ตอนที่1 ฮะ
http://pantip.com/topic/30830955
Chapter 2
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องเข้ามากระทบร่างที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียง ทำให้คนที่ ยังไม่อยากตื่นนอนได้แต่พลิกตัวหนีพลางคิดว่า
‘เอ๊ะ เมื่อวานเราไม่ได้ปิดผ้าม่านหรอ’ แต่จนในที่สุดเมื่อทนความรำคาญไม่ไหว ร่างที่ทีแรก ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับตาที่ยังลืมไม่เต็มที่ ดวงตาสีน้ำเงินเข็มที่หรี่อยู่พยายามมองไป รอบๆ ‘อืม... ผนังสีขาว ก็ว่าทำไมห้องสว่างจัง ห๊ะ ผนังสีขาว!!!!’ จากคนที่ตื่นไม่เต็มตาตอนนี้กลายเป็นหายง่วง เป็นปลิดทิ้ง
“โอ๊ย” ร่างโปร่งของชาร์เน็ตที่รีบร้อนลงจากเตียงจากเตียงจนสะดุดผ้าห่มผืนหนาลงไปกอง กับพื้นพร้อมกับลูบหัวเข่าตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้นดีดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็หันไปเห็นซองจดหมายสีขาว ที่แทบจะกลืนไปกับโต๊ะสีเดียวกันข้างๆเตียง หน้าซองที่เขียนไว้ด้วยลายมือที่คุ้นตาจ่าหน้าถึง “ชาร์เน็ต วิสเทลล์” เมื่อเห็นอย่างนั้นมือบางจึงเอื้อมไปหยิบซองจดหมายมาก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกครั้งพร้อมกับ ค่อยๆเปิดจดหมายออกอ่าน
ถึง ชาร์เน็ต ลูกรัก
ตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ลูกคงไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว แต่ที่ๆลูกอยู่ในตอนนี้นั้นเป็น ที่ของลูก เป็นสถานที่ที่ลูกเกิดที่นั่น ลูกอย่าได้ตกใจไปว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกมีเหตุ และผลของมัน ตอนนี้แม่ขอให้ลูกเชื่อว่าคนที่ลูกได้พบเจอในบ้านหลังนี้ เป็นญาติแท้ๆของลูก เป็นคนที่ลูก ไว้ใจได้ และพวกเขาไม่เคยคิดจะทำร้ายลูก และสุดท้ายนี้แม่อยากจะบอกว่า แม่รักลูกและยังอยู่ข้างๆ ลูกเสมอนะ
รักและห่วงใย
เดล่า
หลังจากอ่านจดหมายจบชาร์เน็ตก็แทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย’ จนมื่อตั้งสติได้เด็กสาวก็อ่านจดหมายในมืออีกครั้งจดหมายในมือพร้อมกับนั่งคิดทบทวนเนื้อหาในจดหมายพร้อมกับนึกทวนคำพูดแปลกๆของเดล่าเมื่อคืน ‘ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุและผลของมันเสมอ’ เพราะฉะนั้นการที่เธอได้มาอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม มันก็คงมีเหตุผลในตัวมันเอง เธอก็มีหน้าที่ที่จะหาเหตุผลที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นชาร์เน็ตจึงก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูห้องก่อนจะค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครเด็กสาวจึงค่อยๆก้าวออกจากห้องพร้อมกับเดินสำรวจรอบๆ ชั้นสองนี้นอกจากห้องนอนที่เธอออกมาแล้วก็ยังมีห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนอีกเหมือนกันอยู่ อีกประมาณสิบห้องแบ่งเป็นปีกซ้ายและปีกขวาด้านละเท่าๆกัน ซึ่งชาร์เน็ตกล้าพูดอย่างเต็มปากเลยว่าที่นี่ คือคฤหาสน์หลังใหญ่พอตัวเลยทีเดียวเพราะนอกจากชั้นสองที่ได้สำรวจเมื่อกี้แล้ว ก็ยังมีบันไดต่อขึ้นไปยังชั้น สามอีก เมื่อสำรวจชั้นสองจนพอใจ ชาร์เน็ตจึงตัดสินใจลงไปข้างล่างด้านล่างประกอบไปด้วยห้องโถงใหญ่ที่ประดับด้วยด้วยงานศิลปะชั้นเยี่ยมอยู่เต็มไปหมดอยู่ตรงกลางระหว่างบันไดทางขึ้นกับประตูซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นประตูหน้าบ้าน จากห้องโถงไปทางด้านซ้ายคาดว่าน่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่ปิดประตูอยู่ ชาร์เน็ตจึงตัดสินใจเดินไปทางด้านขวาที่ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันออกมาจากทางนั้น
