โอเค72เสียงผ่านฉลุยพร้อมให้มีการเลือกตั้งใน45วัน

ธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านในที่ประชุมเรียบร้อย หลังจาก ''บิ๊กก๊อง'' วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครนายกสมาคมฟุตบอลฯ ยอมรับในข้อ 21 จากที่เคยสงวนสิทธิ์ ให้เป็น 72 เสียงตามเดิม แต่ขอปรับสิทธิ์ที่มาจากลีกภูมิภาคทั้ง 30 เสียง ให้เป็นการใช้แรงกิ้งอันดับ 1-5 ของตารางคะแนนในเลกแรก ด้าน ''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ เผยจะนำมติที่รับรองนี้ไปจดทะเบียนต่อกรมการปกครอง พร้อมให้มีการเลือกตั้งใน 45 วัน นอกจากนี้จะไม่มีการใช้ ''ใบมอบอำนาจ'' ในการเลือกตั้งอีกแล้ว


        หลังจากที่ยืดยื้อการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาถึง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่สโมสรสมาชิกได้ยกมือโหวตรับร่างธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าฝ่ายไม่เห็นด้วยได้ขอสงวนสิทธิ์ในข้อ 21 ถึงที่มาที่ไปของจำนวนเสียง โดยเฉพาะที่มาจากตัวแทนลีกภูมิภาค
      
        ซึ่ง "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ได้ขอกลับไปประชุมกับสโมสรสมาชิก ก่อนที่จะมาเสนอขอปรับลดจำนวนเสียงตัวแทนจากลีกภูมิภาค จาก 30 เหลือ 24 เสียง และเพิ่มเสียงของสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง เป็น 12 เสียงแทน ทว่าตัวแทนของลีกภูมิภาคไม่ยินยอม เนื่องจากสโมสรเหล่านี้ทำกิจกรรมตลอดทั้งปี ผิดกับสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง ที่มีแข่งแค่ 1 เดือนต่อปี หรือบางทีมแข่งแค่ 1 ครั้งต่อปีเท่านั้นถือว่าต่างกัน
  
        ล่าสุดช่วง 11.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนของฟีฟ่า นำโดย เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของฟีฟ่า และ มร.ซานจิวาล บาลาซิงกัม ผู้แทนเอเอฟซี ได้เชิญ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย "วิรัช"ชาญพานิชย์ ผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง เข้าหารือกัน หลังจากให้เวลา 2 สัปดาห์ ในการนำข้อ 21 ไปประชุมกับสโมสรสมาชิกเพื่อหาข้อสรุปออกมา ณ ชั้น 23 โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน
          
"บิ๊กก๊อง" ปรับที่มา 30 เสียง, ทุกฝ่ายโอเค
    
        กระทั่งเวลา 15.00 น. ได้มีการเปิดการประชุมใหญ่พิเศษ เพื่อรับรองธรรมนูญใหม่ตามมาตรฐานฟีฟ่า สำหรับใช้เลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ คนใหม่ โดยมีสโมสรสมาชิก 152 เสียง, ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาค 3 เสียง และสภากรรมการอีก 13 เสียง รวมเป็น 168 เสียง ที่เข้าร่วมประชุมร่วม
    
        จากนั้น "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเปิดประชุม ก่อนจะเชิญ วิรัช ชาญพานิชย์ ขึ้นพูดถึงข้อสรุปจากการประชุม ที่ฝ่ายค้านได้ขอสงวนสิทธิ์ข้อ 21 ไว้ โดยเจ้าตัวบอกว่า เรายืนยันว่าจะยังใช้ร่างเดิมของธรรมนูญใหม่ โดยจะใช้เสียงของ 18 ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก, 18 ทีมจากดิวิชั่น 1, 30 ทีมจากลีกภูมิภาค และ 6 จากถ้วย ข, ค, ง
    
        แต่เราจะมีการปรับ 30 เสียงจากลีกภูมิภาค เนื่องจากตามข้อ 21 ของข้อบังคับฉบับใหม่ จะต้องมีการเลือกตั้งผู้เเทนทั้ง 5 ราย จาก 6 ภูมิภาค โดยเราจะเลือกทีมอันดับ 1-5 ในตารางคะแนนเลกแรกของภูมิภาค เพื่อจะได้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้รวม 30 ทีม ขณะที่ทีมจากถ้วย ข ค และ ง จะใช้จากแชมป์และรองแชมป์ครั้งล่าสุด

        ซึ่ง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ได้กล่าวว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่ปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เนื่องจากสโมสรที่จะมาเลือกตั้ง ยังคงเป็น 72 เสียงตามเดิม คือ 18 ทีมไทยพรีเมียร์ลีก, 18 ทีมดิวิชั่น 1, 18 ทีมดิวิชั่น 2 และทีมจากถ้วย ข, ค, ง อีกทั้งยังเป็นข้อสรุปที่ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงกันเป็นฉันทานุมัติ
    
