การประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 แม้ประเด็นที่หารือจะมีแค่ที่มาของส.ว.
เพียงเรื่องเดียว แต่บรรยากาศความปั่นป่วนในสภาจนต้องพักการประชุมหลายหน
ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง
โดยเฉพาะการมุ่งเน้นเกมการเมืองมากเกินไป จนเลยเถิดบทบาทการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาอัน
ทรงเกียรติ จะกระทบต่อระบบรัฐสภาหรือไม่
ผู้ติดตามสถานการณ์การเมืองมีความเห็นดังต่อไปนี้
พนัส ทัศนียานนท์
อดีตส.ว.ตาก
อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
พฤติการณ์ในที่ประชุมสภานั้น ฝ่ายที่มีอาการมากสุดคือกลุ่มส.ว.สรรหา เพราะหากแก้ไขกฎหมาย
สำเร็จจะสูญเสียอำนาจโดยปริยาย จึงพยายามหยิบยกวาทกรรมสภาผัวสภาเมีย การแทรกแซงของ
ระบอบทักษิณมาโจมตีรัฐบาล
ประกอบกับการประท้วงของฝ่ายค้านตั้งแต่เริ่มประชุม เหมือนเป็นการปิดปากไม่ให้ฝั่งรัฐบาลชี้แจง
ข้อกล่าวหาดังกล่าว นี่คือยุทธิวิธีที่พยายาม ดึงเวลา สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนจนทำให้ภาพลักษณ์
ของรัฐสภาหมดความน่าเชื่อถือ
จะได้นำไปสู่การต่อสู้นอกสภาตามที่ประชาธิปัตย์เคยประกาศไว้ เพราะหากรัฐบาลแก้ไขกฎหมายนี้
สำเร็จก็จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทบพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง
การสร้างความวุ่นวายอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ยิ่งเกิดผลเสียต่อฝ่ายค้านและส.ว.สรรหาโดยตรง เพราะ
ขณะนี้ประชาชนแยกแยะออกแล้วว่าฝ่ายใดมีจุดประสงค์อย่างไร
สิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามสร้างสถานการณ์ว่าพูดกันในสภาแล้วมีแต่ความวุ่นวาย นี่คือการตีกรอบไม่ให้
รัฐบาลมีโอกาสชี้แจง เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นที่ถกเถียงกันไม่จบ ไม่สิ้น และไม่รับฟังเหตุผล
ดังนั้นคนที่รับฟังต้องระมัดระวังว่า หากเกิดความเบื่อหน่ายต่อสภาแล้ว เท่ากับเปิดโอกาสหรือช่องทาง
ในการต่อสู้นอกสภา และจะมีหลายฝ่ายเข้ามาแทรกแซงซึ่งจะยิ่งวุ่นวายกว่าเก่า
โดยฝ่ายที่จะได้รับผลเสียมากที่สุดคือประชาชน เพราะจะทำให้เหตุการณ์ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ความ
ขัดแย้งในอดีต
หากประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นและแสดงออกในลักษณะนี้ต่อไป ผมแนะนำให้รับฟังข้อเสนอของ
กลุ่มพันธมิตร คือ ลาออกทั้งคณะแล้วไปต่อสู้นอกสภาตามที่เคยประกาศไว้
น่าจะเหมาะสมและทำอะไรได้มากกว่า
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
การถ่ายทอดสดการพิจารณากฎหมายสำคัญเป็นเรื่องดี ประชาชนจะได้ฟังข้อถกเถียงและเห็นพฤติกรรม
ของ ผู้แทนฯ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในสภา
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งใหม่ อดีตมีความวุ่นวายตลอด ที่ฮือฮามากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ปี 2490 ที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งขณะนั้นเป็นฝ่ายค้าน อภิปรายจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกฯ เป็นเวลา
8 วัน 7 คืน มีความวุ่นวายเกิดขึ้นหลายครั้ง จนในที่สุดจอมพล ป. ต้องลาออก และในปีเดียวกันก็เกิด
การรัฐประหาร
เรื่องราวในอดีตน่าจะเป็นสิ่งเตือนใจว่า ความไม่มีระเบียบของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลจะนำไปสู่ผลเสีย
การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนี้พฤติกรรมของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองฝ่าย เหมือนนำเกมการเมืองนอกสภา
มาไว้ในสภา เกิดคำถามว่าเป็นพฤติกรรมที่จงใจทำหรือไม่
ถ้าจงใจเพื่อต้องการนำไปสู่อะไร เพราะผลที่เกิดขึ้นชัดเจนว่าประชาชนหมดความไว้วางใจในสถาบัน
นิติบัญญัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย
พรรคประชาธิปัตย์เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ให้เห็นมาแล้ว 2-3 ครั้ง ไม่เหมาะสมที่ลุกฮือขึ้นมา รู้หรือไม่ว่า
ตัวเองกำลังทำอะไร ถ้าจงใจทำต้องถามกลับว่าทำเพื่ออะไร
ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ดี ทั้งที่เป็นเสียงข้างมาก โหวตอย่างไรก็ชนะ แต่กลับไม่เปิด
โอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายเต็มที่ เป็นเรื่องของความใจแคบ ดังนั้นต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย
คงคาดเดาได้ยากว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปจบลงตรงไหน อย่างประเด็นที่มาของส.ว.