“แล้วก็นะ... ตอนที่กำลังผมกำลังจะปีนขึ้นไปข้างบนเจ้านกตัวนั้นก็ดันบินหนีไปซะก่อน”
“แหม คุณหนูละก็ไปแกล้งมันทำไมละค่ะ มันก็หนีน่ะสิ” เสียงของคนสองคนที่กำลังพูดคุย กันอย่างสนุกสนานนั้นทำให้ชาร์เน็ตสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปตรงจุดที่ได้ยินเสียง
“เอ่อ... ขอโทษนะค่ะ” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้บทสนทนาก่อนหน้าชะงัก ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม มองไปยังคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า คนแรกนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเป็นชายหนุ่มที่ชาร์เน็ตคาดว่าน่าจะแก่กว่าเธอ ไม่เกินสามปี เส้นผมสีดำที่ไม่ดำสนิทแต่กลับมีประกายสีประหลาดๆอยู่ไม่สั้นไม่ยาวนัก ส่วนดวงตาสีม่วงเข้ม อย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนมองจ้องเขม็งมายังผู้มาใหม่ ส่วนอีกคนเป็นหญิงร่างท้วมท่าทางใจอายุน่าจะ ประมาณสี่สิบ ดวงตาอ่อนโยนมองมาทางผู้มาใหม่ด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณหนู... คุณหนูชาร์เน็ตใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ ป้ารู้จักหนูด้วยเหรอคะ?” ชาร์เน็ตถามกลับไปอย่างงงๆ
“ก็ต้องรู้จักสิค่ะ ป้าเป็นคนเลี้ยงคุณหนูมากับมือ โตขึ้นตั้งเยอะแหนะ”
“ว่าไงน้องสาว โตขึ้นมาสวยเชียวน้า จำแทบไม่ได้เลยน่ะ” ชายหนุ่มที่ตอนแรกนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตอนนี้เดินมายืนข้างๆชาร์เน็ตแล้วเรียบร้อย
“คุณหนูก็ทำเป็นพูดไป ตอนนั้นคุณหนูพึ่งห้าขวบ พูดยังกับตัวเองจำอะไรได้เยอะแยะ อย่างนั้นแหละ” หญิงร่างท้วมหันไปพูดกับชายหนุ่ม ทำให้ชาร์เน็ตได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร
“เอ้า เราก็มัวแต่คุยกันเองจนลืมแนะนำตัวกันไปเลย ดูสิคุณหนูงงใหญ่แล้ว งั้นป้าแนะนำตัว ก่อนดีกว่านะค่ะ ป้าชื่อแอนน์ค่ะ เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์หลังนี้ ส่วนนี่ คุณดราวิลล์ เลนนาร์ด เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูค่ะ คุณดราวิลล์แก่กว่าคุณหนูสองปีนะค่ะ” ป้าแอนน์แนะนำตัวเองพร้อมกับผายมือ ไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชาร์เน็ต ที่ตอนนี้ชาร์เน็ตรู้แล้วว่าเป็นพี่ชายของตน
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ พี่ดราวิลล์ ป้าแอนน์” ชาร์เน็ตหันไปตอบรับการแนะนำตัวของแอนน์ อย่างมีมารยาท จนดราวิลล์ต้องขัดขึ้นมา
“ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรมากหรอกน้องสาว วันนี้วันเกิดเราไม่ใช่เหรอหึ? มาฉลองดีกว่า”
“พี่ดราวิลล์รู้ด้วยหรอคะ?” ชาร์เน็ตถามอย่างงงๆ
“รู้สิ พี่ถึงมารอที่บ้านไง ปกติปิดเทอมพี่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอก แต่ปีนี้คุณปู่บอกว่า ชาร์เน็ตจะกลับมาในวันเกิดปีที่สิบห้า พี่เลยมารอนี่ไง”
“ปู่หรอคะ” ชาร์เน็ตงงหนักเข้าไปอีก เพราะตลอดชีวิตกว่าสิบปีที่ผ่านมา ตัวเธอเองเป็นเหมือน คนไร้ญาติขาดมิตร จะมีก็เดล่าและเซบาสเตียนที่เป็นแม่และพี่ชายบุญธรรมคอยดูแลเท่านั้น พอเริ่มมีญาติที่ ไม่เคยรู้จักมาก่อนโผล่มาเลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่พอเมื่อดราวิลล์เห็นอย่างนั้นก็เลยได้แต่ยืนหัวเราะเบาๆ
