ต่อจากตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/30859746
1) ในแผ่นจารึกเมอร์เนปตาห์ กล่าวถึงชนชาติอิสราเอล, ในปีที่ 5 แห่งการปกครองของฟาโรห์เมอร์เนปตาห์ แห่งอียิปต์ ประมาณปี1207 กสศ.ในแผ่นจารึกนี้ , จารึกเมอร์เนปตาห์ กล่าวว่าคนอิสราเอลอยู่อย่างไม่มีประโยชน์ และในปีเดียวกัน ในจารึกอีกชุดหนึ่ง , จารึกเมอร์เนปตาร์เช่นเดียวกัน กล่าวถึงการรุกรานของชาวทะเล,ที่พิชิตประเทศต่างๆ ในแถบทะเลเมอร์ดิเตอร์เรเนียน ในเวลานี้
คนไมเนเซียมและไมนอแอนของกรีกพ่ายแพ้ คนฮิสไตน์ในตุรกีและแม้แต่ไซปรัส ก็พ่ายแพ้. เช่นเดียวกับชาวคานาอัน เหลือเฉพาะคนอียิปต์ภายใต้การปกครองของเมอร์เนปตาห์และผู้สืบทอดราชวงศ์ของเขาเท่านั้น ที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับชาวทะเลได้.
การรุกรานของชาวทะเล
การรุกรานของชาวทะเล ส่งผลให้ คนอิสราเอลเข้ายึดครองดินแดนคานาอันในเวลาต่อมาได้หรือไม่ การอพยพ เกิดขึ้น(มีความเป็นไปได้มากที่สุด ปี 1250 กสศ.) และมีความเป็นไปได้ ที่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลามากกว่า ๒๐๐ ปี ถ้าชาวอิสราเอล เร่ร่อนในทะเลทราย จากปี 1250 กสศ. ไปจนถึงประมาณ ปี 1210 กสศ. และจากนั้น พิชิตคานาอันใน ปี 1207 (เวลาตามจารึกเมอร์เนปตาห์), ตรงกับเวลาที่ชาวทะเลยึดครองคานาอันเช่นกัน
ชาวทะเลเข้ามาปล้นสะดมและจากไป จนกระทั่งอียิปต์เข้ามาตั้งถิ่นฐานอีกครั้ง). บางคนคิดว่า ชาวทะเลทิ้งรัฐ-เมืองคานาอัน แบบเผาเมืองให้ราบเป็นจุน ก่อนจากไป, จากนั้นชาวอิสราเอลเข้ามาครอบครองพื้นที่ มิฉะนั้น ,ชาวอิสราเอลอาจจะไม่เคยพิชิตได้เลย สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับเรื่องราวตามคัมภีร์ที่กล่าวถึงชัยชนะของโยซูวา ซึ่งยกย่องโยซูวาและชาวอิสราเอลสำหรับการพิชิตภูมิภาค-แต่ก็อีกเช่นกัน, เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่?
ใครคือผู้พิชิตคานาอัน
พระธรรมโยซูวา บอกถึงชัยชนะของโยซูวา ในการพิชิตคานาอัน, หลังจากโมเสสตาย ที่ทรานจอร์แดน เมื่อได้เห็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญาแล้ว โยซูวารับช่วงต่อ และภายใต้การบัญชาการของโยซูวา อิสราเอลพิชิต คานาอัน พระธรรมโยซูวา บทที่ 12 บอกรายชื่อกษัตริย์ 31 องค์ ที่พ่ายแพ้แก่โยซูวา ในเวลานั้น
พระธรรมโยซูวา กล่าวว่า “แต่คนเบนยามินมิได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ในเยรูซาเล็มให้ออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนทุกวันนี้” และกล่าวว่า คนเผ่าอื่นไม่ได้ขับไล่ผู้อยู่อาศัยออกไปจากบ้านเรือนอื่น พวกเขาอยู่ร่วมกัน เช่นเดียวกับผู้อยู่อาศัยเมืองเมกิดโดและคนคานาอันก็ยังอยู่ที่นั่น “เมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น พวกเขาบังคับชาวคานาอัน ลงเป็นผู้ใช้แรงงาน แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกไป”