ถ้าทั้งสองฝ่ายยังชิงความได้เปรียบกัน เอาความเห็นแก่ตัวมาเป็นสาระสำคัญ ก็คงยากที่จะเดินต่อ
ส่วนตัวเห็นด้วยกับส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่าส.ว.เลือกตั้งลงสมัครใหม่ได้เลยเมื่อหมด
วาระ เพราะตามหลักสากล คนที่แก้ไขกฎหมายต้องไม่ได้รับประโยชน์หรือมีส่วนได้เสียจากการแก้
กฎหมายนั้น
ประเด็นนี้ถือว่าผิดมาตรฐาน ถ้าแก้ไขส่วนนี้ได้ ฝ่ายค้านคงหาข้อโต้แย้งลำบาก แต่ถ้ารัฐบาลยังเดิน
หน้าสุดซอย ฝ่ายค้านก็ค้านสุดซอยอยู่แบบนี้ สังคมอาจเจอวิกฤตที่ยากจะหันหลังกลับ
ฝากให้สมาชิกรัฐสภาระมัดระวังการแสดงออกทางพฤติกรรมในสภาให้มากขึ้น ควรใช้เหตุผลมากกว่า
อารมณ์ เพราะปัจจุบันประชาชนเห็นพฤติกรรมของผู้แทนชัดเจนผ่านจอทีวี
ซึ่งจะเป็นข้อมูลตัดสินใจเลือกผู้แทนครั้งต่อไป
สุขุม นวลสกุล
อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง
เหตุการณ์ปั่นป่วนในสภาเป็นภาพที่ดูแล้วชวนสลดใจ ประชาชนที่รับชมผ่านทางโทรทัศน์อาจหมดศรัทธา
การเมืองไทย
แต่หากประเมินดูแล้วจะพบว่า การประท้วงอย่างต่อเนื่องของฝ่ายค้านเป็นเกมการเมืองอย่างหนึ่งตาม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศว่าจะยับยั้งการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจนถึงที่สุด หากต่อสู้ในสภา
ไม่ได้ก็จะไปสู้นอกสภา
จุดประสงค์พรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามสร้างความปั่นป่วน สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อให้
สังคมเชื่อว่าระบบรัฐสภาเป็นระบบที่ใช้ไม่ได้ผล สถาบันแห่งนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พึ่งพาไม่ได้ จำเป็น
ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประธานรัฐสภาเองก็ทราบเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงตั้งหลักโดยใช้ไม้แข็ง
ไม่มีการอะลุ้มอล่วย
กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างใช้ไม้แข็ง เหมือนกับเป็น "ขนมผสมน้ำยา" หรือ "ขิงก็ราข่าก็แรง" ปรากฏ
เป็นภาพให้สังคมได้เห็น
อีกทั้งรัฐบาลยังไม่ได้นำเสนอข้อมูลหรืออภิปรายมากนัก เนื่องจากถูกประท้วงตั้งแต่เริ่ม แต่เชื่อว่า
เจตนารมณ์แก้ไขที่มาของส.ว.ยังคงเหมือนเดิม คือต้องการให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดตาม
ระบอบประชาธิปไตย
แต่ฝ่ายค้านรวมทั้งส.ว.สรรหา พยายามใช้วลี "สภาผัวเมีย" แสดงให้เห็นว่าหากให้ส.ว.มาจากการ
เลือกตั้งทั้งหมด จะเป็นการสร้างผลประโยชน์ให้พวกเดียวกันเอง มีการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม
จึงต้องคัดค้านการแก้ไขกฎหมายให้ถึงที่สุด
เหตุการณ์ในรัฐสภาที่บางฝ่ายมองว่าฝ่ายค้านประสบความสำเร็จในขั้นแรก โดยพยายามให้สังคมเห็น
ข้อเสียของการปรับเปลี่ยนที่มาของส.ว. และการทำให้สภาหมดความน่าเชื่อถือ โดยที่ฝั่งรัฐบาลแทบ
