ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/30755505
ผู้เขียนต้องก้มกราบขออภัย เพราะมัวแต่เที่ยวเล่นเพลิดเพลินเจริญใจ จนทำให้ผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาถามไถ่ รวมถึง inbox
ที่เข้ามาทิ้งข้อความไว้ ด้วยอาการค้อนขวับๆๆ ยิ่งอ่านยิ่งน่าประทับใจ ...
ผู้เขียนไม่ได้หายไปไหน กลับมาต่อตอนที่ 7 ให้แล้วนะ ขอบคุณมากๆค่ะ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน อย่าเพิ่งงอนกันน๊าาาา......
เอ้าววว...ว่ากันไปด้วยเรื่อง “รถยนต์” ซะที ณ จุดๆนี้
ตอนที่ 7...
“อยู่ LA ไม่มีรถใช้เนี่ย ลำบากจริงๆนะแม่”
“จะไปไหนมาไหนสักที่ ด้วยระยะทางใกล้ๆ เสียเวลาหลายๆชั่วโมงนะแม่”
“รถหมด กลับบ้านไม่ได้ ต้องนอนบ้านเพื่อนบ่อยๆนะแม่นะ”
นี่เป็นเพียงบางส่วน ย้ำว่า...บางส่วนเท่านั้นค่ะ ที่พร่ำบอกแม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งรถยนต์หนึ่งคัน เพราะบทพูดจริง คงเป็นการอ้อนวอน
ร้องขอ ตีหน้าเศร้า เคล้าน้ำตา สร้างดราม่า เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ และผลที่ได้รับของวันนั้นคือ
“สำเร็จ”
รถยนต์ที่นี่ราคาถูกกว่าบ้านเรา ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์มือสองแล้ว ยิ่งซื้อง่าย-ขายคล่องกันไปใหญ่ เรียกได้ว่าถ้าอยากขับรถในฝัน
อยู่ประเทศนี้ ภาพฝันของคุณจะชัดเจนขึ้นมากเลยค่ะ
โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้ว หลงใหลได้ปลื้มกับความสวยงามของ Mazda MX-5 เป็นพิเศษ
แต่ชั่วโมงนี้ ต่อให้เต้นเร่าๆ ซอยเท้ายิกๆ อยากได้ๆ สักแค่ไหน
หากยังเรื่องมาก อยากได้โน่นนี่ คุณแม่เจ้าขา...คงให้เรานั่งรถเมล์ต่อไปเป็นแน่
เอาแระ...รถยนต์ Saturn สัญชาติอเมริกัน สีเหลืองทอง 5 ประตู มือสอง ก็เอาแระบ๊วยเอ๊ยยยย หุบปากนะบ๊วยนะ!!
ยกหูโทรศัพท์ถาม PR ค่ายรถยนต์นู่นนี่นั่นในเมืองไทย ขอความรู้จากพี่ๆนักข่าวสายรถยนต์เพิ่มเติม เสริมเข้าไป
สรุปแล้ว เลือกแล้ว คันนี้แหละ ถ้าอยากได้ไฮโซโก้เก๋กว่านี้ เมิงก็ตั้งชื่อเรียกเอาแล้วกันนะ จะให้หรูหราแค่ไหนตามใจเมิงชอบเลย...
“ชื่ออะไรดีหล่ะคะ?” เราขอความเห็นจากพี่นักข่าวที่รัก
“อยู่เมืองไทย ขับ Proton สัญชาติมาเลย์ คันแดง เมิงยังกล้าเรียก น้องเฟอร์ฯ (ย่อมาจากเฟอร์รารี่) อยู่ที่โน่น ขับ Saturn สีเหลือง
เมิงเรียกลัมโบร์กีนี่ ซะ พี่ว่าเหมาะดี ไม่มีใครกล้าด่าเมิงต่อหน้าแน่นอน!!” พี่นักข่าวชี้แนะ
“แล้วลับหลังหนูหล่ะคะเฮีย?” ยักคิ้วข้างซ้ายขึ้นเล็กน้อย...
“คิดเอาบ๊วย...คิดเอา” ...แล้ววางหูไป
ถ้าอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ใบขับขี่อินเตอร์ที่ถือมาจากประเทศไทย สามารถขับรถที่นี่ได้ ไม่ผิดค่ะ
แต่ถ้าจะเป็นเจ้าของรถ ใบขับขี่อินเตอร์เห็นทีจะไม่พอ เพราะซื้อรถต้องทำประกัน และบริษัทประกันไม่ยินยอมประกันให้
หากไม่มีใบขับขี่ของที่นี่ หมายความว่า “ขับได้” แต่ “ไม่คุ้มครอง” ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
หลังจากตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า ต้องมีรถเป็นของตัวเอง เพื่อไม่ให้ใครต่อใครจับเราโยนใส่รถอยู่ตลอดๆ
งานชิ้นสำคัญที่พุ่งเข้ามาหาเราก็คือ ... ต้องไปสอบใบขับขี่ จ้าาาาาา (Driving License)
เอาแล้วไง ภาษาอังกฤษกูก็เก่งเว่อร์... สั่ง Sandwich กูยังได้ Fish soup อยู่เลยจ้าาาา จะให้กูไปสอบใบขับขี่อเมริกางั้นรึ?