        หลังจากนั้น "บังยี" ได้ถามถึงสโมสรสมาชิกว่าจะมีใครที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ ปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีใครที่คัดค้าน ก่อนจะลงมิตว่าทุกฝ่ายได้รับร่างข้อ 21 ทำให้ธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านจากในที่ประชุมที่สุด  
        
"วรวีร์" ยัน 45 วันพร้อมเลือกตั้ง
    
        วรวีร์ มะกูดี ประมุขลูกหนังไทยยังกล่าวต่ออีกด้วยว่า "นับจากที่เราได้ข้อสรุปเป็นฉันทามติกับการใช้ 72 เสียงในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ วาระใหม่ด้วยการที่ที่ประชุมมีการรับรองข้อ 21 เป็นเอกฉันท์ โดยภายหลังจากนี้ 14 วันผมจะนำระเบียบข้อบังคับฉบับดังกล่าวนำไปขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครอง ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน ซึ่งภายใน 45 วันนี้จะรวมถึง 14 วันแรกที่ยื่นเรื่องไปให้กรมการปกครองด้วย นับจากวันที่ 24 ส.ค.56 จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน"
        
เปิดทาง "ก๊อง" เลือก ปธ.กกต.
    
        ในส่วนของการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องมีคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ซึ่งทาง วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้เผยชัดว่า "การเลือกตั้งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเลือกตั้งออกเป็น 2 ชุด แบ่งเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการอุทธรณ์ โดยในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง 5 รายจะให้กลุ่มคุณวิรัช ชาญพานิชย์ สามารถเลือกประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1 ท่าน และคณะกรรมการฯ 2 ท่าน รวมเป็น 3 ท่าน ส่วนของผมจะเลือกรองประธานกรรมการการเลือกตั้ง 1 ท่าน และคณะกรรมการฯ 1 ท่าน รวมเป็น 2 ราย
          
เตรียมยื่นเรื่องให้ฟีฟ่ายืดเวลาเลือกตั้ง
    
        หลังจากการประชุมฝั่ง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาพูดหลังจากมีการรับรองมติของธรรมนูญแล้วว่า "เราได้เห็นบรรยากาศที่ดีกลับมาอีกครั้งในครอบครัวฟุตบอล โดยการเลือกตั้งครั้งนี้เราจะกำหนดไว้ที่ 45 วัน นับจากวันที่ 24 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
    
        ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าหากใช้กรอบเวลา 45 วัน ที่จะทำการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ จะเป็นการเลยข้อกำหนดของฟีฟ่าที่ให้เลือกตั้งก่อนวันที่ 30 ก.ย.หรือไม่ ซึ่ง "บังยี" บอกว่า เราจะมีเสนอเรื่องนี้ไปที่ฟีฟ่า เพราะมันเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ทำการหารือกันในที่ประชุมกับมวลสโมสรสมาชิก ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
    
เลือกตั้งครั้งนี้ยุบ "ใบมอบอำนาจ"

        ขณะเดียวกัน "บังยี" ยังได้เผยถึงวิธีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ครั้งนี้ว่า "หลังจากที่ผ่านมามีปัญหากันเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องของใบมอบอำนาจ ที่มีเรื่องของการซับซ้อนมาโดยตลอด แต่ในคราวนี้เราจะทำการยกเลิกในเรื่องดังกล่าวแล้วใช้วิธีใหม่

        โดยเราจะให้สโมสรที่มีสิทธิ์ในการลงเสียงครั้งนี้ทั้ง 72 เสียง ทำการส่งหลักฐาน ทั้งรายชื่อ, หนังสือให้เป็นตัวแทน ผู้ที่จะมาออกเสียง พร้อมลายเซ็นของประธานสโมสร มาให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อนวันเลือกตั้ง 1 เดือน ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลฯ จะออกไอดีการ์ดให้กับผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง เพื่อใช้ในการเลือกตั้งในวันดังกล่าว โดยรูปแบบนี้ ฟีฟ่า กับ เอเอฟซี ได้ใช้ในการประชุมกันทั่วโลก"
    
ใจป้ำแจก1แสนเปาเยี่ยม ก.ค.

        พร้อมกันนั้น วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมด้วย "เสธ.ตุ้ม" พลโท ชินเสณ ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินได้มีการมอบรางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งวัดคะแนนจากความผิดพลาดที่น้อยที่สุด รวมถึงผลคะแนนจากการประเมินของผู้ประเมินผู้ตัดสินในศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2013 ในรอบเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผลการตัดสินมีดังนี้

        ผู้ตัดสินเป่ายอดเยี่ยม 2 รางวัลๆ ละ 30,000 บาท ได้แก่ ประพจน์ ดิสสมศรี และ ทวีชัย สุภัทรวัน ซึ่งรายหลังกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้ให้ตัวแทนมารับแทน ส่วนรางวัลผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท ได้แก่ ทานินทร์ รื่นจิตต์ และ อภิชาติ รุ่งโรจน์ธรรม รวมรางวัลทั้งสิ้น 100,000 บาท โดยสมาคมฟุตบอลฯ จะดำเนินการมอบรางวัลให้ทุกเดือนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ตัดสินในโอกาสต่อๆ ไป
        
