เริ่ม พ.ย. กำไลคุมประพฤติเด็กแว้น
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม แถลงความคืบหน้าในการนำเครื่องมือควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับเด็กและเยาวชนในระบบงานคุมประพฤติว่า เบื้องต้นจะเช่าใช้อุปกรณ์จำนวน 200 ชุด ซึ่งส่งข้อมูลแบบจีพีอาร์เอสหรือจีเอสอ็ม และสามารถใช้งานบนเทคโนโลยีจีพีเอสกรณีที่อับสัญญาณ มีระบบการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อเกิดเหตุกับอุปกรณ์ เช่น แบตเตอรี่เหลือน้อย, ออกจากพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ หรือถูกถอดออกโดยไม่ใช้เครื่อง
กลางเดือนพ.ย.นี้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะเริ่มทดลองใช้กับกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงสูง 200 ราย ที่มีความผิดในพ.ร.บ.จราจร หรือในกลุ่มเด็กแว้น เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและสังคมได้ตามปกติ อีกทั้งยังเป็นการลดภาระการดูแลเด็กในสถานควบคุมด้วยŽ รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้านน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ โดยจะเปิดซองในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยกรมพินิจฯ จะเป็นผู้เสนอรายงานว่าเด็กหรือเยาวชนแต่ละรายมีความเสี่ยงระดับใด หากเห็นว่าอยู่ในระดับปานกลางหรือน้อย สมควรควบคุมนอกสถานพินิจฯ จะระบุความเห็นเสนอศาลเพื่อประกอบการพิจารณา
ด้านพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า กรมราชทัณฑ์จะนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้กับนักโทษ หลังจากกรมคุมประพฤติ และกรมพินิจฯ ทดลองใช้กับเด็กและเยาวชนเป็นเวลา 6 เดือน โดยใช้กับผู้ต้องขัง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ต้องขังจำคุกที่จะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าจะต้องจำคุก กรณีผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย ไตวายเรื้อรัง มะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้ต้องขังจำคุกจำเป็นต้องเลี้ยงบิดามารดา สามี ภรรยา บุตร ที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ และขาดผู้อุปการะ ผู้ต้องขังเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และต้องออกไปรับการรักษาภายนอก เช่น ฟอกไต หรือฉายรังสีทุกสัปดาห์ และผู้ต้องขังจำคุกที่มีเหตุอันควรได้รับการทุเลาการบังคับ เช่น วิกลจริต เพิ่งคลอดบุตรหรือตั้งครรภ์Ž อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056QTRNamd6Tmc9PQ%3D%3D§ionid
กำไลคุมประพฤติเด็กแว้น (พอดัดแปลงมาใช้ในรัฐสภาได้ไหม? เพื่อสภาอันทรงเกียรติ)
เริ่ม พ.ย. กำไลคุมประพฤติเด็กแว้น
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม แถลงความคืบหน้าในการนำเครื่องมือควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับเด็กและเยาวชนในระบบงานคุมประพฤติว่า เบื้องต้นจะเช่าใช้อุปกรณ์จำนวน 200 ชุด ซึ่งส่งข้อมูลแบบจีพีอาร์เอสหรือจีเอสอ็ม และสามารถใช้งานบนเทคโนโลยีจีพีเอสกรณีที่อับสัญญาณ มีระบบการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อเกิดเหตุกับอุปกรณ์ เช่น แบตเตอรี่เหลือน้อย, ออกจากพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ หรือถูกถอดออกโดยไม่ใช้เครื่อง
กลางเดือนพ.ย.นี้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะเริ่มทดลองใช้กับกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงสูง 200 ราย ที่มีความผิดในพ.ร.บ.จราจร หรือในกลุ่มเด็กแว้น เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและสังคมได้ตามปกติ อีกทั้งยังเป็นการลดภาระการดูแลเด็กในสถานควบคุมด้วยŽ รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้านน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ โดยจะเปิดซองในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยกรมพินิจฯ จะเป็นผู้เสนอรายงานว่าเด็กหรือเยาวชนแต่ละรายมีความเสี่ยงระดับใด หากเห็นว่าอยู่ในระดับปานกลางหรือน้อย สมควรควบคุมนอกสถานพินิจฯ จะระบุความเห็นเสนอศาลเพื่อประกอบการพิจารณา
ด้านพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า กรมราชทัณฑ์จะนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้กับนักโทษ หลังจากกรมคุมประพฤติ และกรมพินิจฯ ทดลองใช้กับเด็กและเยาวชนเป็นเวลา 6 เดือน โดยใช้กับผู้ต้องขัง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ต้องขังจำคุกที่จะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าจะต้องจำคุก กรณีผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย ไตวายเรื้อรัง มะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้ต้องขังจำคุกจำเป็นต้องเลี้ยงบิดามารดา สามี ภรรยา บุตร ที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ และขาดผู้อุปการะ ผู้ต้องขังเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และต้องออกไปรับการรักษาภายนอก เช่น ฟอกไต หรือฉายรังสีทุกสัปดาห์ และผู้ต้องขังจำคุกที่มีเหตุอันควรได้รับการทุเลาการบังคับ เช่น วิกลจริต เพิ่งคลอดบุตรหรือตั้งครรภ์Ž อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056QTRNamd6Tmc9PQ%3D%3D§ionid