ชะ ชะ ชะ ชะ แต่อย่านะ อย่ามาดูถูกกันนะ ... (ปูเป้-อภิชาติ เพื่อนสาวจากดาวอังคารสอนมาเยอะ)
Go far far feet = ไปไกล ๆ ตรีน
Don’t come say see right me = อย่ามาพูดดูถูกกูนะ
If you say……face see!! = ถ้าเมิงพูดหล่ะ........น่าดู!!
Already don’t come find no warning = แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน
Already you will say you know me a little go = แล้วเมิงจะพูดว่า เมิงรู้จักกูน้อยเกินไป
เพี๊ยะ!! พี่ปุ้ยตบกะโหลกเรียกสติ ประโยคพวกนี้คล่องนักนะ ศัพท์ใหม่ๆเค้ามีให้ทุกวันไม่รู้จักท่องบ้างหล่ะ
ว่าเสร็จก็เดินเชิ่ดนำ มือจูงนังน้องตัวดีไปยืนต่อแถวหน้า DMV (Department of Motor Vehicles) รอสอบใบขับขี่กันต่อไป
ยืนต่อแถวรับบัตรคิว ยาวมาก ยา...ว...มากกก เรายืนนานเป็นชั่วโมงค่ะ ต่อแถวเสร็จเจ้าหน้าที่แจกแจงเข้าตามโหมดเรื่องที่ติดต่อ
ต้องรับบัตรคิวรอต่อไปอีก ซึ่งเราได้คิวที่ 198 !! เอิ่มมมมม.... การรอคอยยังไม่จบสิ้น รอกันต่อไป
เกือบถึงคิวเราแล้ว งัดเอกสารขึ้นมาตรวจทาน กรอกตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยให้ครบถ้วน โดยมี พี่ปุ้ย นั่งประกบอยู่ข้างๆ
พี่ปุ้ยดึงเอกสารมาตรวจอีกทีว่า ถูกต้องมั๊ย เขียนอะไรโง่ๆไปหรือปล่าว แล้วก็แบบมือขอ Passport
“นี่ค่ะ Passport” เราส่งให้…
“แล้ว I-20 ของเมิงหล่ะ” (I-20 คือเอกสารการตอบรับเข้าเรียน ที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้ออกให้)
“อ้าว...ต้องใช้ I-20 ด้วยเหรอ หนูนึกว่าใช้ Passport อย่างเดียวก็พอ” ซวยแล้วกู รอมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะเนี่ย
“ANIMALS!!” (ยังดีนะคะ พี่ปุ้ยยังใจดีเปิดโอกาสให้เราได้เลือกสรรประเภทของมันมากมาย เอ๊ะ..เราอยากเป็นอะไรดีนะ)
“เมิงไปทำธุรกรรมอะไร I-20 ต้องพกไว้นะเว้ย เอกสารสำคัญ ต้องใช้ ต้องมี ต้องพก” พี่ปุ้ยด่ายาวเลย...
“หนูไม่รู้ หนูขอโทษ” พร้อมส่งยิ้มหวาน 1 ที
(ยิ้มมมมม)
“เมิงยิ้มได้น่ากระทืบมาก ไปบอกจนท.เองแล้วกัน ว่าลืม I-20 โดนไล่กลับบ้านแน่ๆ ไอ้ๆๆๆ Animals เอ๊ยยย”
“ขอเลือกเป็นปลาหางนกยูงนะคะ !!” …น่ารักดี เราตอบ
ถึงคิว 198 แล้ว เอาวะ ... รอมาจะครึ่งวันแระ ถ้าไม่ให้สอบนะ............กูจะกลับบ้านให้ดู!! ชิ!!
“เอ่อ ... มาดามคะ สีลิปสติกมาดาม ส๊วย สวย ค่ะ ดูเหมาะกับมาดามมากๆ” เราเริ่มบทสนทนา
“ขอบใจจ่ะ” มาดามยิ้มกริ่มตอบรับ
“เอ่อ... มาดามคะ ไอลืมพก I-20 มาด้วยอ่ะค่ะ แต่ไอเป็นนักเรียนจริงๆนะคะ ไอเข้าใจค่ะว่า I-20 เป็นเอกสารสำคัญที่ต้องใช้
แต่มาดามคะ... ดูเอกสารอย่างอื่นแทนได้มั๊ย จะเป็นวีซ่า หรือ บัตรนักเรียน หรืออะไรที่ใช้แสดงความเป็นนักเรียนของไอได้บ้างคะ
กรุณาด้วยเถอะค่ะมาดาม” …ตีหน้าเศร้าเข้าไว้
มาดามนิ่ง ...เงียบไป... ก้มมองเอกสารในมืออีกครั้ง “Ummm,okay! Next!!”
