สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
กรณีของเรานะคะ...
เราแต่งงานได้3ปีแล้วค่ะ คบกับแฟนไม่นานครบรอบ 2 ปีแฟนขอแต่งงาน
เราตกลง ก่อนหน้าที่แฟนไปมาหาสู่บ้านเราตลอด เราเองก็ไปบ้านแฟน
ทั้ง 2 บ้านไม่ได้เร่งรัดอะไร เมื่อตกลงแต่งงานแม่แฟนและแฟนไปคุยกับพ่อและแม่เรา
ว่าจะขอลูกสาวมาเป็นคู่ชีวิต เราจำคำพูดของพ่อได้ชัดเจนว่า
"ไม่เรียกร้องค่าสินสอดใดๆซักบาทหรอก พ่อขอแค่วันนี้รักลูกสาวพ่อกล้าเข้ามาบอกมาขอ
เมื่อพ่อและแม่ยกให้ไปแล้ว ให้ดูแลกันดีๆ ถ้าวันใดไม่รักลูกสาวพ่อแล้วหรือคิดว่าหญิงใดที่ดีกว่าลูกพ่อ
ให้กล้าที่จะเอาลูกสาวพ่อกลับมาคืนพ่อ พ่อจะไม่ว่าไม่โทษเจ้าใดๆเลย" เรานั่งร้องไห้โฮเลยค่ะได้ยินพ่อพูดแบบนี้
แม่สามีจึงถามแม่เราว่าแล้วแม่จะเรียกเท่าไร แม่ตอบว่า "เมื่อสิ่งใดคือความสุขของลูกและลูกเลือกแล้วแม่ก็ยินดี
และดีใจที่เห็นลูกมีความสุข แม่ไม่คิดค่าสินสอดใดๆ เพราะแม่ไม่อยากทำเสมือนว่าตีราคาลูกสาวตัวเองเป็นสิ่ง
ถ้าให้แม่ตั้งราคา ราคานั้นคงประเมินค่าไม่ได้ ขอเพียงเจ้าทั้งสองรักกันดูแลกันให้อภัยกัน
เพราะชีวิตคู่คือการเรียนรู้กันแบบที่ไม่สามารถบอกได้ว่าควรหยุดเรียนรู้กันวันไหน แต่คือการเรียนรู้กันทุกวันจนตลอดชีวิต"
สามีเราร้องไห้เลยค่ะ เราจำได้ว่าเราสองคนกราบท่านทั้งน้ำตาเลยค่ะ สามีเราจัดสินสอดมาให้ 5 แสน ทอง 10 บาท
พ่อแม่เราคืนมาให้หมดเลยค่ะ เราและสามีเอาไปดาวน์บ้าน งานแต่งงานจัดเล็กๆ เน้นญาติเพื่อนสนิท ทุกวันนี้รักกันดี มีความสุขดีค่ะ
สินสอดไม่ใช่ตัวกำหนดความสุขและความยั่งยืนของชีวิตคู่นะคะ.......
เราแต่งงานได้3ปีแล้วค่ะ คบกับแฟนไม่นานครบรอบ 2 ปีแฟนขอแต่งงาน
เราตกลง ก่อนหน้าที่แฟนไปมาหาสู่บ้านเราตลอด เราเองก็ไปบ้านแฟน
ทั้ง 2 บ้านไม่ได้เร่งรัดอะไร เมื่อตกลงแต่งงานแม่แฟนและแฟนไปคุยกับพ่อและแม่เรา
ว่าจะขอลูกสาวมาเป็นคู่ชีวิต เราจำคำพูดของพ่อได้ชัดเจนว่า
"ไม่เรียกร้องค่าสินสอดใดๆซักบาทหรอก พ่อขอแค่วันนี้รักลูกสาวพ่อกล้าเข้ามาบอกมาขอ
เมื่อพ่อและแม่ยกให้ไปแล้ว ให้ดูแลกันดีๆ ถ้าวันใดไม่รักลูกสาวพ่อแล้วหรือคิดว่าหญิงใดที่ดีกว่าลูกพ่อ
ให้กล้าที่จะเอาลูกสาวพ่อกลับมาคืนพ่อ พ่อจะไม่ว่าไม่โทษเจ้าใดๆเลย" เรานั่งร้องไห้โฮเลยค่ะได้ยินพ่อพูดแบบนี้
แม่สามีจึงถามแม่เราว่าแล้วแม่จะเรียกเท่าไร แม่ตอบว่า "เมื่อสิ่งใดคือความสุขของลูกและลูกเลือกแล้วแม่ก็ยินดี