เห็นได้ว่า มีตำนาน สองเรื่อง
เรื่องที่หนึ่งมีว่า โยซูวาและชาวอิสราเอลสามารถพิชิตคานาอันได้อย่างสมบูรณ์,และอีกเรื่องราวอีกอันหนึ่ง พวกเขาพิชิตดินแดน, แต่ไม่ได้ฆ่าหรือบังคับกดขี่ผู้ใด.ทั้งเรื่องราวตามพระคัมภีร์และเรื่องราวทางโบราณคดี มีความขัดแย้งกัน
หลักฐานแง่ลบ คือว่า คนที่สนับสนุนชัยชนะทางการทหาร จำต้องยอมรับทฤษฎีนั้น ด้วยความเชื่อ
หรือกล่าวได้ว่า การวิจัยทางโบราณคดีและข้อมูลที่ได้ เสนอความเป็นไปได้หลายอย่าง รวมทั้งชัยชนะทางการทหาร
วิลเลียม เอฟ อัลไบร์ท แห่งม.ฮอฟกิ้น เป็นหนึ่งในจำนวนผู้สนับสนุนทฤษฎีเริ่มต้นนี้ โดยกล่าวว่า มีชัยชนะเกิดขึ้นตามคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม อัลเบร็นท์ อัลท์ ให้ความเห็นว่า ชาวอิสราเอลกึ่งเร่ร่อน ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปอย่างสงบไม่ได้ยึดครองพื้นที่ hill country ตั้งถิ่นฐานมั่นคงไปเรื่อยๆ นั่นคือ ชาวอิสราเอลกลายเป็นคนผูกพันกับแผ่นดินและต่อมาได้เข้าไปแทนที่ชาวคานาอัน ในเมืองต่างๆ.
อัลท์คิดว่า การเผชิญหน้าทางการทหาร เกิดขึ้น หลังจากที่ชาวอิสราเอลเริ่มต้นขยายพื้นที่ออกจากดินแดนแผ่นดินสูงตอนกลางนี้ นี่อาจเป็นการพิชิตดินแดนต่อเนื่อง ตามความเห็นของอัลไบรท์
ความเห็นที่สาม เรียกว่า สมมติฐานชาวนาปฏิวัติ หรือการจลาจลชาวนา เสนอโดย ยอช์ท เมนเดนฮอล และนอร์แมน กอทแวล บอกว่า ชาวอิสราเอล ออกมาจาก เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมคานาอัน ในแบบการเคลื่อนไหวปฏิวัติทางสังคมของผู้คน ที่อยู่ในคานาอันแล้ว การปฏิวัตินี้อาจเริ่มที่ทรานจอร์แดน ก่อน จากนั้น ไปทางทิศตะวันออก และขยายไปทางตะวันตก ข้ามจอร์แดนไปเวสแบงค์ และขึ้นไปทางทิศเหนือ แบบนี้นำมาจากจารึกฮาบิรู ที่กล่าวว่าพวกเขาก่อความวุ่นวายต่อคนอียิปต์ ประมาณร้อยปีก่อนหน้านี้. นี่เป็นพื้นฐานของการรวมกัน เนื่องจากไม่ได้สิทธิพิเศษ
องค์ประกอบของสังคมชาวคานาอัน ในการลุกขึ้นต่อสู้กับสังคมที่ก่อตั้งมั่นคงแล้ว ในกรณีนี้ สิ่งที่เรียกว่า ชัยชนะของชาวคานาอัน ไม่มีอะไรที่มากเท่ากับชัยชนะที่เป็นการปฏิวัติภายใน นำโดยประชากรที่อยู่ที่นั่นแล้ว .ไม่มีการสู้รบทางการทหารที่ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กระทำโดยการใช้กำลังจากภายนอก และไม่มีการฆ่าหมู่กับผู้อยู่อาศัยบนแผ่นดิน
ปัญหาของสมมติฐานการปฏิวัติชาวนา ก็คือว่า ไม่มีหลักฐานสนับสนุนจากโบราณคดีหรือเอกสารอื่น.
ความเป็นไปได้ประการที่สี่ บอกว่า ชาวคานาอันและคนอิสราเอลมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเป็นคนเผ่าเดียวกัน; นั่นคือ คนอิสราเอลเป็นส่วนหนึ่งของชาวคานาอัน,และพวกเขาเข้าครอบครอง. ส่วนเรื่องการรุกรานเขียนขึ้นมาในไบเบิลช่วงหลัง.
