็ชินเองแหละ นึกถึงก่อนที่นายจะได้มาทำงานที่นี่สิ ต้องอดทนมุมานะแค่ไหนกว่าจะผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าท้อถอยนะ”
“ขอบคุณครับพี่”
ก็เป็นซะอย่างนี้ ชีวิตคนทำงานกลางทะเล ที่มีทั้งสนุกสนาน เร้าใจ และเสี่ยงภัยกับธรรมชาติอันแสนวกวนตลอดปี ชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ เป็นปกติเช่นเดิมทุกวันในทุกสิบสี่วันทำงาน ตื่นตีห้าอาบน้ำในห้องอาบน้ำรวมที่อยู่ไม่ไกลจากห้องพัก เสื้อผ้าประจำวันที่ใช้สำหรับการทำงานก็มักจะถูกนำมาวางไว้ให้หน้าห้องนอนและมีชื่อเขียนระบุเจ้าของไว้หน้าถุงเสร็จสรรพ เป็นชีวิตที่ค่อนข้างสบายใช้ได้แต่ไม่เป็นอิสระนัก
แล้วเขาก็พร้อมหมวกนิรภัยสีเหลืองและรองเท้าหัวเหล็กกระชับพอดีเท้าก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยสำหรับการทำงานในวันใหม่เช่นเคย ชายหนุ่มก้าวไปยังสะพานเหล็กที่เชื่อมต่อระหว่างตึกหนึ่งไปยังตึกหนึ่งด้วยระยะทางเดินเท้าที่ยาวไกลไม่ธรรมดาเช่นเดิม จนมาถึงห้องประตูนิรภัยสองชั้นห้องทำงานปกติของเขา

“วันนี้มาเร็วนี่”
คำทักทายแรกของวันจากหัวหน้างานหรือลีด ผู้อาวุโสในแผนกผลิตเอ่ยทักทายหลังจากเขาก้าวเข้ามาประจำการหน้าโต๊ะที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานผลิตพร้อมสรรพอยู่รายรอบ ชายหนุ่มยิ้มกว้างตอบอย่างคนอารมณ์ดีพร้อมเอ่ยทักทายเช่นกัน
“ครับ..แต่วันนี้พี่มาเร็วกว่าผมอีก มีอะไรรึเปล่า..หรือว่า”
“เออ..นั่นแหละ วันนี้ท่าทางไม่ดีนะ มีคำเตือนมาว่าพายุจะเข้าฟิลิปปินส์อีกแล้วน่ะสิ”
มิน่า..วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างไรพิกล น้ำทะเลสีเข้มนิ่งเงียบผิดปกติบ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่างที่คนทำงานในทะเลทุกคนมักรู้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลย
“อีกแล้ว แล้วลูกใหญ่มั๊ยพี่ ทิศทางล่ะ”
“น้องๆพายุเกย์เลย ทิศทางน่าเป็นห่วงว่ะ เข้าฝั่งเวียตนามน่าจะไม่พ้นเที่ยงพรุ่งนี้แน่พี่ว่างานนี้มีอพยพ”
คำตอบที่น่าหดหู่สำหรับคนทำงานกลางทะเลเช่นเขา เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ยิ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นนี้ ชีวิตคนยิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
“แล้วอพยพเมื่อไหร่เหรอพี่”
“พรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่สลายนะ ชุดแรกพวกสีเขียวเตรียมอพยพลงเรือใหญ่กับฮ.กันได้เลย แล้วค่อยต่อชุดสองชุดสามตามกันไป”
ลีด..หรือหัวหน้างานผมสีดอกเลาวัยกลางคนเอ่ย น้ำเสียงกังวลนัก เขาไม่ค่อยสบายใจเลย นึกรู้ชะตากรรมของตัวเองดีกว่าใคร
“ที เจ.. คุณก็เตรียมตัวไว้นะ ส่วนเกินอย่างเรา เออ..ไม่ใช่สิพวกเราฝ่ายควบคุมการผลิตหัวใจหลักสำคัญจะต้องอยู่เป็นชุดสุดท้าย รอคำสั่งจากผม ถ้าพายุไม่เปลี่ยนทิศทางหรือไม่สลาย เตรียมตัวชัทดาวน์สละฐานกันได้เลย”
“ครับ..พี่”
ที เจ ถอนหายใจพรืดใหญ่ เรื่องสละฐานเป็นเรื่องใหญ่ สิบชีวิตที่ต้องอยู่เป็นชุดสุดท้ายพร้อมเฮลิคอปเตอร์สีขาวแดงลำใหญ่อีกหนึ่งลำต้องเตรียมพร้อมรับหน่วยเดนตายหน่วยสุดท้ายขึ้นกลับฝั่งให้ทันแบบหายใจรดพายุกันเลยทีเดียว
“อ้อ..อย่าลืมบอกคนทางบ้านด้วยนะ เดี๋ยวเค้าจะเป็นห่วง”
คิดถึงนะ....