และดีใจที่เห็นลูกมีความสุข แม่ไม่คิดค่าสินสอดใดๆ เพราะแม่ไม่อยากทำเสมือนว่าตีราคาลูกสาวตัวเองเป็นสิ่ง
ถ้าให้แม่ตั้งราคา ราคานั้นคงประเมินค่าไม่ได้ ขอเพียงเจ้าทั้งสองรักกันดูแลกันให้อภัยกัน
เพราะชีวิตคู่คือการเรียนรู้กันแบบที่ไม่สามารถบอกได้ว่าควรหยุดเรียนรู้กันวันไหน แต่คือการเรียนรู้กันทุกวันจนตลอดชีวิต"
สามีเราร้องไห้เลยค่ะ เราจำได้ว่าเราสองคนกราบท่านทั้งน้ำตาเลยค่ะ สามีเราจัดสินสอดมาให้ 5 แสน ทอง 10 บาท
พ่อแม่เราคืนมาให้หมดเลยค่ะ เราและสามีเอาไปดาวน์บ้าน งานแต่งงานจัดเล็กๆ เน้นญาติเพื่อนสนิท ทุกวันนี้รักกันดี มีความสุขดีค่ะ
สินสอดไม่ใช่ตัวกำหนดความสุขและความยั่งยืนของชีวิตคู่นะคะ.......
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินก็อย่าแต่งครับ เลิกๆไปก็ดีครับ เค้ากล้าเรียก เค้าก็มั่นใจว่าควรคู่กับเงินนั้น ถ้าไม่มีทางหาได้หรือคิดว่าเค้าไม่คู่ควร ก็ควรเลิกไปเลยครับ เค้าได้ไม่เสียเวลาหาคนใหม่
เงินแสนเงินล้าน เยอะตรงไหนครับกับสินสอด ไม่เยอะเลยครับสำหรับ สตรีดีๆคนนึง ที่เราจะใช้ชีวิตด้วย คนที่คิดเล็กน้อยขนาดควรจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ออกจากชีวิตให้เค้าหาคนพร้อมและเข้าใจกับค่าของเขาครับ
เงินแสนเงินล้าน เยอะตรงไหนครับกับสินสอด ไม่เยอะเลยครับสำหรับ สตรีดีๆคนนึง ที่เราจะใช้ชีวิตด้วย คนที่คิดเล็กน้อยขนาดควรจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ออกจากชีวิตให้เค้าหาคนพร้อมและเข้าใจกับค่าของเขาครับ
ความคิดเห็นที่ 44
ครึ่งแสนนี่เยอะเหรอคะ ดิฉันทำงานเดือนเดียวก็หาได้แล้วค่ะ
ล้านนึงนี่เยอะเหรอคะ ดิฉันจบใหม่ทำงานปีสองปีก็ได้แล้วค่ะ
สินสอดที่ดิฉันเรียกคือ2-3ล้านบาท เรียกเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับที่บ้าน (และมั่นใจว่าเป็นเด็กรักดี ไม่ได้แรงอะไร)
ที่เรียกเท่านี้ เพราะเห็นว่าเหมาะสมกับฐานะและหน้าที่การงาน และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน(โดยเฉพาะฝ่ายชาย)
ไม่ได้จะแต่งกะรวย เพราะเงินแค่นี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันรวยขึ้น เพราะที่บ้านมีฐานะดีอยู่แล้ว
ไม่ต้องอวยพรให้โชคดีขึ้นคาน หรือขอให้ดิฉันเจอผู้ชายคนนั้น เพราะดิฉันเจอแล้วค่ะ
ที่พูดมาไม่ได้ตั้งใจจะอวดร่ำอวดรวยนะคะ