ประวัติศาสตร์อิสราเอลโบราณตอนที่3:พิชิตคานาอัน
1) ในแผ่นจารึกเมอร์เนปตาห์ กล่าวถึงชนชาติอิสราเอล, ในปีที่ 5 แห่งการปกครองของฟาโรห์เมอร์เนปตาห์ แห่งอียิปต์ ประมาณปี1207 กสศ.ในแผ่นจารึกนี้ , จารึกเมอร์เนปตาห์ กล่าวว่าคนอิสราเอลอยู่อย่างไม่มีประโยชน์ และในปีเดียวกัน ในจารึกอีกชุดหนึ่ง , จารึกเมอร์เนปตาร์เช่นเดียวกัน กล่าวถึงการรุกรานของชาวทะเล,ที่พิชิตประเทศต่างๆ ในแถบทะเลเมอร์ดิเตอร์เรเนียน ในเวลานี้
คนไมเนเซียมและไมนอแอนของกรีกพ่ายแพ้ คนฮิสไตน์ในตุรกีและแม้แต่ไซปรัส ก็พ่ายแพ้. เช่นเดียวกับชาวคานาอัน เหลือเฉพาะคนอียิปต์ภายใต้การปกครองของเมอร์เนปตาห์และผู้สืบทอดราชวงศ์ของเขาเท่านั้น ที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับชาวทะเลได้.
การรุกรานของชาวทะเล
การรุกรานของชาวทะเล ส่งผลให้ คนอิสราเอลเข้ายึดครองดินแดนคานาอันในเวลาต่อมาได้หรือไม่ การอพยพ เกิดขึ้น(มีความเป็นไปได้มากที่สุด ปี 1250 กสศ.) และมีความเป็นไปได้ ที่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยใช้เวลามากกว่า ๒๐๐ ปี ถ้าชาวอิสราเอล เร่ร่อนในทะเลทราย จากปี 1250 กสศ. ไปจนถึงประมาณ ปี 1210 กสศ. และจากนั้น พิชิตคานาอันใน ปี 1207 (เวลาตามจารึกเมอร์เนปตาห์), ตรงกับเวลาที่ชาวทะเลยึดครองคานาอันเช่นกัน
ชาวทะเลเข้ามาปล้นสะดมและจากไป จนกระทั่งอียิปต์เข้ามาตั้งถิ่นฐานอีกครั้ง). บางคนคิดว่า ชาวทะเลทิ้งรัฐ-เมืองคานาอัน แบบเผาเมืองให้ราบเป็นจุน ก่อนจากไป, จากนั้นชาวอิสราเอลเข้ามาครอบครองพื้นที่ มิฉะนั้น ,ชาวอิสราเอลอาจจะไม่เคยพิชิตได้เลย สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับเรื่องราวตามคัมภีร์ที่กล่าวถึงชัยชนะของโยซูวา ซึ่งยกย่องโยซูวาและชาวอิสราเอลสำหรับการพิชิตภูมิภาค-แต่ก็อีกเช่นกัน, เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่?
ใครคือผู้พิชิตคานาอัน
พระธรรมโยซูวา บอกถึงชัยชนะของโยซูวา ในการพิชิตคานาอัน, หลังจากโมเสสตาย ที่ทรานจอร์แดน เมื่อได้เห็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญาแล้ว โยซูวารับช่วงต่อ และภายใต้การบัญชาการของโยซูวา อิสราเอลพิชิต คานาอัน พระธรรมโยซูวา บทที่ 12 บอกรายชื่อกษัตริย์ 31 องค์ ที่พ่ายแพ้แก่โยซูวา ในเวลานั้น
พระธรรมโยซูวา กล่าวว่า “แต่คนเบนยามินมิได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ในเยรูซาเล็มให้ออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนทุกวันนี้” และกล่าวว่า คนเผ่าอื่นไม่ได้ขับไล่ผู้อยู่อาศัยออกไปจากบ้านเรือนอื่น พวกเขาอยู่ร่วมกัน เช่นเดียวกับผู้อยู่อาศัยเมืองเมกิดโดและคนคานาอันก็ยังอยู่ที่นั่น “เมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น พวกเขาบังคับชาวคานาอัน ลงเป็นผู้ใช้แรงงาน แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกไป”