วันนี้มีเรื่องสั้นเฉพาะกิจพร้อมเพลงมาฝากอีกแล้วค่ะ
ขอเวลาปิดเรื่องยาวเรื่องที่สองก่อนนะคะ
คิดว่าจะจบได้ในวันอาทิตย์นี้แล้ว
แล้วจะมาลง 321คาเฟ่ กับ AMHARA ต่อค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คิดถึงนะ
เสียงกระทบกันของฝีเท้าที่วิ่งเหยาะๆย่ำไปบนพื้นทางเดินเหล็กทอดยาวดังขึ้นทุกวันในเวลาเดิมหลังเลิกงานเป็นประจำ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงวอร์มเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวเข้าชุดพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กพาดคอเอาไว้ซับเหงื่อที่ยังคงไหลลงมาไม่หยุด แต่เขาก็ยังคงสดชื่นเมื่อไอเย็นของลมแปรปรวนท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้มส่งผ่านมากระทบผิวกายเป็นระยะ
“ฟ้าครึ้มพิกลแฮะ”
เขาพึมพำออกมายามมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีเมฆสีเทาเข้มลอยเต็ม อาจจะเพราะฟ้ายังไม่สว่าง เมฆจึงมีสีเข้ม แต่ไม่ใช่หรอก คนทำงานในทะเลแค่มองท้องฟ้าและผืนน้ำสีเข้มจัดและสงบนิ่งกว่าปกติ ก็ชักจะเกิดอาการแพนิกอีกแล้ว
“ยังออกกำลังกายอยู่อีกเหรอพี่ ตีห้าครึ่งแล้วนะ”
เสียงทักทายดังขึ้นข้างหลัง ชายหนุ่มตอบวิศวกรหนุ่มรุ่นน้องที่มีท่าทางอิดโรยไม่สู้ดีนัก ด้วยอารมณ์แจ่มใส
“อืม..กำลังจะไปอาบน้ำเข้ากะแล้วล่ะ แล้วนายล่ะอยู่เช้าหรือดึก”
“แค่ก..แค่ก ผมไม่ค่อยดีเลยพี่วันนี้ กะว่าจะไปหาหมอไม่รู้ต้องโดนให้กลับฝั่งรึเปล่า” ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธพร้อมทั้งมีอาการไอให้เห็นเป็นระยะ
“รักษาเนื้อรักษาตัวหน่อย นายน่ะไม่ค่อยพักผ่อน เลิกงานแล้วยังจะไปนั่งดูหนังอีก พวกเราน่ะแค่ทำงานก็สิบสองชั่วโมงต่อวันแล้วนะ มันก็ต้องล้าบ้าง ถ้าฉีดยาไม่ดีขึ้นก็ต้องขึ้นไปพักบนฝั่งเดี๋ยวจะพาลติดคนที่นี่”
เขาบอกกล่าวรุ่นน้องหนุ่มในฐานะรุ่นพี่ที่ทำงานมาก่อนนานกว่าและตำแหน่งสูงกว่ามาก การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลังเลิกงานหกโมงเย็นเขามักจะต้องทำเป็นประจำยามที่ต้องทำงานอยู่ที่นี่..ที่กลางทะเล ร่างกายที่แข็งแรงสภาพที่สมบูรณ์พร้อมจะทำให้เขาไม่เป็นภาระของใครและไม่เป็นพาหะเสี่ยงนำเชื้อโรคมาติดใครที่อยู่ที่นี่ได้
“ก็มันเหงานี่พี่..อยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว ไม่ชินสักทีทั้งๆที่ทำงานมาจะครบปีแล้ว”
“เอาน่า...อีกไม่นานก็ชินเองแหละ นึกถึงก่อนที่นายจะได้มาทำงานที่นี่สิ ต้องอดทนมุมานะแค่ไหนกว่าจะผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าท้อถอยนะ”
“ขอบคุณครับพี่”