แต่ตั้งใจจะบอกว่า ฐานะทางสังคม การเงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แล้วคิดเองเออเองตัดสินคนอื่น
"ผู้หญิงที่กล้าเรียกแบบนี้ สมัยนี้ก็แรงๆอยู่แล้ว" ค่ะ... ดิฉันก็ว่า
ผู้ชายที่กล้าคิดดูถูกคนอื่นแบบนี้ คงมีปมด้อย ไม่มีปัญญาหาเงินแน่เลย^____^ อิอิ
ล้านนึงนี่เยอะเหรอคะ ดิฉันจบใหม่ทำงานปีสองปีก็ได้แล้วค่ะ
สินสอดที่ดิฉันเรียกคือ2-3ล้านบาท เรียกเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับที่บ้าน (และมั่นใจว่าเป็นเด็กรักดี ไม่ได้แรงอะไร)
ที่เรียกเท่านี้ เพราะเห็นว่าเหมาะสมกับฐานะและหน้าที่การงาน และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน(โดยเฉพาะฝ่ายชาย)
ไม่ได้จะแต่งกะรวย เพราะเงินแค่นี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันรวยขึ้น เพราะที่บ้านมีฐานะดีอยู่แล้ว
ไม่ต้องอวยพรให้โชคดีขึ้นคาน หรือขอให้ดิฉันเจอผู้ชายคนนั้น เพราะดิฉันเจอแล้วค่ะ
ที่พูดมาไม่ได้ตั้งใจจะอวดร่ำอวดรวยนะคะ
แต่ตั้งใจจะบอกว่า ฐานะทางสังคม การเงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แล้วคิดเองเออเองตัดสินคนอื่น
"ผู้หญิงที่กล้าเรียกแบบนี้ สมัยนี้ก็แรงๆอยู่แล้ว" ค่ะ... ดิฉันก็ว่า
ผู้ชายที่กล้าคิดดูถูกคนอื่นแบบนี้ คงมีปมด้อย ไม่มีปัญญาหาเงินแน่เลย^____^ อิอิ
ความคิดเห็นที่ 22
อ่านกระทู้ http://pantip.com/topic/30845934 แล้วรู้สึกหมั่นใส่ผู้หญิงด้วยกันขึ้นมาทันที
เราเป็นคนนึงที่แต่งงานด้วยสินสอดแบบธรรมดามาก จัดเลี้ยงแค่คนในครอบครัว
เพราะคิดว่า เราก็ไม่ใช้ผู้หญิงที่ดีอะไร มีแค่ใจที่พร้อมจะดูแลกันและกันอ่ะนะ
แฟนเราค่อนข้างมีฐานะ แต่เราก็เลือกจัดงานแบบเล็กๆ
ตอนที่ผู้ใหญ่เค้าไปคุยกัน เพื่อตกลงเรื่องสินสอด
แม่เราบอกว่า "เรื่องสินสอด ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ไม่ใช่ว่าเราไม่มีค่า แต่เงินมันตีค่าคนไม่ได้หรอก
แล้วอีกอย่างสินสอดก็ไม่ได้บอกว่าผู้ชายเค้าจะมั่นคงกับเราแค่ไหนด้วย
ส่วนค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดูที่แม่เลี้ยงเรามา ไม่เป็นไร เพราะแม่เลี้ยงด้วยใจ ถ้าต้องให้ค่าสินสอดมากมาย
แม่ว่าก็ต้องให้ฝ่ายชายด้วย เพราะเค้าก็เลี้ยงลูกของเค้าด้วยน้ำนมเหมือนกัน"
เราเลยไม่เข้าใจว่า ที่ผู้หญิงบางคนเรียกที 10 ล้าน
แล้วบอกว่า เงินเดือนของผู้ชายเดือนละ5หมื่นน้อยไป เฮ้ย!! สเปกสูงไปรึเปล่า??
