เมื่อถึงเวลาเลิกงานของเย็นวันอังคาร คุณแม่ก็ปิดคอมพิวเตอร์ เก็บกระเป๋า และจูงมือลูกชายตัวน้อยที่มานั่งทำการบ้านรอที่ออฟฟิศ เพื่อเดินไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติ
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงป้ายรถเมล์ เด็กน้อยที่เดินต้อยๆ ก็พลันหยุดชะงัก และทำหน้าประหลาดใจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นจับจ้องไปยังชายหนุ่มหญิงสาววัยทำงานคู่หนึ่งที่รีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ พลางทิ้งแก้วกระดาษสองใบที่ไม่เหลือของเหลวภายในแก้วแล้ว พร้อมกับฝาที่วางระเกะระกะบนบันได ให้คนที่เดินผ่านไปมา ดูเป็นของต่างหน้า แก้วสองใบที่วางอยู่ตรงบันไดอันกว้างขวางแลดูเป็นจุดเด่นยิ่งนักในสายตาของเด็กน้อย
เด็กน้อยเริ่มต้นเขย่าแขนแม่เบาๆ
“แม่ครับ เท่าที่ผมได้รับคำอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เราควรทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ขยะ’ ลงในถังให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ทิ้งลงบนพื้น หรือในที่สาธารณะ ไม่ใช่หรอครับแม่” เด็กน้อยถาม พลางทำหน้าตาสงสัยใคร่รู้
“ถูกต้องแล้วลูก ลูกดูไว้เป็นตัวอย่างนะ การทิ้งขยะในที่ส่วนรวมแบบนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี และไม่สมควรกระทำ” คุณแม่ตอบเด็กน้อย พลางชี้นิ้วไปที่แก้วสองใบ
“แต่แม่ครับ พี่ๆ สองคนนั้น เขาก็แต่งตัวดี ดูประหนึ่งมีการศึกษา และทำงานแล้ว ทำไมเขายังทิ้งขยะในที่สาธารณะแบบนั้นได้เลยอะครับแม่ เขาลืมไป เขาไม่รู้ หรือว่าเขาแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความถูกต้อง สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำอะครับแม่ ผมสับสนครับแม่” เด็กน้อยเซ้าซี้ถามแม่ ด้วยความสับสนยิ่งนัก พลางมีน้ำตาปริ่มๆ
“ลูกจ๋า มานี่ แม่จะบอกให้ การที่คนเรามีการศึกษา ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะมีสิ่งที่เรียกว่า “จิตสำนึก” หรอกนะจ๊ะ ยิ่งจิตสำนึกของความเป็นคนมันเป็นเรื่องที่สอนกันยากมากจริงๆ บางคนเรียนจบมาสูงมาก ทำงานมาหลายปี แต่ก็ยังแยกแยะความถูกผิดไม่ได้ ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างความดีกับความเลว ณ จุดนี้ แม่ไม่ขออะไรจากลูกมาก แม่แค่อยากให้ลูกแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรถูกอะไรไม่ถูกก็พอ ถ้าลูกแม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แม่จะภูมิใจในตัวลูกมากนะ” คุณแม่บอกลูกน้อย พลางลูบหัวเด็กชายเบาๆ
“ครับแม่ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะทำให้แม่และทุกคนภูมิใจ โดยการเป็นคนดี และมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมครับ” เด็กน้อยพูดไปยิ้มไป และยกมือเหมือนให้คำมั่นสัญญา
คุณแม่พยักหน้าสองครั้ง พร้อมกับจูงมือเด็กน้อยเพื่อไปรอขึ้นรถเมล์ ที่กำลังแล่นมาจอดเทียบป้าย พลางทิ้งไว้เพียงแก้วสองใบนั้น ให้เป็นตำนานแห่งป้ายรถเมล์แห่งนั้นต่อไป
เรื่องเล่าจากเด็กน้อย แก้วสองใบ และจิตสำนึกของคน
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงป้ายรถเมล์ เด็กน้อยที่เดินต้อยๆ ก็พลันหยุดชะงัก และทำหน้าประหลาดใจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นจับจ้องไปยังชายหนุ่มหญิงสาววัยทำงานคู่หนึ่งที่รีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ พลางทิ้งแก้วกระดาษสองใบที่ไม่เหลือของเหลวภายในแก้วแล้ว พร้อมกับฝาที่วางระเกะระกะบนบันได ให้คนที่เดินผ่านไปมา ดูเป็นของต่างหน้า แก้วสองใบที่วางอยู่ตรงบันไดอันกว้างขวางแลดูเป็นจุดเด่นยิ่งนักในสายตาของเด็กน้อย
เด็กน้อยเริ่มต้นเขย่าแขนแม่เบาๆ
“แม่ครับ เท่าที่ผมได้รับคำอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เราควรทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ขยะ’ ลงในถังให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ทิ้งลงบนพื้น หรือในที่สาธารณะ ไม่ใช่หรอครับแม่” เด็กน้อยถาม พลางทำหน้าตาสงสัยใคร่รู้
“ถูกต้องแล้วลูก ลูกดูไว้เป็นตัวอย่างนะ การทิ้งขยะในที่ส่วนรวมแบบนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี และไม่สมควรกระทำ” คุณแม่ตอบเด็กน้อย พลางชี้นิ้วไปที่แก้วสองใบ
“แต่แม่ครับ พี่ๆ สองคนนั้น เขาก็แต่งตัวดี ดูประหนึ่งมีการศึกษา และทำงานแล้ว ทำไมเขายังทิ้งขยะในที่สาธารณะแบบนั้นได้เลยอะครับแม่ เขาลืมไป เขาไม่รู้ หรือว่าเขาแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความถูกต้อง สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำอะครับแม่ ผมสับสนครับแม่” เด็กน้อยเซ้าซี้ถามแม่ ด้วยความสับสนยิ่งนัก พลางมีน้ำตาปริ่มๆ
“ลูกจ๋า มานี่ แม่จะบอกให้ การที่คนเรามีการศึกษา ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะมีสิ่งที่เรียกว่า “จิตสำนึก” หรอกนะจ๊ะ ยิ่งจิตสำนึกของความเป็นคนมันเป็นเรื่องที่สอนกันยากมากจริงๆ บางคนเรียนจบมาสูงมาก ทำงานมาหลายปี แต่ก็ยังแยกแยะความถูกผิดไม่ได้ ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างความดีกับความเลว ณ จุดนี้ แม่ไม่ขออะไรจากลูกมาก แม่แค่อยากให้ลูกแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรถูกอะไรไม่ถูกก็พอ ถ้าลูกแม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แม่จะภูมิใจในตัวลูกมากนะ” คุณแม่บอกลูกน้อย พลางลูบหัวเด็กชายเบาๆ
“ครับแม่ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะทำให้แม่และทุกคนภูมิใจ โดยการเป็นคนดี และมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมครับ” เด็กน้อยพูดไปยิ้มไป และยกมือเหมือนให้คำมั่นสัญญา
คุณแม่พยักหน้าสองครั้ง พร้อมกับจูงมือเด็กน้อยเพื่อไปรอขึ้นรถเมล์ ที่กำลังแล่นมาจอดเทียบป้าย พลางทิ้งไว้เพียงแก้วสองใบนั้น ให้เป็นตำนานแห่งป้ายรถเมล์แห่งนั้นต่อไป