
ท่าทางคงจะเหนื่อยหน่อยนะครับท่านงานนี้ เพราะปัญหาใหญ่ๆไม่ได้มีแค่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้น
อย่าลืมกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งและกรมป่าไม้ด้วย คงต้องเตรียมผ้าซับเหงื่อเอาไว้เยอะๆ แต่ตำแหน่งนี้
คงไม่ได้มีอำนาจมากมายเท่ารัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วย เพราะตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่แท้ก็คือคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีได้ไม่เกิน 30 คน เมื่อดูสาระในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการ
ผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีแทบจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เพราะอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่ฝ่ายบริหาร
แต่ถ้าเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย...แล้วโฟกัสงานไปที่การปราบปรามผู้การกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้
น่าจะเหมาะสมกับตัวท่านมากกว่า จะได้มีอำนาจทวงคืนผืนป่าได้เต็มที่ เพราะว่าการอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีอาจทำให้
ท่านต้องเจอปัญหาที่ทำให้เหนื่อยกว่าหนักใจกว่ามากมายและไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากนั้นชื่อของ "ดำรงค์ พิเดช"
ยังเป็นที่ชื่นชอบทำข่าวของนักข่าวหลายสำนักเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ และโดยบุคลิกเฉพาะตัว
ก็ย่อมกลับมาเป็นข่าวให้เห็นกันบ่อยๆอีกครั้ง ซึ่งก็น่าจะต้องระวังในเรื่องของผลงานและบทบาทหน้าที่อยู่เหมือนกัน
สุดท้ายก็ต้องรอชมกันนะครับว่า การแต่งตั้งให้ "ดำรงค์ พิเดช"เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีนั้น เป็นบทพิสูจน์รัฐบาลว่า เป็นความจริงใจ
หรือเป็นแค่การสร้างภาพลักษณ์เพื่อหวังผลในทางการเมืองแต่ลึกๆไม่ว่าใครจะมุ่งหวังสิ่งใด มันก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน
เพราะว่าทรัพยากรธรรมชาตินั้น เป็นสมบัติอันล้ำค่าของมวลมนุษยชาติมิใช่เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง
http://phangngaplantseedling.go.th/EntertainPage4.html
บทพิสูจน์รัฐบาล ในเรื่องของทรัพยากรป่าไม้
ท่าทางคงจะเหนื่อยหน่อยนะครับท่านงานนี้ เพราะปัญหาใหญ่ๆไม่ได้มีแค่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้น
อย่าลืมกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งและกรมป่าไม้ด้วย คงต้องเตรียมผ้าซับเหงื่อเอาไว้เยอะๆ แต่ตำแหน่งนี้
คงไม่ได้มีอำนาจมากมายเท่ารัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วย เพราะตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่แท้ก็คือคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีได้ไม่เกิน 30 คน เมื่อดูสาระในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการ
ผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีแทบจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เพราะอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่ฝ่ายบริหาร
แต่ถ้าเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย...แล้วโฟกัสงานไปที่การปราบปรามผู้การกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้
น่าจะเหมาะสมกับตัวท่านมากกว่า จะได้มีอำนาจทวงคืนผืนป่าได้เต็มที่ เพราะว่าการอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีอาจทำให้
ท่านต้องเจอปัญหาที่ทำให้เหนื่อยกว่าหนักใจกว่ามากมายและไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากนั้นชื่อของ "ดำรงค์ พิเดช"
ยังเป็นที่ชื่นชอบทำข่าวของนักข่าวหลายสำนักเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ และโดยบุคลิกเฉพาะตัว
ก็ย่อมกลับมาเป็นข่าวให้เห็นกันบ่อยๆอีกครั้ง ซึ่งก็น่าจะต้องระวังในเรื่องของผลงานและบทบาทหน้าที่อยู่เหมือนกัน
สุดท้ายก็ต้องรอชมกันนะครับว่า การแต่งตั้งให้ "ดำรงค์ พิเดช"เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีนั้น เป็นบทพิสูจน์รัฐบาลว่า เป็นความจริงใจ
หรือเป็นแค่การสร้างภาพลักษณ์เพื่อหวังผลในทางการเมืองแต่ลึกๆไม่ว่าใครจะมุ่งหวังสิ่งใด มันก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน
เพราะว่าทรัพยากรธรรมชาตินั้น เป็นสมบัติอันล้ำค่าของมวลมนุษยชาติมิใช่เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง
http://phangngaplantseedling.go.th/EntertainPage4.html