“เอ้า ดูหน้าสิ คิ้วผูกโบว์แล้ว เอางี้พี่เรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย แต่เอาไว้หลังจากเรา ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้าทีเข้าทางก่อนดีกว่านะ ป้าแอนน์ฮะ ผมฝากหน่อยนะฮะ”
“ได้เลยค่ะ คุณหนู เดี๋ยวคุณหนูชาร์เน็ตตามป้ามานะค่ะ ป้าจะหยิบของใช้ให้”
“ค่ะ” ชาร์เน็ตรับคำก่อนจะเดินตามแอนน์ไป ส่วนดราวิลล์ที่มองตามหลังไป พอชาร์เน็ตไปลับ ตา ตัวเองก็เดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับจัดการอาหารเช้าที่ค้างอยู่ให้เสร็จ
“เสื้อผ้าอยู่ในตู้นะค่ะคุณหนู ส่วนอุปกรณ์อาบน้ำป้าเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้วค่ะ ขาดเหลืออะไรเรียกป้านะค่ะ เดี๋ยวป้าจะยืนรออยู่หน้าห้อง” หลังจากที่แอนน์หยิบเอาใช้บางส่วนให้ชาร์เน็ตแล้ว เจ้าตัวก็ออกไปยืนอยู่หน้าห้องปล่อยให้ชาร์เน็ตยืนสำรวจเสื้อผ้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ในตู้ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในตู้ เป็นชุดกระโปรงสีหวานมีทั้งชุดวันพีชและชุดแยกชิ้นเสื้อกับกระโปรง มือบางพยายามไล่หาเสื้อผ้าจำพวกกางเกง แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่ตัวเดียว จนในที่สุดชาร์เน็ตตัดสินใจหยิบชุดขึ้นมาหนึ่งชุดก่อนจะ เดินเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานนักชาร์เน็ตก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมอง กวาดไปรอบๆห้อง เพราะด้วยความรีบร้อนและตกใจเมื่อกี้เลยไม่ได้สังเกตภายในห้องสักเท่าไหร่นัก ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อยู่อย่างครบครันทั้งเตียงขนาดกลาง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะทำงาน เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดทำด้วยไม้สีอ่อนและมีลายดอกไม้เล็กๆฉลุอยู่ตามขอบ ส่วนผนังห้องนั้นเป็นสีขาวจึงทำให้ ภายในห้องดูสว่างกว่าความเป็นจริงนอกจากนี้ยังของกระจุกกระจิกแต่งห้องอีกจำนวนหนึ่ง ชาร์เน็ตจึงสรุปได้ว่า ห้องนี้ต้องเคยเป็นห้องของผู้หญิงมาก่อนแน่ๆ เมื่อสำรวจจนพอใจชาร์เน็ตจึงเดินออกมานอกห้องซึ่งมีแอนน์ยืน รออยู่แล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ชาร์เน็ตเดินออกมาจากห้องในชุดวันพีชแขนกุดสีครีม กระโปรงยาว ประมาณเข่าและมีริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนร้อยอยู่ตรงช่วงเอวเพื่อให้ผูกเข้ารูป พร้อมกับรองเท้าเดินในบ้าน สีเดียวกันกับชุด
“น่ารักมากเลยค่ะคุณหนู คุณหนูชอบเสื้อผ้าแบบไหนสีอะไร บอกป้านะค่ะ เดี๋ยวไว้ป้าจะหามา ให้อีก” แอนน์พูดพร้อมกับหมุนตัวชาร์เน็ตเพื่อดูรอบๆ ก่อนจะพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง
“มาเร็วๆ พี่อยากกินเค้กจะแย่แล้ว” ดราวิลล์ยืนกวักมือเรียกชาร์เน็ตกับแอนน์ที่กำลังเดินเข้า มาพร้อมกับทำหน้าตาอยากกินเค้กสุดๆ
“ค่าๆ วันเกิดใครกันแน่เนี้ย ใช่ไหมค่ะ คุณหนู” แอนน์พูดพร้อมกับหันมาพยักเพยิดกับชาร์เน็ต ก่อนที่คนถูกแขวะจะแหวขึ้นมาดังๆ
“แหม ป้าก็... ก็ผมอยากกินนี่น่า บอกให้ทำตั้งหลายวันแล้วป้าก็บอกว่าให้รอน้องๆ เฮ้อ... งี้แหละ คนมันตกกระป๋องแล้ว” ชาร์เน็ตที่ยืนฟังอยู่ก็ได้แต่ยืนขำในท่าทางเด็กๆของดราวิลล์ ก่อนจะเดินไปนั่ง ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ
“พี่ดราวิลล์ เดี๋ยวชาร์เน็ตตัดเค้กให้พี่เองนะ” ชาร์เน็ตพูดพร้อมกับดึงจานเค้กมาใกล้ๆตัวก่อน จะลงมือตัดแบ่งใส่จาน
“คุณหนูไม่ต้องตัดให้ป้านะค่ะ เดี๋ยวป้าขอตัวไปจัดการในครัวก่อน” แอนน์หันบอกในขณะที่ ชาร์เน็ตกำลังจะหยิบจานมาแบ่งเค้กเพิ่มก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
เมื่อทั้งสองคนมีเค้กเป็นของตัวเองเรียบร้อย ชาร์เน็ตจึงเริ่มถามเรื่องต่างๆที่เธอสงสัยเสียที
“พี่ดราวิลล์คะ ที่นี่คือที่ไหน”
“ที่นี่เหรอ” ดราวิลล์ทวนคำถามพร้อมกับคาบช้อนไว้ในปาก “ที่นี่คือเจวานีเซีย เป็นดินแดนที่ มีทั้ง จอมเวท พ่อค้า ขุนนาง ไปจนถึงชาวบ้าน ชาวนาธรรมดา”
“จอมเวท?” ชาร์เน็ตทวนคำอย่างงงๆ เพราะพ่อค้า ขุนนาง หรืออย่างอื่นนั้นจากที่ที่เธอจากมา ก็มีอย่างปกติ แต่จอมเวทนี่กลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ใช่ๆ จอมเวท อืม.. จะอธิบายยังไงดีนะ ก็ประมาณนี่แหละมั้ง” ดราวิลล์พูดพร้อมกับหยิบแก้ว เปล่าๆเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะหงายมือขึ้นไม่นานนักก็มีสายน้ำเล็กๆไหลออกมาจากมือนั้นจนเต็มแก้ว เมื่อดราวิลล์โบกมืออีกหนึ่งทีน้ำจากที่เต็มแก้วก็หายไป ส่วนชาร์เน็ตก็ได้แต่นั่งมองพร้อมกับทำตาปริบๆอย่าง ไม่เข้าใจ ทำให้ดราวิลล์ต้องอธิบายต่อ
“สิ่งที่พี่ทำเมื่อกี้เรียกว่าเวท เวทส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นการดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ การที่เราจะใช้เวทใดๆได้ เราต้องทำความเข้าใจกับธรรมชาติของมันซะก่อน อย่างเมื่อกี้ สิ่งที่พี่ใช้คือเวทน้ำ เพราะฉะนั้น พี่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันว่าน้ำเกิดมาจากสิ่งไหน มีลักษณะอย่างไร เช่นเดียวกันกับเวทอื่นๆ ที่เหลือคือ ดิน ลม ไฟ เป็นเวทพื้นฐานที่มาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีวิธีการประยุกต์ใช้เวทไปในด้านต่างๆอีก แต่ตรงนี้เอาไว้ไปเรียนต่อในโรงเรียนแล้วกันนะ” เมื่ออธิบายจบดราวิลล์ก็ตักเค้กเข้าปากต่อย่างสบาย อารมณ์ ส่วนชาร์เน็ตก็ได้แต่ทำความเข้าใจในสิ่งที่ดราวิลล์พูดมาก่อนจะถามกลับตามความเข้าใจของตน
“สรุปก็คือว่า เวทเนี้ย ก็คือการดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ใช่ไหมคะ”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้เวทได้หรอกนะ อย่างในอาณาจักรนี้ก็มีทั้งจอมเวท และชาวบ้านธรรมดาที่ใช้พลังไม่ได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะสืบทอดกันทางสายเลือดน่ะ แต่ก็มีเหมือนกันนะ ครอบครัวที่ไม่เคยมีพลังเลยแต่ก็มีรุ่นหนึ่งที่มีพลังขึ้นมา หรืออาจจะครอบครัวที่มีพลัง แต่ลูกอาจจะไม่มีพลังก็ได้” เมื่อดราวิลล์อธิบายจบชาร์เน็ตก็พยักหน้าถี่ๆเป็นสัญญาณบอกว่าเข้าใจก่อนจะถามต่อว่า
“แล้วอย่างหนูนี่มีไหมค่ะ”
“มีสิ ปู่เคยเล่าให้ฟังน่ะว่าตอนเราเด็กๆอยู่ดีๆก็ทำให้หิมะตกในบ้านเฉยเลย อาจจะเป็นเพราะยังควบคุมพลังไม่ได้ เอ... แต่ของชาร์เน็ตต้องเป็นคุณตาสินะ” ดราวิลล์ตอบพร้อมทำท่าครุ่นคิด
“พี่ดราวิลล์ลำดับญาติให้ฟังหน่อยได้ไหม ตอนนี้งงไปหมดแล้ว” ชาร์เน็ตถามพร้อมกับเกาหัวเบาๆ
“ปู่กับย่ามีลูกทั้งหมดสองคนคือ คนโตก็คือ พ่อพี่ ชื่อเอลตัน ส่วนคนเล็กก็คืออาเอลด้า แม่ของชาร์เน็ตไง”
“เอ่อ... แล้วตอนนี้แม่ไปไหนแล้วล่ะคะ”
“ชาร์เน็ต คือ... เอ่อ... อาเอลด้าเสียไปตั้งสิบกว่าปีแล้วละ พร้อมกับอาเคอร์ติสพ่อของเราน่ะ” ดราวิลล์พูดพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างเศร้าๆ