ไม่มีโอกาสชี้แจงและอธิบายเหตุผล ทำให้ประชาชนเกิดความเสื่อมศรัทธาในระบบ เพื่อเปิดโอกาสให้
อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงได้โดยง่าย
แต่สิ่งนี้จะยิ่งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
อีกทั้งในเมื่อฝ่ายค้านปักหลักในลักษณะเช่นนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะหันมาพูดคุยกับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม
เชื่อว่าด้วยเสียงสนับสนุนและเสียงข้างมากของรัฐบาล
จะผ่านกฎหมายนี้ไปได้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056SXlPVE13Tmc9PQ==§ionid=

ป่วนสภา ...ประเด็นร้อน วิจารณ์กันแซ่ดไปทั่ว
แต่สำหรับปชป. รักแล้วรักเลย .... ไม่วิจารณ์ แต่เชียร์ให้กำลังใจกันด้วย
แม้ว่า วันนี้ จะเลิกไปแล้ว และนำประเด็นอื่น มากลบอีกด้วย
**ขอให้กำลังใจ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ค่ะ (by แก้ม)
http://pantip.com/topic/30870115
๏๏๏๏ พระแม่ธรณี...ยังคงเป็นเข็มทิศ ที่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา ๏๏๏๏ ....ห่านป่า
http://pantip.com/topic/30870169
ปชป.วันนี้คุณได้ใจผมไปมากเลย!
http://pantip.com/topic/30869542
ชื่นชมวีรกรรมปชป. วันป่วนสภา 20 สิงหาคม
"สภาเละ" ใครได้ - ใครเสีย? รายงานพิเศษ ข่าวสดออนไลน์
เพียงเรื่องเดียว แต่บรรยากาศความปั่นป่วนในสภาจนต้องพักการประชุมหลายหน
ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง
โดยเฉพาะการมุ่งเน้นเกมการเมืองมากเกินไป จนเลยเถิดบทบาทการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาอัน
ทรงเกียรติ จะกระทบต่อระบบรัฐสภาหรือไม่
ผู้ติดตามสถานการณ์การเมืองมีความเห็นดังต่อไปนี้
พนัส ทัศนียานนท์
อดีตส.ว.ตาก
อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
พฤติการณ์ในที่ประชุมสภานั้น ฝ่ายที่มีอาการมากสุดคือกลุ่มส.ว.สรรหา เพราะหากแก้ไขกฎหมาย
สำเร็จจะสูญเสียอำนาจโดยปริยาย จึงพยายามหยิบยกวาทกรรมสภาผัวสภาเมีย การแทรกแซงของ
ระบอบทักษิณมาโจมตีรัฐบาล
ประกอบกับการประท้วงของฝ่ายค้านตั้งแต่เริ่มประชุม เหมือนเป็นการปิดปากไม่ให้ฝั่งรัฐบาลชี้แจง
ข้อกล่าวหาดังกล่าว นี่คือยุทธิวิธีที่พยายาม ดึงเวลา สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนจนทำให้ภาพลักษณ์
ของรัฐสภาหมดความน่าเชื่อถือ
จะได้นำไปสู่การต่อสู้นอกสภาตามที่ประชาธิปัตย์เคยประกาศไว้ เพราะหากรัฐบาลแก้ไขกฎหมายนี้
สำเร็จก็จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทบพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง
การสร้างความวุ่นวายอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ยิ่งเกิดผลเสียต่อฝ่ายค้านและส.ว.สรรหาโดยตรง เพราะ
ขณะนี้ประชาชนแยกแยะออกแล้วว่าฝ่ายใดมีจุดประสงค์อย่างไร
สิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามสร้างสถานการณ์ว่าพูดกันในสภาแล้วมีแต่ความวุ่นวาย นี่คือการตีกรอบไม่ให้
รัฐบาลมีโอกาสชี้แจง เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นที่ถกเถียงกันไม่จบ ไม่สิ้น และไม่รับฟังเหตุผล
ดังนั้นคนที่รับฟังต้องระมัดระวังว่า หากเกิดความเบื่อหน่ายต่อสภาแล้ว เท่ากับเปิดโอกาสหรือช่องทาง
ในการต่อสู้นอกสภา และจะมีหลายฝ่ายเข้ามาแทรกแซงซึ่งจะยิ่งวุ่นวายกว่าเก่า
โดยฝ่ายที่จะได้รับผลเสียมากที่สุดคือประชาชน เพราะจะทำให้เหตุการณ์ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ความ
ขัดแย้งในอดีต
หากประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นและแสดงออกในลักษณะนี้ต่อไป ผมแนะนำให้รับฟังข้อเสนอของ
กลุ่มพันธมิตร คือ ลาออกทั้งคณะแล้วไปต่อสู้นอกสภาตามที่เคยประกาศไว้
น่าจะเหมาะสมและทำอะไรได้มากกว่า
สิริพรรณ นกสวน สวัสดี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
การถ่ายทอดสดการพิจารณากฎหมายสำคัญเป็นเรื่องดี ประชาชนจะได้ฟังข้อถกเถียงและเห็นพฤติกรรม
ของ ผู้แทนฯ ที่เข้าไปทำหน้าที่ในสภา
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งใหม่ อดีตมีความวุ่นวายตลอด ที่ฮือฮามากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ปี 2490 ที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งขณะนั้นเป็นฝ่ายค้าน อภิปรายจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกฯ เป็นเวลา
8 วัน 7 คืน มีความวุ่นวายเกิดขึ้นหลายครั้ง จนในที่สุดจอมพล ป. ต้องลาออก และในปีเดียวกันก็เกิด
การรัฐประหาร
เรื่องราวในอดีตน่าจะเป็นสิ่งเตือนใจว่า ความไม่มีระเบียบของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลจะนำไปสู่ผลเสีย
การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนี้พฤติกรรมของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองฝ่าย เหมือนนำเกมการเมืองนอกสภา
มาไว้ในสภา เกิดคำถามว่าเป็นพฤติกรรมที่จงใจทำหรือไม่
ถ้าจงใจเพื่อต้องการนำไปสู่อะไร เพราะผลที่เกิดขึ้นชัดเจนว่าประชาชนหมดความไว้วางใจในสถาบัน
นิติบัญญัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย
พรรคประชาธิปัตย์เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ให้เห็นมาแล้ว 2-3 ครั้ง ไม่เหมาะสมที่ลุกฮือขึ้นมา รู้หรือไม่ว่า
ตัวเองกำลังทำอะไร ถ้าจงใจทำต้องถามกลับว่าทำเพื่ออะไร
ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ดี ทั้งที่เป็นเสียงข้างมาก โหวตอย่างไรก็ชนะ แต่กลับไม่เปิด
โอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายเต็มที่ เป็นเรื่องของความใจแคบ ดังนั้นต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย
คงคาดเดาได้ยากว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปจบลงตรงไหน อย่างประเด็นที่มาของส.ว.