ก็เป็นซะอย่างนี้ ชีวิตคนทำงานกลางทะเล ที่มีทั้งสนุกสนาน เร้าใจ และเสี่ยงภัยกับธรรมชาติอันแสนวกวนตลอดปี ชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ เป็นปกติเช่นเดิมทุกวันในทุกสิบสี่วันทำงาน ตื่นตีห้าอาบน้ำในห้องอาบน้ำรวมที่อยู่ไม่ไกลจากห้องพัก เสื้อผ้าประจำวันที่ใช้สำหรับการทำงานก็มักจะถูกนำมาวางไว้ให้หน้าห้องนอนและมีชื่อเขียนระบุเจ้าของไว้หน้าถุงเสร็จสรรพ เป็นชีวิตที่ค่อนข้างสบายใช้ได้แต่ไม่เป็นอิสระนัก
แล้วเขาก็พร้อมหมวกนิรภัยสีเหลืองและรองเท้าหัวเหล็กกระชับพอดีเท้าก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยสำหรับการทำงานในวันใหม่เช่นเคย ชายหนุ่มก้าวไปยังสะพานเหล็กที่เชื่อมต่อระหว่างตึกหนึ่งไปยังตึกหนึ่งด้วยระยะทางเดินเท้าที่ยาวไกลไม่ธรรมดาเช่นเดิม จนมาถึงห้องประตูนิรภัยสองชั้นห้องทำงานปกติของเขา
“วันนี้มาเร็วนี่”
คำทักทายแรกของวันจากหัวหน้างานหรือลีด ผู้อาวุโสในแผนกผลิตเอ่ยทักทายหลังจากเขาก้าวเข้ามาประจำการหน้าโต๊ะที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานผลิตพร้อมสรรพอยู่รายรอบ ชายหนุ่มยิ้มกว้างตอบอย่างคนอารมณ์ดีพร้อมเอ่ยทักทายเช่นกัน
“ครับ..แต่วันนี้พี่มาเร็วกว่าผมอีก มีอะไรรึเปล่า..หรือว่า”
“เออ..นั่นแหละ วันนี้ท่าทางไม่ดีนะ มีคำเตือนมาว่าพายุจะเข้าฟิลิปปินส์อีกแล้วน่ะสิ”
มิน่า..วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างไรพิกล น้ำทะเลสีเข้มนิ่งเงียบผิดปกติบ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่างที่คนทำงานในทะเลทุกคนมักรู้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลย
“อีกแล้ว แล้วลูกใหญ่มั๊ยพี่ ทิศทางล่ะ”
“น้องๆพายุเกย์เลย ทิศทางน่าเป็นห่วงว่ะ เข้าฝั่งเวียตนามน่าจะไม่พ้นเที่ยงพรุ่งนี้แน่พี่ว่างานนี้มีอพยพ”
คำตอบที่น่าหดหู่สำหรับคนทำงานกลางทะเลเช่นเขา เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ยิ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นนี้ ชีวิตคนยิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
“แล้วอพยพเมื่อไหร่เหรอพี่”
“พรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่สลายนะ ชุดแรกพวกสีเขียวเตรียมอพยพลงเรือใหญ่กับฮ.กันได้เลย แล้วค่อยต่อชุดสองชุดสามตามกันไป”
ลีด..หรือหัวหน้างานผมสีดอกเลาวัยกลางคนเอ่ย น้ำเสียงกังวลนัก เขาไม่ค่อยสบายใจเลย นึกรู้ชะตากรรมของตัวเองดีกว่าใคร
“ที เจ.. คุณก็เตรียมตัวไว้นะ ส่วนเกินอย่างเรา เออ..ไม่ใช่สิพวกเราฝ่ายควบคุมการผลิตหัวใจหลักสำคัญจะต้องอยู่เป็นชุดสุดท้าย รอคำสั่งจากผม ถ้าพายุไม่เปลี่ยนทิศทางหรือไม่สลาย เตรียมตัวชัทดาวน์สละฐานกันได้เลย”
“ครับ..พี่”
ที เจ ถอนหายใจพรืดใหญ่ เรื่องสละฐานเป็นเรื่องใหญ่ สิบชีวิตที่ต้องอยู่เป็นชุดสุดท้ายพร้อมเฮลิคอปเตอร์สีขาวแดงลำใหญ่อีกหนึ่งลำต้องเตรียมพร้อมรับหน่วยเดนตายหน่วยสุดท้ายขึ้นกลับฝั่งให้ทันแบบหายใจรดพายุกันเลยทีเดียว
“อ้อ..อย่าลืมบอกคนทางบ้านด้วยนะ เดี๋ยวเค้าจะเป็นห่วง”