เจวานีเซียพิภพมนตรา Chapter 2
Chapter 2
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องเข้ามากระทบร่างที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียง ทำให้คนที่ ยังไม่อยากตื่นนอนได้แต่พลิกตัวหนีพลางคิดว่า
‘เอ๊ะ เมื่อวานเราไม่ได้ปิดผ้าม่านหรอ’ แต่จนในที่สุดเมื่อทนความรำคาญไม่ไหว ร่างที่ทีแรก ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับตาที่ยังลืมไม่เต็มที่ ดวงตาสีน้ำเงินเข็มที่หรี่อยู่พยายามมองไป รอบๆ ‘อืม... ผนังสีขาว ก็ว่าทำไมห้องสว่างจัง ห๊ะ ผนังสีขาว!!!!’ จากคนที่ตื่นไม่เต็มตาตอนนี้กลายเป็นหายง่วง เป็นปลิดทิ้ง
“โอ๊ย” ร่างโปร่งของชาร์เน็ตที่รีบร้อนลงจากเตียงจากเตียงจนสะดุดผ้าห่มผืนหนาลงไปกอง กับพื้นพร้อมกับลูบหัวเข่าตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้นดีดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็หันไปเห็นซองจดหมายสีขาว ที่แทบจะกลืนไปกับโต๊ะสีเดียวกันข้างๆเตียง หน้าซองที่เขียนไว้ด้วยลายมือที่คุ้นตาจ่าหน้าถึง “ชาร์เน็ต วิสเทลล์” เมื่อเห็นอย่างนั้นมือบางจึงเอื้อมไปหยิบซองจดหมายมาก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกครั้งพร้อมกับ ค่อยๆเปิดจดหมายออกอ่าน
ถึง ชาร์เน็ต ลูกรัก
ตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ลูกคงไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว แต่ที่ๆลูกอยู่ในตอนนี้นั้นเป็น ที่ของลูก เป็นสถานที่ที่ลูกเกิดที่นั่น ลูกอย่าได้ตกใจไปว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกมีเหตุ และผลของมัน ตอนนี้แม่ขอให้ลูกเชื่อว่าคนที่ลูกได้พบเจอในบ้านหลังนี้ เป็นญาติแท้ๆของลูก เป็นคนที่ลูก ไว้ใจได้ และพวกเขาไม่เคยคิดจะทำร้ายลูก และสุดท้ายนี้แม่อยากจะบอกว่า แม่รักลูกและยังอยู่ข้างๆ ลูกเสมอนะ
รักและห่วงใย
เดล่า
หลังจากอ่านจดหมายจบชาร์เน็ตก็แทบจะกรีดร้องออกมาดังๆ ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย’ จนมื่อตั้งสติได้เด็กสาวก็อ่านจดหมายในมืออีกครั้งจดหมายในมือพร้อมกับนั่งคิดทบทวนเนื้อหาในจดหมายพร้อมกับนึกทวนคำพูดแปลกๆของเดล่าเมื่อคืน ‘ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุและผลของมันเสมอ’ เพราะฉะนั้นการที่เธอได้มาอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม มันก็คงมีเหตุผลในตัวมันเอง เธอก็มีหน้าที่ที่จะหาเหตุผลที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นชาร์เน็ตจึงก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูห้องก่อนจะค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครเด็กสาวจึงค่อยๆก้าวออกจากห้องพร้อมกับเดินสำรวจรอบๆ ชั้นสองนี้นอกจากห้องนอนที่เธอออกมาแล้วก็ยังมีห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนอีกเหมือนกันอยู่ อีกประมาณสิบห้องแบ่งเป็นปีกซ้ายและปีกขวาด้านละเท่าๆกัน ซึ่งชาร์เน็ตกล้าพูดอย่างเต็มปากเลยว่าที่นี่ คือคฤหาสน์หลังใหญ่พอตัวเลยทีเดียวเพราะนอกจากชั้นสองที่ได้สำรวจเมื่อกี้แล้ว ก็ยังมีบันไดต่อขึ้นไปยังชั้น สามอีก เมื่อสำรวจชั้นสองจนพอใจ ชาร์เน็ตจึงตัดสินใจลงไปข้างล่างด้านล่างประกอบไปด้วยห้องโถงใหญ่ที่ประดับด้วยด้วยงานศิลปะชั้นเยี่ยมอยู่เต็มไปหมดอยู่ตรงกลางระหว่างบันไดทางขึ้นกับประตูซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นประตูหน้าบ้าน จากห้องโถงไปทางด้านซ้ายคาดว่าน่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่ปิดประตูอยู่ ชาร์เน็ตจึงตัดสินใจเดินไปทางด้านขวาที่ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันออกมาจากทางนั้น