เย้ๆๆ.....รอดแล้วกู ไม่เสียเที่ยวแล้ววันนี้ รีบกล่าวขอบคุณแล้วไสหัวไปให้ไกลก่อนมาดามจะเปลี่ยนใจ
จ่ายค่าธรรมเนียม 32 เหรียญ >> ถ่ายรูป >> ต่อแถวรอข้อสอบ
ข้อสอบจะมี 3 ชุด (A,B,C) ชุดละ 36 ข้อ
เราได้ข้อสอบชุด A และอีก 1 แผ่นเรื่องป้ายจราจรอีก 15 ข้อ...
ยืนทำอยู่ในคอกพักใหญ่ๆ เสร็จแล้วไปยืนต่อแถวส่งเจ้าหน้าที่รอตรวจ...
........................เจ้าหน้าที่ตรวจด้วยความว่องไว
ตรวจไป................ตรวจไป.....................
.........................ผลสอบออกมา...........ออกมา
ผลออกมา..............ว่า...............
....................
....................
“ตกค่ะ!!”
แหนะ....ถูกใจคุณผู้อ่านหล่ะสิ??!!??
ไอ้เราก็เริ่มวิธีเดิมแบบกระซิบเบาๆ
“พลีสสสส...ช่วยหน่อยเถอะนะคะ ช่วยไอหน่อยค่ะ ไอเป็นแค่นักเรียนเอง ให้ไอผ่านไปเถอะนะคะ กรุณาไอด้วยค่ะ”
“โอ้ววว...ผมเขียนไปแล้วว่าคุณสอบตก ทำไมไม่พูดให้เร็วๆกว่านี้หล่ะ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมให้คุณเอาข้อสอบเก่าไปอ่านนะ
ว่าผิดตรงไหนบ้าง แล้วผมจะให้คุณสอบใหม่นะ” จนท.ตอบกลับมาแบบกระซิบเบาๆเหมือนกัน
.....หลังจากจดคำตอบที่ผิดไว้บนฝ่ามือเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับไปบอกจนท.คนเก่า
“ไอพร้อมจะสอบใหม่แล้วค่ะ” ด้วยท่าทางมั่นใจ
พี่เจ้าหน้าที่คนเก่า ท่าทางใจดีหยิบข้อสอบส่งมาให้ใหม่
อ้าวววว..... อีพี่จนท.เจ้าขาาา...นี่มันข้อสอบชุด B มันไม่เหมือนเดิมแล้วกูจะลอกยังไงหล่ะเจ้าคะ....รมณ์เสีย!!
ยังไงหล่ะเนี่ย อีก 36 ข้อเนี่ย ไม่เหมือนเดิมเลยนะ .....คุณหลอกดาว คุณหลอกดาวววววววว (- -" )
เมื่อผลสอบรอบที่ 2 ได้รับการตรวจเสร็จสิ้นลง..........ผลที่ได้??
ใช่ค่ะ...
ใช่เลยค่ะ...
เป็นอย่างที่คุณผู้อ่าน คาดคิด เบะปากยิ้มเยาะเรากันใหญ่เลยน๊าาาา......
ตกค่ะ!! เราสอบตกอีกครั้ง เราตกให้สาแก่ใจคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ!!
ทำไงดีวะ ทำไงดี ๆ เหลือโอกาสสอบอีกครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าตกอีกต้องจ่ายเงินอีก 32 เหรียญเลยนะ ต้องไปเริ่มขั้นตอนใหม่ทั้งหมด
แล้วไม่รู้ว่า เค้าจะยอมให้เรามาถึงด่านทำข้อสอบโดยไม่มี I-20 ได้หรือปล่าว...
เอาวะ ... หญิงไทยใจงาม คนไทยอย่างเราจะไม่ยอมแพ้ชาติใดในโลก!!
สิบนิ้วพนมมือขึ้นทันใด กูไหว้ฝรั่งนี่แหละ อ้อนวอนมันใหม่ให้มันใจอ่อน เผื่อจะช่วยประหยัดเงิน 32 เหรียญนี้ได้ _/\_
“ยูคะ ช่วยไอหน่อยนะคะ ไอไม่อยากจ่ายเงินอีก 32 เหรียญ ไอเป็นแค่นักเรียนต่างชาติ ไออยากผ่านค่ะ ได้โปรดดดดดช่วยเหลือกัน”
เอื้อนเอ่ยคำขอร้อง
“สอบได้อีกแค่ครั้งเดียวนะ ...เอางี้สิ...เป็นคนชาติอะไร ทำข้อสอบแบบภาษาของชาติยูเอามั๊ย?? ”
“ห๊ะ??...อะไรนะ??...เมื่อกี๊เมิงพูดว่าอะไรนะ...เมิงมีข้อสอบภาษาบ้านเกิดกูด้วยเหรอ...นี่มีข้อสอบภาษาไทยเหรอเนี่ย
...แล้วทำไมเมิงไม่ให้กูตั้งแต่ชุดแรก...หน้ากูเนี่ยยย ฝรั่งจ๋า...มากเลยรึไงวะ” ไอ้ Animals!! (คำสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดค่ะ แค่นึกไว้ในใจ)
พี่จนท.ส่งข้อสอบชุดภาษาไทยมาให้.....
