บทสรุปฮอร์โมนส์ซีซั่นแรก (1): คำอธิบายตอนจบ
2 วันหลังจากซีซั่นแรกของซีรี่ส์ยอดนิยมเรื่องนี้ได้จบลง ผมได้เปิดหน้าคุยกับ 4 ผู้เขียนบทของฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่น ได้สอบถามถึงหลายข้อสงสัย ทั้งเรื่องของบทของแต่ตัวละคร เรื่องของซีซั่นสอง และเรื่องของตอนจบซีซั่นแรกที่หลายคนบอกว่าไม่ตรงตามความคาดหวัง
เสียงวิจารณ์ว่าตอนจบน่าผิดหวัง
หลังจากได้รับการตอบรับและเสียงชื่นชมอย่างเหนือความคาดหมาย ตอนสุดท้ายของซีซั่นแรกกลับจบลงด้วยข้อสงสัย และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมเนื้อเรื่องถึงไม่ค่อยจี้ด ไม่ชัดเจน ทำไมถึงเต็มไปด้วยฉากคอนเสิร์ต ทำให้หลายคนตั้งสมมุติฐานหลากหลายอย่าง เช่นว่าตอนจบที่ทุกคนได้เห็นนี้ถูกตัดหลายๆ ฉากออก เพราะตอนเขียนบทไม่ได้วางแผนจะมีซีซั่นที่สอง พอมีแผนจะทำซีซั่นต่อจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือคิดไปต่างๆ นานา เช่นพอเรทติ้งดีมีโฆษณาเข้ามาเยอะ เลยขยายฉาก บิ๊กเมาเทน และอีกหลายข้อสงสัยที่ตามมา
ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร หนึ่งในสองคนเขียนบทชุดแรก (และว่าที่ผู้กำกับฮอร์โมนส์ซีซั่นสอง) บอกในรายการว่าไม่มีการตัดจบอย่างแน่นอน เนื้อเรื่องที่ทุกคนได้เห็นในซีรี่ส์ เป็นเรื่องที่ทีมบทเขียนเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ปิงยืนยันว่าไม่ได้ถูกผู้กำกับ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ตัดให้สั้นลงอย่างที่หลายคนตั้งข้อสงสัยเอาไว้ ปิงยืนยันว่าที่เห็นในซีรี่ส์ถือว่าเป็นไปตามบทที่ทีมเขียนเอาไว้
ทำไมต้อง บิ๊กเมาเทน?
วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ ผู้เขียนบทอีกคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่าที่เป็นบิ๊กเม้าเทนเพราะอยากเห็นตัวละครที่ผ่านเรื่องต่างๆ มาตลอดภาคเรียนได้ปลดปล่อย “เหมือนกับว่าแม้จะผ่านเรื่องแย่ๆ มา แต่วันนี้ก็ยังโอเคนะ เรายังสนุกกันได้ ยังหัวเราะได้ เราคิดว่าวัยรุ่นมันเป็นช่วงวัยที่ต่อให้เศร้าเราก็ไม่เศร้าโลกสลาย เรายังเรียนรู้ต่อไป และยังหัวเราะได้”
วรรณแววเสริมว่าซึ่งจริงๆมันจะเป็นคอนเสิร์ตใดๆก็ได้ ปาร์ตี้ก็ได้ แต่เลือกเป็นบิ๊กเมาเทนเพราะมันเป็นงานที่เมื่อตัวละครเด็กๆ ทุกคนจะไปรวมตัวกันที่นั่นแล้วมันออกมาสมเหตุสมผลพอ
แล้วอะไรที่ทำให้ตอนจบออกมาเป็นอย่างนี้?
เหตุผลสำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะมีภาคต่อหรือไม่ ทีมบทก็ตั้งใจให้ซีรี่ส์จบแบบคลี่คลายไม่หมด และให้คนดูตั้งคำถามร่วมไปกับละคร ซึ่งผู้ชมบางส่วนอาจจะยังไม่ชิน หรือยังไม่พร้อมรับกับวิธีการนำเสนอแบบนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นปัจจัยที่ทีมบทวางแผนเอาไว้แล้ว แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ เช่น
1. ทีมบทถนัดงานภาพยนตร์
ผู้เขียนบทยอมรับว่าส่วนหนึ่งถือเป็นความผิดพลาดของตัวบทเอง โดยมีหลากหลายปัจจัย เช่นเรื่องของประสบการณ์และความถนัด ทั้งสี่คนยอมรับว่าเติบโตมากับการทำภาพยนตร์ ซึ่งทำให้ไม่ได้คิดถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับละครโทรทัศน์เช่นเรื่องของการที่จะมีโฆษณามาขวางกั้นระหว่างเรื่อง หรือภาพที่ผู้ชมจะได้เห็นจากที่บ้าน หลายคนที่วิจารณ์ตอนดูในโทรทัศน์ เมื่อชมอีกรอบทางยูทูบแบบไม่มีโฆษณามากั้นอารมณ์ ก็ชอบตอนจบมากขึ้น และเข้าใจความตั้งใจของคนทำมากขึ้น
2. ลำดับเวลาที่ไม่เป็นใจ
เงื่อนไขสำคัญคือฉากบิ๊กเมาเท่นต้องไปถ่ายทำที่สถานที่จริง (บิ๊กเมาเทนครั้งที่ไปถ่ายทำ จัดในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ก่อนถ่ายฉากอื่นๆ ในช่วงต้นปี 2556) ฉาก บิ๊กเมาเทน ที่แม้ในเรื่องจะเป็นตอนสุดท้ายจึงต้องมาถ่ายทำเป็นฉากแรก ทำให้ลำดับความรู้สึกของตัวละครยังไม่ได้ถูกสร้างมาเต็มที่นัก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฉากจบออกมาไม่สมบูรณ์แบบ
3. สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
ถ้าใครจำได้ บิ๊กเมาเทน ครั้งที่ผ่านมาเจอฝนตกหนัก ทำให้กองถ่ายที่ยกทีมไปถึงเขาใหญ่ก็เจอกับปัญหาสารพัด วรรณแววบอกผมว่าปมบางอย่างอยู่ในบทแล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ว่ามาทำให้เมื่อถึงเวลากลับถ่ายไม่ได้ทำให้ต้องรวบรัด เช่นตามบทสไปรท์ต้องหลงทางกับกลุ่มเพื่อน แล้วบังเอิญเจอไผ่ ทั้งสองจะคุยกันประดักประเดิกแล้วชวนกันไปดูเพลงแดนเนรมิต แต่สุดท้ายจำเป็นต้องรวบซีนเป็นเจอพร้อมกับกลุ่มต้าเลย ความจริงถึงฝนไม่ตก การไปถ่ายทำในคอนเสิร์ตแบบนี้ก็ถือว่ายากอยู่แล้ว เพราะต้องจัดการกับปัจจัยหลายอย่าง วรรณแววสารภาพว่าตรงนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดพลาดของทีมบทเองที่อาจจะด้วยเพราะไม่เคยไป บิ๊กเมาเทน กันมาก่อน เลยไม่ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า และอาจเป็นเพราะวาดภาพฉากนี้ไว้สูงเกินไป ถึงเวลาถ่ายทำจึงยาก และออกมาไม่เต็มที่ในหลายๆ จุด
อีก 2 ใน 4 คนเขียนบทที่ผมได้คุยวันนี้คือ กุ๊ก-ธนีดา หาญทวีวัฒนา และ ดิว-ธนพล เชาวน์วานิชย์ ซึ่งทั้งสี่คนบวกกับ โจ้-กวินเจตน์ ตันติธนาทรัพย์ ที่ไม่ได้มาร่วมรายการ จะยังทำหน้าที่เขียนบทให้กับ ฮอร์โมนส์ในซีซั่นที่ 2 ต่อ และได้รับปากจะนำความผิดพลาดจากซีซั่นแรกไปปรับปรุงอย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องของตอนสุดท้ายแล้ว เรื่องของแนวคิดของซีรี่ส์เรื่องนี้ ที่มีคนพูดว่า “ละครเรื่องนี้เหมือนจะขบถ แต่สุดท้ายก็อนุรักษ์นิยม” ทีมบทคิดอย่างไร? …