ถ้าทั้งสองฝ่ายยังชิงความได้เปรียบกัน เอาความเห็นแก่ตัวมาเป็นสาระสำคัญ ก็คงยากที่จะเดินต่อ
ส่วนตัวเห็นด้วยกับส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่าส.ว.เลือกตั้งลงสมัครใหม่ได้เลยเมื่อหมด
วาระ เพราะตามหลักสากล คนที่แก้ไขกฎหมายต้องไม่ได้รับประโยชน์หรือมีส่วนได้เสียจากการแก้
กฎหมายนั้น
ประเด็นนี้ถือว่าผิดมาตรฐาน ถ้าแก้ไขส่วนนี้ได้ ฝ่ายค้านคงหาข้อโต้แย้งลำบาก แต่ถ้ารัฐบาลยังเดิน
หน้าสุดซอย ฝ่ายค้านก็ค้านสุดซอยอยู่แบบนี้ สังคมอาจเจอวิกฤตที่ยากจะหันหลังกลับ
ฝากให้สมาชิกรัฐสภาระมัดระวังการแสดงออกทางพฤติกรรมในสภาให้มากขึ้น ควรใช้เหตุผลมากกว่า
อารมณ์ เพราะปัจจุบันประชาชนเห็นพฤติกรรมของผู้แทนชัดเจนผ่านจอทีวี
ซึ่งจะเป็นข้อมูลตัดสินใจเลือกผู้แทนครั้งต่อไป
สุขุม นวลสกุล
อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง
เหตุการณ์ปั่นป่วนในสภาเป็นภาพที่ดูแล้วชวนสลดใจ ประชาชนที่รับชมผ่านทางโทรทัศน์อาจหมดศรัทธา
การเมืองไทย
แต่หากประเมินดูแล้วจะพบว่า การประท้วงอย่างต่อเนื่องของฝ่ายค้านเป็นเกมการเมืองอย่างหนึ่งตาม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศว่าจะยับยั้งการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจนถึงที่สุด หากต่อสู้ในสภา
ไม่ได้ก็จะไปสู้นอกสภา
จุดประสงค์พรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามสร้างความปั่นป่วน สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อให้
สังคมเชื่อว่าระบบรัฐสภาเป็นระบบที่ใช้ไม่ได้ผล สถาบันแห่งนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พึ่งพาไม่ได้ จำเป็น
ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประธานรัฐสภาเองก็ทราบเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงตั้งหลักโดยใช้ไม้แข็ง
ไม่มีการอะลุ้มอล่วย
กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างใช้ไม้แข็ง เหมือนกับเป็น "ขนมผสมน้ำยา" หรือ "ขิงก็ราข่าก็แรง" ปรากฏ
เป็นภาพให้สังคมได้เห็น
อีกทั้งรัฐบาลยังไม่ได้นำเสนอข้อมูลหรืออภิปรายมากนัก เนื่องจากถูกประท้วงตั้งแต่เริ่ม แต่เชื่อว่า
เจตนารมณ์แก้ไขที่มาของส.ว.ยังคงเหมือนเดิม คือต้องการให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดตาม
ระบอบประชาธิปไตย
แต่ฝ่ายค้านรวมทั้งส.ว.สรรหา พยายามใช้วลี "สภาผัวเมีย" แสดงให้เห็นว่าหากให้ส.ว.มาจากการ
เลือกตั้งทั้งหมด จะเป็นการสร้างผลประโยชน์ให้พวกเดียวกันเอง มีการใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม
จึงต้องคัดค้านการแก้ไขกฎหมายให้ถึงที่สุด
เหตุการณ์ในรัฐสภาที่บางฝ่ายมองว่าฝ่ายค้านประสบความสำเร็จในขั้นแรก โดยพยายามให้สังคมเห็น
ข้อเสียของการปรับเปลี่ยนที่มาของส.ว. และการทำให้สภาหมดความน่าเชื่อถือ โดยที่ฝั่งรัฐบาลแทบ
ไม่มีโอกาสชี้แจงและอธิบายเหตุผล ทำให้ประชาชนเกิดความเสื่อมศรัทธาในระบบ เพื่อเปิดโอกาสให้
อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงได้โดยง่าย
แต่สิ่งนี้จะยิ่งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
อีกทั้งในเมื่อฝ่ายค้านปักหลักในลักษณะเช่นนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะหันมาพูดคุยกับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม
เชื่อว่าด้วยเสียงสนับสนุนและเสียงข้างมากของรัฐบาล
จะผ่านกฎหมายนี้ไปได้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056SXlPVE13Tmc9PQ==§ionid=
แต่สำหรับปชป. รักแล้วรักเลย .... ไม่วิจารณ์ แต่เชียร์ให้กำลังใจกันด้วย
แม้ว่า วันนี้ จะเลิกไปแล้ว และนำประเด็นอื่น มากลบอีกด้วย
**ขอให้กำลังใจ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ค่ะ (by แก้ม)
http://pantip.com/topic/30870115
๏๏๏๏ พระแม่ธรณี...ยังคงเป็นเข็มทิศ ที่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา ๏๏๏๏ ....ห่านป่า
http://pantip.com/topic/30870169
ปชป.วันนี้คุณได้ใจผมไปมากเลย!
http://pantip.com/topic/30869542
ชื่นชมวีรกรรมปชป. วันป่วนสภา 20 สิงหาคม