“เอามาเซ่!!” ค้อนขวับสะบัดบ๊อบ
เอ่อ....จากจุดนี้.... ดิฉัน.... ในนามผู้เขียนเรื่องราวของตัวเอง ที่อาจทำให้ผู้อ่านรำคาญใจบ้างก็ดี หมั่นไส้บ้างก็ดี สมน้ำหน้าบ้างก็ดี
ขอเชิ่ดหน้าขึ้น 45 องศา ดนตรีประกอบเพลงปลุกใจดังขึ้นเล็กน้อย ขอประกาศกร้าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
ดิฉัน...ทำข้อสอบภาษาไทยชุดนี้ได้..........คะแนนเต็มค่ะ........(เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้อง)
ตามด้วยเสียงโห่ไล่....ว๊ายยยย เอ๊ะ!! ยังไง!!
ได้คะแนนเต็มจริงๆค่ะ ก็แหมมม.. ทำภาษาอังกฤษมาตั้ง 2 ชุดแล้วอ่ะ ถ้าทำภาษาไทยตกอีก ก็กลับประเทศเหอะ...มองว่า
หากผู้อ่านหรือเพื่อนๆต่างชาติ มีโอกาสต้องทำข้อสอบขอใบขับขี่ของสหรัฐฯ ไปถึง DMV ปั๊บ ถามมันให้ชัดๆก่อนเลยนะคะ
ว่ามีข้อสอบเป็นภาษาไทยหรือภาษาประจำชาตินั้นๆหรือปล่าว เพราะเท่าที่ชะเง้อมอง มีมากมายหลายภาษาเชียวค่ะ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลา และตื่นเต้นกับการลุ้นผลสอบนะคะ
สอบข้อเขียนผ่านไปได้ ทางจนท.จะนัดวันและเวลาให้เรามาสอบขับจริงด้วย โดยการสอบขับ คือ
1.รถที่นำมาใช้สอบ อาจเป็นรถของเพื่อน ของญาติ ของพ่อแม่ หรือแม้แต่รถเช่า ของโรงเรียนสอนขับรถ ต้องมีเจ้าของรถมาด้วย
พร้อมเอกสารยืนยัน ว่ารถคันนี้(ที่ใช้สอบขับ)มีประกันคุ้มครองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น น้องลัมโบร์กีนี่ของเรา ไม่ผ่านข้อแรกนี้ค่ะ
2.รู้จักการทำงานของรถที่ใช้สอบก่อน เปิดไฟเลี้ยวยังไง ไฟฉุกเฉิน ฝากระโปรงหน้า-หลังเปิดยังไง น้ำฉีดกระจก ใบปัดน้ำฝน
ปุ่มใช้งานอยู่ไหน แตรรถใช้งานได้หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่จะบอกเราเป็นข้อๆ สุ่มไปสุ่มมา ให้ลองเปิดและใช้งานให้ดู
3.อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกตัวรถ เด็ดขาด ย้ำว่า อย่าลืมเด็ดขาดค่ะ เพราะตกทันที
4.เจ้าหน้าที่จะนั่งไปกับเราค่ะ ออกไปขับกันจริงๆบนถนนจริง จนท.จะสั่งงานเองให้เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา แซงคันนั้น จอดตรงนี้
เข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ ขึ้นเนินโน้น ลงเหวไหน จนท.จะสั่งเราทั้งหมด เพื่อความมั่นใจว่าเราใช้รถใช้ถนนของเค้าได้จริงๆค่ะ
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี DMV จะออกใบขับขี่ชั่วคราวให้ก่อน แล้วจะส่งตัวจริงตามไปให้ที่บ้าน
ถึงตอนนี้ เราก็ใช้รถใช้ถนน ควบน้องลัมโบว์กีนี่คู่ใจ ออกไปสริ๋วกริ๊ววววได้ตามใจชอบแล้วค่ะ
แต่ๆๆ เหนือสิ่งอื่นใด เมาไม่ขับ ไม่ว่าที่ไหนนะคะ คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน...