ซีซั่นที่สองจะดำเนินต่อไปแบบไหน …
รวมถึงเจาะรายละเอียดของแต่ละตัวละครที่เต็มไปด้วยแง่มุมที่ชวนคิด …
คุณผู้ชมสามารถติดตามบทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เต็มๆ ได้ทางรายการเปิดหน้าคุย เนชั่นแชนแนล ในคืนวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคมนี้ครับ
ปล.ขอภัยด้วยถ้ากระทู้ซ้ำหรือมีการโพสต์อะไรผิดพลาดเพราะเนื่องจากข้าพได้คัดลอกมาวางเลยต้องการจะแชร์เท่านั้น
บทสรุปฮอร์โมนส์ซีซั่นแรก (1): คำอธิบายตอนจบ
2 วันหลังจากซีซั่นแรกของซีรี่ส์ยอดนิยมเรื่องนี้ได้จบลง ผมได้เปิดหน้าคุยกับ 4 ผู้เขียนบทของฮอร์โมนส์วัยว้าวุ่น ได้สอบถามถึงหลายข้อสงสัย ทั้งเรื่องของบทของแต่ตัวละคร เรื่องของซีซั่นสอง และเรื่องของตอนจบซีซั่นแรกที่หลายคนบอกว่าไม่ตรงตามความคาดหวัง
เสียงวิจารณ์ว่าตอนจบน่าผิดหวัง
หลังจากได้รับการตอบรับและเสียงชื่นชมอย่างเหนือความคาดหมาย ตอนสุดท้ายของซีซั่นแรกกลับจบลงด้วยข้อสงสัย และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมเนื้อเรื่องถึงไม่ค่อยจี้ด ไม่ชัดเจน ทำไมถึงเต็มไปด้วยฉากคอนเสิร์ต ทำให้หลายคนตั้งสมมุติฐานหลากหลายอย่าง เช่นว่าตอนจบที่ทุกคนได้เห็นนี้ถูกตัดหลายๆ ฉากออก เพราะตอนเขียนบทไม่ได้วางแผนจะมีซีซั่นที่สอง พอมีแผนจะทำซีซั่นต่อจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือคิดไปต่างๆ นานา เช่นพอเรทติ้งดีมีโฆษณาเข้ามาเยอะ เลยขยายฉาก บิ๊กเมาเทน และอีกหลายข้อสงสัยที่ตามมา
ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร หนึ่งในสองคนเขียนบทชุดแรก (และว่าที่ผู้กำกับฮอร์โมนส์ซีซั่นสอง) บอกในรายการว่าไม่มีการตัดจบอย่างแน่นอน เนื้อเรื่องที่ทุกคนได้เห็นในซีรี่ส์ เป็นเรื่องที่ทีมบทเขียนเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ปิงยืนยันว่าไม่ได้ถูกผู้กำกับ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ตัดให้สั้นลงอย่างที่หลายคนตั้งข้อสงสัยเอาไว้ ปิงยืนยันว่าที่เห็นในซีรี่ส์ถือว่าเป็นไปตามบทที่ทีมเขียนเอาไว้
ทำไมต้อง บิ๊กเมาเทน?
วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ ผู้เขียนบทอีกคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่าที่เป็นบิ๊กเม้าเทนเพราะอยากเห็นตัวละครที่ผ่านเรื่องต่างๆ มาตลอดภาคเรียนได้ปลดปล่อย “เหมือนกับว่าแม้จะผ่านเรื่องแย่ๆ มา แต่วันนี้ก็ยังโอเคนะ เรายังสนุกกันได้ ยังหัวเราะได้ เราคิดว่าวัยรุ่นมันเป็นช่วงวัยที่ต่อให้เศร้าเราก็ไม่เศร้าโลกสลาย เรายังเรียนรู้ต่อไป และยังหัวเราะได้”
วรรณแววเสริมว่าซึ่งจริงๆมันจะเป็นคอนเสิร์ตใดๆก็ได้ ปาร์ตี้ก็ได้ แต่เลือกเป็นบิ๊กเมาเทนเพราะมันเป็นงานที่เมื่อตัวละครเด็กๆ ทุกคนจะไปรวมตัวกันที่นั่นแล้วมันออกมาสมเหตุสมผลพอ
แล้วอะไรที่ทำให้ตอนจบออกมาเป็นอย่างนี้?
เหตุผลสำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะมีภาคต่อหรือไม่ ทีมบทก็ตั้งใจให้ซีรี่ส์จบแบบคลี่คลายไม่หมด และให้คนดูตั้งคำถามร่วมไปกับละคร ซึ่งผู้ชมบางส่วนอาจจะยังไม่ชิน หรือยังไม่พร้อมรับกับวิธีการนำเสนอแบบนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นปัจจัยที่ทีมบทวางแผนเอาไว้แล้ว แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ เช่น
1. ทีมบทถนัดงานภาพยนตร์
ผู้เขียนบทยอมรับว่าส่วนหนึ่งถือเป็นความผิดพลาดของตัวบทเอง โดยมีหลากหลายปัจจัย เช่นเรื่องของประสบการณ์และความถนัด ทั้งสี่คนยอมรับว่าเติบโตมากับการทำภาพยนตร์ ซึ่งทำให้ไม่ได้คิดถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับละครโทรทัศน์เช่นเรื่องของการที่จะมีโฆษณามาขวางกั้นระหว่างเรื่อง หรือภาพที่ผู้ชมจะได้เห็นจากที่บ้าน หลายคนที่วิจารณ์ตอนดูในโทรทัศน์ เมื่อชมอีกรอบทางยูทูบแบบไม่มีโฆษณามากั้นอารมณ์ ก็ชอบตอนจบมากขึ้น และเข้าใจความตั้งใจของคนทำมากขึ้น
2. ลำดับเวลาที่ไม่เป็นใจ
เงื่อนไขสำคัญคือฉากบิ๊กเมาเท่นต้องไปถ่ายทำที่สถานที่จริง (บิ๊กเมาเทนครั้งที่ไปถ่ายทำ จัดในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ก่อนถ่ายฉากอื่นๆ ในช่วงต้นปี 2556) ฉาก บิ๊กเมาเทน ที่แม้ในเรื่องจะเป็นตอนสุดท้ายจึงต้องมาถ่ายทำเป็นฉากแรก ทำให้ลำดับความรู้สึกของตัวละครยังไม่ได้ถูกสร้างมาเต็มที่นัก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฉากจบออกมาไม่สมบูรณ์แบบ
3. สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
ถ้าใครจำได้ บิ๊กเมาเทน ครั้งที่ผ่านมาเจอฝนตกหนัก ทำให้กองถ่ายที่ยกทีมไปถึงเขาใหญ่ก็เจอกับปัญหาสารพัด วรรณแววบอกผมว่าปมบางอย่างอยู่ในบทแล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ว่ามาทำให้เมื่อถึงเวลากลับถ่ายไม่ได้ทำให้ต้องรวบรัด เช่นตามบทสไปรท์ต้องหลงทางกับกลุ่มเพื่อน แล้วบังเอิญเจอไผ่ ทั้งสองจะคุยกันประดักประเดิกแล้วชวนกันไปดูเพลงแดนเนรมิต แต่สุดท้ายจำเป็นต้องรวบซีนเป็นเจอพร้อมกับกลุ่มต้าเลย ความจริงถึงฝนไม่ตก การไปถ่ายทำในคอนเสิร์ตแบบนี้ก็ถือว่ายากอยู่แล้ว เพราะต้องจัดการกับปัจจัยหลายอย่าง วรรณแววสารภาพว่าตรงนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดพลาดของทีมบทเองที่อาจจะด้วยเพราะไม่เคยไป บิ๊กเมาเทน กันมาก่อน เลยไม่ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า และอาจเป็นเพราะวาดภาพฉากนี้ไว้สูงเกินไป ถึงเวลาถ่ายทำจึงยาก และออกมาไม่เต็มที่ในหลายๆ จุด
อีก 2 ใน 4 คนเขียนบทที่ผมได้คุยวันนี้คือ กุ๊ก-ธนีดา หาญทวีวัฒนา และ ดิว-ธนพล เชาวน์วานิชย์ ซึ่งทั้งสี่คนบวกกับ โจ้-กวินเจตน์ ตันติธนาทรัพย์ ที่ไม่ได้มาร่วมรายการ จะยังทำหน้าที่เขียนบทให้กับ ฮอร์โมนส์ในซีซั่นที่ 2 ต่อ และได้รับปากจะนำความผิดพลาดจากซีซั่นแรกไปปรับปรุงอย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องของตอนสุดท้ายแล้ว เรื่องของแนวคิดของซีรี่ส์เรื่องนี้ ที่มีคนพูดว่า “ละครเรื่องนี้เหมือนจะขบถ แต่สุดท้ายก็อนุรักษ์นิยม” ทีมบทคิดอย่างไร? …
ซีซั่นที่สองจะดำเนินต่อไปแบบไหน …
รวมถึงเจาะรายละเอียดของแต่ละตัวละครที่เต็มไปด้วยแง่มุมที่ชวนคิด …
คุณผู้ชมสามารถติดตามบทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เต็มๆ ได้ทางรายการเปิดหน้าคุย เนชั่นแชนแนล ในคืนวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคมนี้ครับ
ปล.ขอภัยด้วยถ้ากระทู้ซ้ำหรือมีการโพสต์อะไรผิดพลาดเพราะเนื่องจากข้าพได้คัดลอกมาวางเลยต้องการจะแชร์เท่านั้น