"บิ๊กก๊อง" พร้อมสรรหาคณะกรรมการ

        ด้าน "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ได้ออกมาเปิดเผยหลังจากรับทราบมติแล้วว่า เป็นที่น่าพอใจที่เราได้เข้าสู่การดำเนินการเลือกตั้งกันเสียที จากนี้ไปเราคงจะไปปรึกษากับ คุณอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ในการสรรหาบุคคลที่ได้รับการยอมรับและเป็นกลาง เพื่อเป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง ตามข้อตกลงที่ คุณวรวีร์ มะกูดี ให้มา

        ก่อนที่ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าทำไมถึงเสนอให้ใช้อันดับ 1-5 ของตารางคะแนนของเลกแรก ในดิวิชั่น 2 ทั้ง 6 ภูมิภาค โดย "บิ๊กก๊อง" ตอบว่า ที่ผ่านมาเราได้สรรหาวิธีคิดทุกอย่าง ก่อนจะมาสรุปในเรื่องดังกล่าว และทางฟีฟ่าเองก็มองว่าแรงกิ้งสามารถที่จะเอามาใช้ในการออกเสียงเลือกตั้งได้เลย

        จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ได้เป็นผู้ชนะครั้งนี้ จะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ โดยเจ้าตัวตอบว่าแน่นอนว่าเราทำงานร่วมกันได้อยู่แล้ว เพราะเราต้องการทำให้สังคมฟุตบอลก้าวหน้าไปในทางที่ดีขึ้น และในวันที่ 24 ส.ค.นี้ เราจะนำเรื่องนี้ไปประชุมให้กับสโมสรสมาชิกรับทราบกัน ที่ห้องประชุม สโมสรทหารบก เวลา 09.00 น.
    
เปิดโผ 72 เสียงเลือกตั้ง

        สำหรับ 72 สโมสรที่มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคม ประกอบด้วย 18 ทีมจากโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก ได้แก่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี, บีอีซี เทโรศาสน, อาร์มี่ ยูไนเต็ด, โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี,สงขลา ยูไนเต็ด, อินทรีเพื่อนตำรวจ, ชัยนาท เอฟซี, ทีโอที เอสซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด,ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด, พัทยา ยูไนเต็ด และศรีสะเกษ เอฟซี

        18 ทีมจากยามาฮ่า ลีก วัน ได้แก่ ปตท.ระยอง, แอร์ฟอร์ซ เอวิเอ เอฟซี, สิงห์ท่าเรือ,บางกอก เอฟซี, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, ภูเก็ต เอฟซี, กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี, ตราด เอฟซี, บีบีซียู เอฟซี, นครปฐม ยูไนเต็ด, กระบี่ เอฟซี, ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี, ทีทีเอ็ม เอฟซี,ขอนแก่น เอฟซี, ราชนาวี, อยุธยา เอฟซี, ระยอง เอฟซี และระยอง ยูไนเต็ด

        ส่วน 30 ทีมจากเอไอเอส ลีก ภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2013 ซึ่งคัดเอาอันดับ 1-5 ของเลกแรก ประกอบด้วย โซนกรุงเทพฯ และภาคกลาง : นนทบุรี เอฟซี, ปากน้ำโพฯ, ม.เกษตรศาสตร์, ศุลกากร ยูไนเต็ด และ ม.เกษมบัณฑิต
    
        ภาคเหนือ : เชียงใหม่ เอฟซี, พิษณุโลก เอฟซี, สุโขทัย เอฟซี, ลำปาง เอฟซี และ นครสวรรค์ เอฟซี

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด, หนองคาย เอฟที, อุบล ยูเอ็มที,อุดรธานี เอฟซี และสุรินทร์ เอฟซี

        ภาคกลางและตะวันออก : จันทบุรี เอฟซี, นครนายก เอฟซี, ลูกอีสาน การบินไทย เอฟซี, ปราจีนบุรี ยูไนเต็ด และมาบตาพุด นาวิกโยธิน

        ภาคกลางและตะวันตก : ประจวบ เอฟซี, เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด, อ่างทอง เอฟซี, ราชประชาฯ, ซีคเคอร์ ฟุตเทร่า

        ภาคใต้  : นรา ยูไนเต็ด, ชุมพร เอฟซี, พัทลุง เอฟซี, พังงา เอฟซี, ตรัง เอฟซี          

        ขณะที่ 6 ทีมจากบอลถ้วย ประกอบด้วย 2 ทีมถ้วย ข ได้แก่ เทศบาลตำบลหัวหิน และสมาคมกีฬา จ.ระยอง (ปลวกแดง), 2 ทีมถ้วย ค ได้แก่ พัทยา เอฟซี และ ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ 2 ทีมถ้วย ง ได้แก่  ม.ราชภัฏนครปฐม และเทศบาลตำบลเขาบายศรี

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130823_434.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่