“แล้วก็นะ... ตอนที่กำลังผมกำลังจะปีนขึ้นไปข้างบนเจ้านกตัวนั้นก็ดันบินหนีไปซะก่อน”
“แหม คุณหนูละก็ไปแกล้งมันทำไมละค่ะ มันก็หนีน่ะสิ” เสียงของคนสองคนที่กำลังพูดคุย กันอย่างสนุกสนานนั้นทำให้ชาร์เน็ตสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปตรงจุดที่ได้ยินเสียง
“เอ่อ... ขอโทษนะค่ะ” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้บทสนทนาก่อนหน้าชะงัก ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม มองไปยังคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า คนแรกนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเป็นชายหนุ่มที่ชาร์เน็ตคาดว่าน่าจะแก่กว่าเธอ ไม่เกินสามปี เส้นผมสีดำที่ไม่ดำสนิทแต่กลับมีประกายสีประหลาดๆอยู่ไม่สั้นไม่ยาวนัก ส่วนดวงตาสีม่วงเข้ม อย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนมองจ้องเขม็งมายังผู้มาใหม่ ส่วนอีกคนเป็นหญิงร่างท้วมท่าทางใจอายุน่าจะ ประมาณสี่สิบ ดวงตาอ่อนโยนมองมาทางผู้มาใหม่ด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณหนู... คุณหนูชาร์เน็ตใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ ป้ารู้จักหนูด้วยเหรอคะ?” ชาร์เน็ตถามกลับไปอย่างงงๆ
“ก็ต้องรู้จักสิค่ะ ป้าเป็นคนเลี้ยงคุณหนูมากับมือ โตขึ้นตั้งเยอะแหนะ”
“ว่าไงน้องสาว โตขึ้นมาสวยเชียวน้า จำแทบไม่ได้เลยน่ะ” ชายหนุ่มที่ตอนแรกนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตอนนี้เดินมายืนข้างๆชาร์เน็ตแล้วเรียบร้อย
“คุณหนูก็ทำเป็นพูดไป ตอนนั้นคุณหนูพึ่งห้าขวบ พูดยังกับตัวเองจำอะไรได้เยอะแยะ อย่างนั้นแหละ” หญิงร่างท้วมหันไปพูดกับชายหนุ่ม ทำให้ชาร์เน็ตได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไร
“เอ้า เราก็มัวแต่คุยกันเองจนลืมแนะนำตัวกันไปเลย ดูสิคุณหนูงงใหญ่แล้ว งั้นป้าแนะนำตัว ก่อนดีกว่านะค่ะ ป้าชื่อแอนน์ค่ะ เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์หลังนี้ ส่วนนี่ คุณดราวิลล์ เลนนาร์ด เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูค่ะ คุณดราวิลล์แก่กว่าคุณหนูสองปีนะค่ะ” ป้าแอนน์แนะนำตัวเองพร้อมกับผายมือ ไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชาร์เน็ต ที่ตอนนี้ชาร์เน็ตรู้แล้วว่าเป็นพี่ชายของตน
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ พี่ดราวิลล์ ป้าแอนน์” ชาร์เน็ตหันไปตอบรับการแนะนำตัวของแอนน์ อย่างมีมารยาท จนดราวิลล์ต้องขัดขึ้นมา
“ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรมากหรอกน้องสาว วันนี้วันเกิดเราไม่ใช่เหรอหึ? มาฉลองดีกว่า”
“พี่ดราวิลล์รู้ด้วยหรอคะ?” ชาร์เน็ตถามอย่างงงๆ
“รู้สิ พี่ถึงมารอที่บ้านไง ปกติปิดเทอมพี่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอก แต่ปีนี้คุณปู่บอกว่า ชาร์เน็ตจะกลับมาในวันเกิดปีที่สิบห้า พี่เลยมารอนี่ไง”
“ปู่หรอคะ” ชาร์เน็ตงงหนักเข้าไปอีก เพราะตลอดชีวิตกว่าสิบปีที่ผ่านมา ตัวเธอเองเป็นเหมือน คนไร้ญาติขาดมิตร จะมีก็เดล่าและเซบาสเตียนที่เป็นแม่และพี่ชายบุญธรรมคอยดูแลเท่านั้น พอเริ่มมีญาติที่ ไม่เคยรู้จักมาก่อนโผล่มาเลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่พอเมื่อดราวิลล์เห็นอย่างนั้นก็เลยได้แต่ยืนหัวเราะเบาๆ