ตกลงแต่งเพราะเงินสินสอดหรือแต่งเพราะรักกันอยากอยู่ด้วยกันจริงๆ
แต่ถ้าสังคมของเค้ารวยจริงอันนั้นก็อีกเรื่องนึงนะคะ
สรุปคือ จะจัดงานใหญ่โต เชิญแขกหลายร้อยหลายพันคน สินสอดมากมายขนาดไหน
ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำไป อย่างที่พี่โน๊ตเค้าว่าไว้ในเดี่ยว 10 แหล่ะค่ะ งานแต่งงานของเราแต่ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยซักกะอย่าง
ถ้าจะบอกว่าเราโลกสวยก็คงจะโลกสวยเหมือนแม่แหล่ะค่ะ เพราะแม่สอนมาให้เป็นแบบนี้
อย่าไปอยากได้ของของคนอื่น มันไม่ยั่งยืนและยาวนาน ^^
เราเป็นคนนึงที่แต่งงานด้วยสินสอดแบบธรรมดามาก จัดเลี้ยงแค่คนในครอบครัว
เพราะคิดว่า เราก็ไม่ใช้ผู้หญิงที่ดีอะไร มีแค่ใจที่พร้อมจะดูแลกันและกันอ่ะนะ
แฟนเราค่อนข้างมีฐานะ แต่เราก็เลือกจัดงานแบบเล็กๆ
ตอนที่ผู้ใหญ่เค้าไปคุยกัน เพื่อตกลงเรื่องสินสอด
แม่เราบอกว่า "เรื่องสินสอด ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ไม่ใช่ว่าเราไม่มีค่า แต่เงินมันตีค่าคนไม่ได้หรอก
แล้วอีกอย่างสินสอดก็ไม่ได้บอกว่าผู้ชายเค้าจะมั่นคงกับเราแค่ไหนด้วย
ส่วนค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดูที่แม่เลี้ยงเรามา ไม่เป็นไร เพราะแม่เลี้ยงด้วยใจ ถ้าต้องให้ค่าสินสอดมากมาย
แม่ว่าก็ต้องให้ฝ่ายชายด้วย เพราะเค้าก็เลี้ยงลูกของเค้าด้วยน้ำนมเหมือนกัน"
เราเลยไม่เข้าใจว่า ที่ผู้หญิงบางคนเรียกที 10 ล้าน
แล้วบอกว่า เงินเดือนของผู้ชายเดือนละ5หมื่นน้อยไป เฮ้ย!! สเปกสูงไปรึเปล่า??
ตกลงแต่งเพราะเงินสินสอดหรือแต่งเพราะรักกันอยากอยู่ด้วยกันจริงๆ
แต่ถ้าสังคมของเค้ารวยจริงอันนั้นก็อีกเรื่องนึงนะคะ
สรุปคือ จะจัดงานใหญ่โต เชิญแขกหลายร้อยหลายพันคน สินสอดมากมายขนาดไหน
ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำไป อย่างที่พี่โน๊ตเค้าว่าไว้ในเดี่ยว 10 แหล่ะค่ะ งานแต่งงานของเราแต่ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยซักกะอย่าง
ถ้าจะบอกว่าเราโลกสวยก็คงจะโลกสวยเหมือนแม่แหล่ะค่ะ เพราะแม่สอนมาให้เป็นแบบนี้
อย่าไปอยากได้ของของคนอื่น มันไม่ยั่งยืนและยาวนาน ^^
แสดงความคิดเห็น
ผู้หญิงที่เรียกสินสอดผู้ชายเป็นแสน เป็นล้าน ในสมัยนี้ คิดอะไรอยู่ ?
ซึ่งผู้หญิงที่ไม่ไ่ด้ยึดติดเงินตรา ไม่เรียกสินสอดเยอะๆก็มีอยู่อีกเยอะ แต่สงสัยครับ
ผู้หญิงที่กล้าเรียกสินสอดมหาศาล ทั้งๆที่รู้ว่ามันเยอะเกินไป เช่นเป็นล้าน หรือครึ่งแสน ในสมัยนี้
ผู้หญิงเขามั่นใจว่าตัวเองใช่ไหมครับ ว่ายังเป็นของดี บริสุทธิ์ perfect 100% ไม่เคยยุ่ง เหล้าบุหรี่กัญชายาไอซ์
แต่บางคนทำตัวเหลวแหลก มาเรียกแบบมหาศาล เขาคิดอะไรอยู่ครับ (ไม่ต้องมาถามผมนะครับว่ารู้ได้ไงว่าเขาทำตัวเหลวแหลก ซึ่งผู้หญิงที่กล้าเรียกแบบนี้ สมัยนี้ก็แรงๆอยู่แล้ว ....... ฯลฯ ส่วนพวกเงียบๆแต่เรียกเยอะ ไม่น่าจะใช่เจ้าตัวเรียก แต่เป็นทางบ้านเขาเรียกเองมากกว่า)
ก็แค่สงสัยครับ ^^
ปล.ผมตั้ง tag ตามกระทู้แนะนำครับ ^_^