เมาแล้วขับ ตำรวจจับ โดนส่งกลับประเทศ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน
-เกี้ยมบ๊วย
ทำไมอยากไปอยู่เมืองนอก?? (ตอนที่ 7)
ผู้เขียนต้องก้มกราบขออภัย เพราะมัวแต่เที่ยวเล่นเพลิดเพลินเจริญใจ จนทำให้ผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาถามไถ่ รวมถึง inbox
ที่เข้ามาทิ้งข้อความไว้ ด้วยอาการค้อนขวับๆๆ ยิ่งอ่านยิ่งน่าประทับใจ ...
ผู้เขียนไม่ได้หายไปไหน กลับมาต่อตอนที่ 7 ให้แล้วนะ ขอบคุณมากๆค่ะ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน อย่าเพิ่งงอนกันน๊าาาา......
เอ้าววว...ว่ากันไปด้วยเรื่อง “รถยนต์” ซะที ณ จุดๆนี้
ตอนที่ 7...
“อยู่ LA ไม่มีรถใช้เนี่ย ลำบากจริงๆนะแม่”
“จะไปไหนมาไหนสักที่ ด้วยระยะทางใกล้ๆ เสียเวลาหลายๆชั่วโมงนะแม่”
“รถหมด กลับบ้านไม่ได้ ต้องนอนบ้านเพื่อนบ่อยๆนะแม่นะ”
นี่เป็นเพียงบางส่วน ย้ำว่า...บางส่วนเท่านั้นค่ะ ที่พร่ำบอกแม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งรถยนต์หนึ่งคัน เพราะบทพูดจริง คงเป็นการอ้อนวอน
ร้องขอ ตีหน้าเศร้า เคล้าน้ำตา สร้างดราม่า เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ และผลที่ได้รับของวันนั้นคือ “สำเร็จ”
รถยนต์ที่นี่ราคาถูกกว่าบ้านเรา ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์มือสองแล้ว ยิ่งซื้อง่าย-ขายคล่องกันไปใหญ่ เรียกได้ว่าถ้าอยากขับรถในฝัน
อยู่ประเทศนี้ ภาพฝันของคุณจะชัดเจนขึ้นมากเลยค่ะ
โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้ว หลงใหลได้ปลื้มกับความสวยงามของ Mazda MX-5 เป็นพิเศษ
แต่ชั่วโมงนี้ ต่อให้เต้นเร่าๆ ซอยเท้ายิกๆ อยากได้ๆ สักแค่ไหน
หากยังเรื่องมาก อยากได้โน่นนี่ คุณแม่เจ้าขา...คงให้เรานั่งรถเมล์ต่อไปเป็นแน่
เอาแระ...รถยนต์ Saturn สัญชาติอเมริกัน สีเหลืองทอง 5 ประตู มือสอง ก็เอาแระบ๊วยเอ๊ยยยย หุบปากนะบ๊วยนะ!!
ยกหูโทรศัพท์ถาม PR ค่ายรถยนต์นู่นนี่นั่นในเมืองไทย ขอความรู้จากพี่ๆนักข่าวสายรถยนต์เพิ่มเติม เสริมเข้าไป
สรุปแล้ว เลือกแล้ว คันนี้แหละ ถ้าอยากได้ไฮโซโก้เก๋กว่านี้ เมิงก็ตั้งชื่อเรียกเอาแล้วกันนะ จะให้หรูหราแค่ไหนตามใจเมิงชอบเลย...
“ชื่ออะไรดีหล่ะคะ?” เราขอความเห็นจากพี่นักข่าวที่รัก
“อยู่เมืองไทย ขับ Proton สัญชาติมาเลย์ คันแดง เมิงยังกล้าเรียก น้องเฟอร์ฯ (ย่อมาจากเฟอร์รารี่) อยู่ที่โน่น ขับ Saturn สีเหลือง
เมิงเรียกลัมโบร์กีนี่ ซะ พี่ว่าเหมาะดี ไม่มีใครกล้าด่าเมิงต่อหน้าแน่นอน!!” พี่นักข่าวชี้แนะ
“แล้วลับหลังหนูหล่ะคะเฮีย?” ยักคิ้วข้างซ้ายขึ้นเล็กน้อย...
“คิดเอาบ๊วย...คิดเอา” ...แล้ววางหูไป
ถ้าอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ใบขับขี่อินเตอร์ที่ถือมาจากประเทศไทย สามารถขับรถที่นี่ได้ ไม่ผิดค่ะ
แต่ถ้าจะเป็นเจ้าของรถ ใบขับขี่อินเตอร์เห็นทีจะไม่พอ เพราะซื้อรถต้องทำประกัน และบริษัทประกันไม่ยินยอมประกันให้
หากไม่มีใบขับขี่ของที่นี่ หมายความว่า “ขับได้” แต่ “ไม่คุ้มครอง” ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
หลังจากตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า ต้องมีรถเป็นของตัวเอง เพื่อไม่ให้ใครต่อใครจับเราโยนใส่รถอยู่ตลอดๆ
งานชิ้นสำคัญที่พุ่งเข้ามาหาเราก็คือ ... ต้องไปสอบใบขับขี่ จ้าาาาาา (Driving License)
เอาแล้วไง ภาษาอังกฤษกูก็เก่งเว่อร์... สั่ง Sandwich กูยังได้ Fish soup อยู่เลยจ้าาาา จะให้กูไปสอบใบขับขี่อเมริกางั้นรึ?
