ไกล้ถึงทุนหรั่งแล้ว

กระทู้สนทนา
บลูมเบิร์ก รายงานว่า มิใช่หุ้นไทยประเทศเดียวที่ถูกขายออกมาอย่างหนัก หากแต่เป็นทั่วทั้งเอเชีย โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ หุ้นของไทยลดลงไปแล้วกว่า 6% เปรียบเทียบกับดัชนี MSCI Asia Pacific Index ซึ่งใช้วัดราคาหุ้นในตลาดหุ้นทั่วทั้งเอเชีย ลดลงไปแล้วถึงกว่า 9% ในขณะที่หุ้นของอินโดนีเซียลดลงไปถึง 10% และหากย้อนหลังไปถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หุ้นของอินโดนีเซียลดลงไปแล้วถึง 20%

          ในวันนี้ ตลาดหุ้นไทยรับข่าวร้ายจากการลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันของทุกดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นนิวยอร์ค ประกอบกับเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ทะยานขึ้นไปแตะระดับ 2.9% สูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

          ส่งผลให้นักลงทุนกังวลหนัก ต่อการเริ่มลดมาตรการซื้อพันธบัตรจำนวน 8.5 หมื่นล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯต่อเดือนของเฟด

          และกังวลอย่างหนักต่อการเกิดกระแสเงินทุนไหลกลับสหรัฐอเมริกา

          ดังนั้น ทั้งกองทุน และบรรดาโบรกเกอร์รวมทั้งนักลงทุนในประเทศต่างก็ยิ่งแย่งกันขายหุ้นออกมาก่อนที่หุ้นจะลดลงไปมากกว่านี้

          รวมทั้งกระแสการขายหุ้นออกกันทั่วทั้งเอเชีย ก่อนหน้าที่จะเริ่มเปิดตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนขายลดความเสี่ยงออกมาทันทีที่เปิดตลาด

          ดัชนีราคาหุ้นไทยลดลงทันที่เปิดตลาดเกือบ 20 จุด มีแรงซื้ออยู่ที่ระดับแนวรับที่ 1,380 จุด แต่แรงขายจำนวนมากที่ออกมาทำให้แรงซื้อต้านไม่ไหว ส่งผลให้ดัชนีลดลงมาทำระดับต่ำสุดที่ระดับ 1,353 จุด อันเป็นระดับเดิมที่ลดลงมาแรงก่อนหน้านี้ และเป็นระดับดัชนีที่นักลงทุนเคยเชื่อว่า สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งเชื่อว่า หากดัชนีลดต่ำกว่านี้ นักลงทุนต่างชาติจะขาดทุน

          ทำให้แรงซื้อสามารถรับการขายที่ระดับ 1,353 จุดบริเวณนี้ได้ และหลังจากนั้นดัชนีราคาหุ้นจึงค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป จนไปปิดที่ 1,370.86 จุดได้


          สรุป

          ดัชนีปิดที่ 1,370.86 จุด ลดลง 27.62 จุด หรือ -1.98%

          ปริมาณการซื้อขายทั้งสิ้น 58,041.96 ล้านบาท

          นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งสิ้น  11,362.27 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่