“เอ้า ดูหน้าสิ คิ้วผูกโบว์แล้ว เอางี้พี่เรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย แต่เอาไว้หลังจากเรา ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้าทีเข้าทางก่อนดีกว่านะ ป้าแอนน์ฮะ ผมฝากหน่อยนะฮะ”
“ได้เลยค่ะ คุณหนู เดี๋ยวคุณหนูชาร์เน็ตตามป้ามานะค่ะ ป้าจะหยิบของใช้ให้”
“ค่ะ” ชาร์เน็ตรับคำก่อนจะเดินตามแอนน์ไป ส่วนดราวิลล์ที่มองตามหลังไป พอชาร์เน็ตไปลับ ตา ตัวเองก็เดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับจัดการอาหารเช้าที่ค้างอยู่ให้เสร็จ
“เสื้อผ้าอยู่ในตู้นะค่ะคุณหนู ส่วนอุปกรณ์อาบน้ำป้าเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้วค่ะ ขาดเหลืออะไรเรียกป้านะค่ะ เดี๋ยวป้าจะยืนรออยู่หน้าห้อง” หลังจากที่แอนน์หยิบเอาใช้บางส่วนให้ชาร์เน็ตแล้ว เจ้าตัวก็ออกไปยืนอยู่หน้าห้องปล่อยให้ชาร์เน็ตยืนสำรวจเสื้อผ้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ในตู้ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในตู้ เป็นชุดกระโปรงสีหวานมีทั้งชุดวันพีชและชุดแยกชิ้นเสื้อกับกระโปรง มือบางพยายามไล่หาเสื้อผ้าจำพวกกางเกง แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่ตัวเดียว จนในที่สุดชาร์เน็ตตัดสินใจหยิบชุดขึ้นมาหนึ่งชุดก่อนจะ เดินเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานนักชาร์เน็ตก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมอง กวาดไปรอบๆห้อง เพราะด้วยความรีบร้อนและตกใจเมื่อกี้เลยไม่ได้สังเกตภายในห้องสักเท่าไหร่นัก ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อยู่อย่างครบครันทั้งเตียงขนาดกลาง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะทำงาน เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดทำด้วยไม้สีอ่อนและมีลายดอกไม้เล็กๆฉลุอยู่ตามขอบ ส่วนผนังห้องนั้นเป็นสีขาวจึงทำให้ ภายในห้องดูสว่างกว่าความเป็นจริงนอกจากนี้ยังของกระจุกกระจิกแต่งห้องอีกจำนวนหนึ่ง ชาร์เน็ตจึงสรุปได้ว่า ห้องนี้ต้องเคยเป็นห้องของผู้หญิงมาก่อนแน่ๆ เมื่อสำรวจจนพอใจชาร์เน็ตจึงเดินออกมานอกห้องซึ่งมีแอนน์ยืน รออยู่แล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ชาร์เน็ตเดินออกมาจากห้องในชุดวันพีชแขนกุดสีครีม กระโปรงยาว ประมาณเข่าและมีริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนร้อยอยู่ตรงช่วงเอวเพื่อให้ผูกเข้ารูป พร้อมกับรองเท้าเดินในบ้าน สีเดียวกันกับชุด
“น่ารักมากเลยค่ะคุณหนู คุณหนูชอบเสื้อผ้าแบบไหนสีอะไร บอกป้านะค่ะ เดี๋ยวไว้ป้าจะหามา ให้อีก” แอนน์พูดพร้อมกับหมุนตัวชาร์เน็ตเพื่อดูรอบๆ ก่อนจะพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง
“มาเร็วๆ พี่อยากกินเค้กจะแย่แล้ว” ดราวิลล์ยืนกวักมือเรียกชาร์เน็ตกับแอนน์ที่กำลังเดินเข้า มาพร้อมกับทำหน้าตาอยากกินเค้กสุดๆ
“ค่าๆ วันเกิดใครกันแน่เนี้ย ใช่ไหมค่ะ คุณหนู” แอนน์พูดพร้อมกับหันมาพยักเพยิดกับชาร์เน็ต ก่อนที่คนถูกแขวะจะแหวขึ้นมาดังๆ
“แหม ป้าก็... ก็ผมอยากกินนี่น่า บอกให้ทำตั้งหลายวันแล้วป้าก็บอกว่าให้รอน้องๆ เฮ้อ... งี้แหละ คนมันตกกระป๋องแล้ว” ชาร์เน็ตที่ยืนฟังอยู่ก็ได้แต่ยืนขำในท่าทางเด็กๆของดราวิลล์ ก่อนจะเดินไปนั่ง ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ
“พี่ดราวิลล์ เดี๋ยวชาร์เน็ตตัดเค้กให้พี่เองนะ” ชาร์เน็ตพูดพร้อมกับดึงจานเค้กมาใกล้ๆตัวก่อน จะลงมือตัดแบ่งใส่จาน
“คุณหนูไม่ต้องตัดให้ป้านะค่ะ เดี๋ยวป้าขอตัวไปจัดการในครัวก่อน” แอนน์หันบอกในขณะที่ ชาร์เน็ตกำลังจะหยิบจานมาแบ่งเค้กเพิ่มก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
เมื่อทั้งสองคนมีเค้กเป็นของตัวเองเรียบร้อย ชาร์เน็ตจึงเริ่มถามเรื่องต่างๆที่เธอสงสัยเสียที
“พี่ดราวิลล์คะ ที่นี่คือที่ไหน”
“ที่นี่เหรอ” ดราวิลล์ทวนคำถามพร้อมกับคาบช้อนไว้ในปาก “ที่นี่คือเจวานีเซีย เป็นดินแดนที่ มีทั้ง จอมเวท พ่อค้า ขุนนาง ไปจนถึงชาวบ้าน ชาวนาธรรมดา”
“จอมเวท?” ชาร์เน็ตทวนคำอย่างงงๆ เพราะพ่อค้า ขุนนาง หรืออย่างอื่นนั้นจากที่ที่เธอจากมา ก็มีอย่างปกติ แต่จอมเวทนี่กลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ใช่ๆ จอมเวท อืม.. จะอธิบายยังไงดีนะ ก็ประมาณนี่แหละมั้ง” ดราวิลล์พูดพร้อมกับหยิบแก้ว เปล่าๆเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะหงายมือขึ้นไม่นานนักก็มีสายน้ำเล็กๆไหลออกมาจากมือนั้นจนเต็มแก้ว เมื่อดราวิลล์โบกมืออีกหนึ่งทีน้ำจากที่เต็มแก้วก็หายไป ส่วนชาร์เน็ตก็ได้แต่นั่งมองพร้อมกับทำตาปริบๆอย่าง ไม่เข้าใจ ทำให้ดราวิลล์ต้องอธิบายต่อ
“สิ่งที่พี่ทำเมื่อกี้เรียกว่าเวท เวทส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นการดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ การที่เราจะใช้เวทใดๆได้ เราต้องทำความเข้าใจกับธรรมชาติของมันซะก่อน อย่างเมื่อกี้ สิ่งที่พี่ใช้คือเวทน้ำ เพราะฉะนั้น พี่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันว่าน้ำเกิดมาจากสิ่งไหน มีลักษณะอย่างไร เช่นเดียวกันกับเวทอื่นๆ ที่เหลือคือ ดิน ลม ไฟ เป็นเวทพื้นฐานที่มาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีวิธีการประยุกต์ใช้เวทไปในด้านต่างๆอีก แต่ตรงนี้เอาไว้ไปเรียนต่อในโรงเรียนแล้วกันนะ” เมื่ออธิบายจบดราวิลล์ก็ตักเค้กเข้าปากต่อย่างสบาย อารมณ์ ส่วนชาร์เน็ตก็ได้แต่ทำความเข้าใจในสิ่งที่ดราวิลล์พูดมาก่อนจะถามกลับตามความเข้าใจของตน
“สรุปก็คือว่า เวทเนี้ย ก็คือการดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ใช่ไหมคะ”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้เวทได้หรอกนะ อย่างในอาณาจักรนี้ก็มีทั้งจอมเวท และชาวบ้านธรรมดาที่ใช้พลังไม่ได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะสืบทอดกันทางสายเลือดน่ะ แต่ก็มีเหมือนกันนะ ครอบครัวที่ไม่เคยมีพลังเลยแต่ก็มีรุ่นหนึ่งที่มีพลังขึ้นมา หรืออาจจะครอบครัวที่มีพลัง แต่ลูกอาจจะไม่มีพลังก็ได้” เมื่อดราวิลล์อธิบายจบชาร์เน็ตก็พยักหน้าถี่ๆเป็นสัญญาณบอกว่าเข้าใจก่อนจะถามต่อว่า
“แล้วอย่างหนูนี่มีไหมค่ะ”
“มีสิ ปู่เคยเล่าให้ฟังน่ะว่าตอนเราเด็กๆอยู่ดีๆก็ทำให้หิมะตกในบ้านเฉยเลย อาจจะเป็นเพราะยังควบคุมพลังไม่ได้ เอ... แต่ของชาร์เน็ตต้องเป็นคุณตาสินะ” ดราวิลล์ตอบพร้อมทำท่าครุ่นคิด
“พี่ดราวิลล์ลำดับญาติให้ฟังหน่อยได้ไหม ตอนนี้งงไปหมดแล้ว” ชาร์เน็ตถามพร้อมกับเกาหัวเบาๆ
“ปู่กับย่ามีลูกทั้งหมดสองคนคือ คนโตก็คือ พ่อพี่ ชื่อเอลตัน ส่วนคนเล็กก็คืออาเอลด้า แม่ของชาร์เน็ตไง”
“เอ่อ... แล้วตอนนี้แม่ไปไหนแล้วล่ะคะ”
“ชาร์เน็ต คือ... เอ่อ... อาเอลด้าเสียไปตั้งสิบกว่าปีแล้วละ พร้อมกับอาเคอร์ติสพ่อของเราน่ะ” ดราวิลล์พูดพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างเศร้าๆ