ชะ ชะ ชะ ชะ แต่อย่านะ อย่ามาดูถูกกันนะ ... (ปูเป้-อภิชาติ เพื่อนสาวจากดาวอังคารสอนมาเยอะ)
Go far far feet = ไปไกล ๆ ตรีน
Don’t come say see right me = อย่ามาพูดดูถูกกูนะ
If you say……face see!! = ถ้าเมิงพูดหล่ะ........น่าดู!!
Already don’t come find no warning = แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน
Already you will say you know me a little go = แล้วเมิงจะพูดว่า เมิงรู้จักกูน้อยเกินไป
เพี๊ยะ!! พี่ปุ้ยตบกะโหลกเรียกสติ ประโยคพวกนี้คล่องนักนะ ศัพท์ใหม่ๆเค้ามีให้ทุกวันไม่รู้จักท่องบ้างหล่ะ
ว่าเสร็จก็เดินเชิ่ดนำ มือจูงนังน้องตัวดีไปยืนต่อแถวหน้า DMV (Department of Motor Vehicles) รอสอบใบขับขี่กันต่อไป
ยืนต่อแถวรับบัตรคิว ยาวมาก ยา...ว...มากกก เรายืนนานเป็นชั่วโมงค่ะ ต่อแถวเสร็จเจ้าหน้าที่แจกแจงเข้าตามโหมดเรื่องที่ติดต่อ
ต้องรับบัตรคิวรอต่อไปอีก ซึ่งเราได้คิวที่ 198 !! เอิ่มมมมม.... การรอคอยยังไม่จบสิ้น รอกันต่อไป
เกือบถึงคิวเราแล้ว งัดเอกสารขึ้นมาตรวจทาน กรอกตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยให้ครบถ้วน โดยมี พี่ปุ้ย นั่งประกบอยู่ข้างๆ
พี่ปุ้ยดึงเอกสารมาตรวจอีกทีว่า ถูกต้องมั๊ย เขียนอะไรโง่ๆไปหรือปล่าว แล้วก็แบบมือขอ Passport
“นี่ค่ะ Passport” เราส่งให้…
“แล้ว I-20 ของเมิงหล่ะ” (I-20 คือเอกสารการตอบรับเข้าเรียน ที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้ออกให้)
“อ้าว...ต้องใช้ I-20 ด้วยเหรอ หนูนึกว่าใช้ Passport อย่างเดียวก็พอ” ซวยแล้วกู รอมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะเนี่ย
“ANIMALS!!” (ยังดีนะคะ พี่ปุ้ยยังใจดีเปิดโอกาสให้เราได้เลือกสรรประเภทของมันมากมาย เอ๊ะ..เราอยากเป็นอะไรดีนะ)
“เมิงไปทำธุรกรรมอะไร I-20 ต้องพกไว้นะเว้ย เอกสารสำคัญ ต้องใช้ ต้องมี ต้องพก” พี่ปุ้ยด่ายาวเลย...
“หนูไม่รู้ หนูขอโทษ” พร้อมส่งยิ้มหวาน 1 ที (ยิ้มมมมม)
“เมิงยิ้มได้น่ากระทืบมาก ไปบอกจนท.เองแล้วกัน ว่าลืม I-20 โดนไล่กลับบ้านแน่ๆ ไอ้ๆๆๆ Animals เอ๊ยยย”
“ขอเลือกเป็นปลาหางนกยูงนะคะ !!” …น่ารักดี เราตอบ
ถึงคิว 198 แล้ว เอาวะ ... รอมาจะครึ่งวันแระ ถ้าไม่ให้สอบนะ............กูจะกลับบ้านให้ดู!! ชิ!!
“เอ่อ ... มาดามคะ สีลิปสติกมาดาม ส๊วย สวย ค่ะ ดูเหมาะกับมาดามมากๆ” เราเริ่มบทสนทนา
“ขอบใจจ่ะ” มาดามยิ้มกริ่มตอบรับ
“เอ่อ... มาดามคะ ไอลืมพก I-20 มาด้วยอ่ะค่ะ แต่ไอเป็นนักเรียนจริงๆนะคะ ไอเข้าใจค่ะว่า I-20 เป็นเอกสารสำคัญที่ต้องใช้
แต่มาดามคะ... ดูเอกสารอย่างอื่นแทนได้มั๊ย จะเป็นวีซ่า หรือ บัตรนักเรียน หรืออะไรที่ใช้แสดงความเป็นนักเรียนของไอได้บ้างคะ
กรุณาด้วยเถอะค่ะมาดาม” …ตีหน้าเศร้าเข้าไว้
มาดามนิ่ง ...เงียบไป... ก้มมองเอกสารในมืออีกครั้ง “Ummm,okay! Next!!”