เห็นได้ว่า มีตำนาน สองเรื่อง
เรื่องที่หนึ่งมีว่า โยซูวาและชาวอิสราเอลสามารถพิชิตคานาอันได้อย่างสมบูรณ์,และอีกเรื่องราวอีกอันหนึ่ง พวกเขาพิชิตดินแดน, แต่ไม่ได้ฆ่าหรือบังคับกดขี่ผู้ใด.ทั้งเรื่องราวตามพระคัมภีร์และเรื่องราวทางโบราณคดี มีความขัดแย้งกัน
หลักฐานแง่ลบ คือว่า คนที่สนับสนุนชัยชนะทางการทหาร จำต้องยอมรับทฤษฎีนั้น ด้วยความเชื่อ
หรือกล่าวได้ว่า การวิจัยทางโบราณคดีและข้อมูลที่ได้ เสนอความเป็นไปได้หลายอย่าง รวมทั้งชัยชนะทางการทหาร
วิลเลียม เอฟ อัลไบร์ท แห่งม.ฮอฟกิ้น เป็นหนึ่งในจำนวนผู้สนับสนุนทฤษฎีเริ่มต้นนี้ โดยกล่าวว่า มีชัยชนะเกิดขึ้นตามคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม อัลเบร็นท์ อัลท์ ให้ความเห็นว่า ชาวอิสราเอลกึ่งเร่ร่อน ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปอย่างสงบไม่ได้ยึดครองพื้นที่ hill country ตั้งถิ่นฐานมั่นคงไปเรื่อยๆ นั่นคือ ชาวอิสราเอลกลายเป็นคนผูกพันกับแผ่นดินและต่อมาได้เข้าไปแทนที่ชาวคานาอัน ในเมืองต่างๆ.
อัลท์คิดว่า การเผชิญหน้าทางการทหาร เกิดขึ้น หลังจากที่ชาวอิสราเอลเริ่มต้นขยายพื้นที่ออกจากดินแดนแผ่นดินสูงตอนกลางนี้ นี่อาจเป็นการพิชิตดินแดนต่อเนื่อง ตามความเห็นของอัลไบรท์
ความเห็นที่สาม เรียกว่า สมมติฐานชาวนาปฏิวัติ หรือการจลาจลชาวนา เสนอโดย ยอช์ท เมนเดนฮอล และนอร์แมน กอทแวล บอกว่า ชาวอิสราเอล ออกมาจาก เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมคานาอัน ในแบบการเคลื่อนไหวปฏิวัติทางสังคมของผู้คน ที่อยู่ในคานาอันแล้ว การปฏิวัตินี้อาจเริ่มที่ทรานจอร์แดน ก่อน จากนั้น ไปทางทิศตะวันออก และขยายไปทางตะวันตก ข้ามจอร์แดนไปเวสแบงค์ และขึ้นไปทางทิศเหนือ แบบนี้นำมาจากจารึกฮาบิรู ที่กล่าวว่าพวกเขาก่อความวุ่นวายต่อคนอียิปต์ ประมาณร้อยปีก่อนหน้านี้. นี่เป็นพื้นฐานของการรวมกัน เนื่องจากไม่ได้สิทธิพิเศษ
องค์ประกอบของสังคมชาวคานาอัน ในการลุกขึ้นต่อสู้กับสังคมที่ก่อตั้งมั่นคงแล้ว ในกรณีนี้ สิ่งที่เรียกว่า ชัยชนะของชาวคานาอัน ไม่มีอะไรที่มากเท่ากับชัยชนะที่เป็นการปฏิวัติภายใน นำโดยประชากรที่อยู่ที่นั่นแล้ว .ไม่มีการสู้รบทางการทหารที่ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กระทำโดยการใช้กำลังจากภายนอก และไม่มีการฆ่าหมู่กับผู้อยู่อาศัยบนแผ่นดิน
ปัญหาของสมมติฐานการปฏิวัติชาวนา ก็คือว่า ไม่มีหลักฐานสนับสนุนจากโบราณคดีหรือเอกสารอื่น.
ความเป็นไปได้ประการที่สี่ บอกว่า ชาวคานาอันและคนอิสราเอลมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเป็นคนเผ่าเดียวกัน; นั่นคือ คนอิสราเอลเป็นส่วนหนึ่งของชาวคานาอัน,และพวกเขาเข้าครอบครอง. ส่วนเรื่องการรุกรานเขียนขึ้นมาในไบเบิลช่วงหลัง.