เย้ๆๆ.....รอดแล้วกู ไม่เสียเที่ยวแล้ววันนี้ รีบกล่าวขอบคุณแล้วไสหัวไปให้ไกลก่อนมาดามจะเปลี่ยนใจ
จ่ายค่าธรรมเนียม 32 เหรียญ >> ถ่ายรูป >> ต่อแถวรอข้อสอบ
ข้อสอบจะมี 3 ชุด (A,B,C) ชุดละ 36 ข้อ
เราได้ข้อสอบชุด A และอีก 1 แผ่นเรื่องป้ายจราจรอีก 15 ข้อ...
ยืนทำอยู่ในคอกพักใหญ่ๆ เสร็จแล้วไปยืนต่อแถวส่งเจ้าหน้าที่รอตรวจ...
........................เจ้าหน้าที่ตรวจด้วยความว่องไว
ตรวจไป................ตรวจไป.....................
.........................ผลสอบออกมา...........ออกมา
ผลออกมา..............ว่า...............
....................
....................
“ตกค่ะ!!”
แหนะ....ถูกใจคุณผู้อ่านหล่ะสิ??!!??
ไอ้เราก็เริ่มวิธีเดิมแบบกระซิบเบาๆ
“พลีสสสส...ช่วยหน่อยเถอะนะคะ ช่วยไอหน่อยค่ะ ไอเป็นแค่นักเรียนเอง ให้ไอผ่านไปเถอะนะคะ กรุณาไอด้วยค่ะ”
“โอ้ววว...ผมเขียนไปแล้วว่าคุณสอบตก ทำไมไม่พูดให้เร็วๆกว่านี้หล่ะ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมให้คุณเอาข้อสอบเก่าไปอ่านนะ
ว่าผิดตรงไหนบ้าง แล้วผมจะให้คุณสอบใหม่นะ” จนท.ตอบกลับมาแบบกระซิบเบาๆเหมือนกัน
.....หลังจากจดคำตอบที่ผิดไว้บนฝ่ามือเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับไปบอกจนท.คนเก่า
“ไอพร้อมจะสอบใหม่แล้วค่ะ” ด้วยท่าทางมั่นใจ
พี่เจ้าหน้าที่คนเก่า ท่าทางใจดีหยิบข้อสอบส่งมาให้ใหม่
อ้าวววว..... อีพี่จนท.เจ้าขาาา...นี่มันข้อสอบชุด B มันไม่เหมือนเดิมแล้วกูจะลอกยังไงหล่ะเจ้าคะ....รมณ์เสีย!!
ยังไงหล่ะเนี่ย อีก 36 ข้อเนี่ย ไม่เหมือนเดิมเลยนะ .....คุณหลอกดาว คุณหลอกดาวววววววว (- -" )
เมื่อผลสอบรอบที่ 2 ได้รับการตรวจเสร็จสิ้นลง..........ผลที่ได้??
ใช่ค่ะ...
ใช่เลยค่ะ...
เป็นอย่างที่คุณผู้อ่าน คาดคิด เบะปากยิ้มเยาะเรากันใหญ่เลยน๊าาาา......
ตกค่ะ!! เราสอบตกอีกครั้ง เราตกให้สาแก่ใจคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ!!
ทำไงดีวะ ทำไงดี ๆ เหลือโอกาสสอบอีกครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าตกอีกต้องจ่ายเงินอีก 32 เหรียญเลยนะ ต้องไปเริ่มขั้นตอนใหม่ทั้งหมด
แล้วไม่รู้ว่า เค้าจะยอมให้เรามาถึงด่านทำข้อสอบโดยไม่มี I-20 ได้หรือปล่าว...
เอาวะ ... หญิงไทยใจงาม คนไทยอย่างเราจะไม่ยอมแพ้ชาติใดในโลก!!
สิบนิ้วพนมมือขึ้นทันใด กูไหว้ฝรั่งนี่แหละ อ้อนวอนมันใหม่ให้มันใจอ่อน เผื่อจะช่วยประหยัดเงิน 32 เหรียญนี้ได้ _/\_
“ยูคะ ช่วยไอหน่อยนะคะ ไอไม่อยากจ่ายเงินอีก 32 เหรียญ ไอเป็นแค่นักเรียนต่างชาติ ไออยากผ่านค่ะ ได้โปรดดดดดช่วยเหลือกัน”
เอื้อนเอ่ยคำขอร้อง
“สอบได้อีกแค่ครั้งเดียวนะ ...เอางี้สิ...เป็นคนชาติอะไร ทำข้อสอบแบบภาษาของชาติยูเอามั๊ย?? ”
“ห๊ะ??...อะไรนะ??...เมื่อกี๊เมิงพูดว่าอะไรนะ...เมิงมีข้อสอบภาษาบ้านเกิดกูด้วยเหรอ...นี่มีข้อสอบภาษาไทยเหรอเนี่ย
...แล้วทำไมเมิงไม่ให้กูตั้งแต่ชุดแรก...หน้ากูเนี่ยยย ฝรั่งจ๋า...มากเลยรึไงวะ” ไอ้ Animals!! (คำสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดค่ะ แค่นึกไว้ในใจ)
พี่จนท.ส่งข้อสอบชุดภาษาไทยมาให้.....
“เอามาเซ่!!” ค้อนขวับสะบัดบ๊อบ
เอ่อ....จากจุดนี้.... ดิฉัน.... ในนามผู้เขียนเรื่องราวของตัวเอง ที่อาจทำให้ผู้อ่านรำคาญใจบ้างก็ดี หมั่นไส้บ้างก็ดี สมน้ำหน้าบ้างก็ดี
ขอเชิ่ดหน้าขึ้น 45 องศา ดนตรีประกอบเพลงปลุกใจดังขึ้นเล็กน้อย ขอประกาศกร้าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
ดิฉัน...ทำข้อสอบภาษาไทยชุดนี้ได้..........คะแนนเต็มค่ะ........(เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้อง)
ตามด้วยเสียงโห่ไล่....ว๊ายยยย เอ๊ะ!! ยังไง!!
ได้คะแนนเต็มจริงๆค่ะ ก็แหมมม.. ทำภาษาอังกฤษมาตั้ง 2 ชุดแล้วอ่ะ ถ้าทำภาษาไทยตกอีก ก็กลับประเทศเหอะ...มองว่า
หากผู้อ่านหรือเพื่อนๆต่างชาติ มีโอกาสต้องทำข้อสอบขอใบขับขี่ของสหรัฐฯ ไปถึง DMV ปั๊บ ถามมันให้ชัดๆก่อนเลยนะคะ
ว่ามีข้อสอบเป็นภาษาไทยหรือภาษาประจำชาตินั้นๆหรือปล่าว เพราะเท่าที่ชะเง้อมอง มีมากมายหลายภาษาเชียวค่ะ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลา และตื่นเต้นกับการลุ้นผลสอบนะคะ
สอบข้อเขียนผ่านไปได้ ทางจนท.จะนัดวันและเวลาให้เรามาสอบขับจริงด้วย โดยการสอบขับ คือ
1.รถที่นำมาใช้สอบ อาจเป็นรถของเพื่อน ของญาติ ของพ่อแม่ หรือแม้แต่รถเช่า ของโรงเรียนสอนขับรถ ต้องมีเจ้าของรถมาด้วย
พร้อมเอกสารยืนยัน ว่ารถคันนี้(ที่ใช้สอบขับ)มีประกันคุ้มครองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น น้องลัมโบร์กีนี่ของเรา ไม่ผ่านข้อแรกนี้ค่ะ
2.รู้จักการทำงานของรถที่ใช้สอบก่อน เปิดไฟเลี้ยวยังไง ไฟฉุกเฉิน ฝากระโปรงหน้า-หลังเปิดยังไง น้ำฉีดกระจก ใบปัดน้ำฝน
ปุ่มใช้งานอยู่ไหน แตรรถใช้งานได้หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่จะบอกเราเป็นข้อๆ สุ่มไปสุ่มมา ให้ลองเปิดและใช้งานให้ดู
3.อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกตัวรถ เด็ดขาด ย้ำว่า อย่าลืมเด็ดขาดค่ะ เพราะตกทันที
4.เจ้าหน้าที่จะนั่งไปกับเราค่ะ ออกไปขับกันจริงๆบนถนนจริง จนท.จะสั่งงานเองให้เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา แซงคันนั้น จอดตรงนี้
เข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ ขึ้นเนินโน้น ลงเหวไหน จนท.จะสั่งเราทั้งหมด เพื่อความมั่นใจว่าเราใช้รถใช้ถนนของเค้าได้จริงๆค่ะ
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี DMV จะออกใบขับขี่ชั่วคราวให้ก่อน แล้วจะส่งตัวจริงตามไปให้ที่บ้าน
ถึงตอนนี้ เราก็ใช้รถใช้ถนน ควบน้องลัมโบว์กีนี่คู่ใจ ออกไปสริ๋วกริ๊ววววได้ตามใจชอบแล้วค่ะ
แต่ๆๆ เหนือสิ่งอื่นใด เมาไม่ขับ ไม่ว่าที่ไหนนะคะ คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน...
เมาแล้วขับ ตำรวจจับ โดนส่งกลับประเทศ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน
-เกี้ยมบ๊วย