ระวัง เครือข่ายสุราษฎร์ร่วมใจ

วันนี้ว่างงาน จึงขอมาแชร์ประสบการณ์น่าสนใจ  แบบสดๆร้อนๆให้สมาชิกได้ช่วยกันพิจารณา

เมื่อวาน( วันอาทิตย์ )เช้าตรู่ พี่สาวได้ชวนผมไปร่วมกิจกรรมหนึ่ง บอกว่าเป็นการลงทะเบียนเกษตรกร รัฐจะแจกที่ดินคนละ 10 ไร่

ผมถามพี่ว่าใครแจก รู้มาไหน ใช้หลักฐานอะไรบ้าง  แจกจริงหรือ

พี่ตอบว่า คนรู้จักเอามาบอกเมื่อวานตอนเย็น  ห้ามบอกใคร เขาจับฉลาก  ถ้าคนรู้เยอะ โอกาสเราได้ก็น้อย ใช้หลักฐาน แค่บัตร ปชป.และสำเนาทะเบียนบ้าน เมื่อ 2 ปีคนหลานคนที่มาบอกเคยได้มาแล้ว  และขายไป 2 แสนแล้ว

ผมถามอีกว่า ที่ดินบริเวณที่เขาแจก อยู่ต่างอำเภอ  ที่อยู่เราไม่ใกล้เคียงกับสถานที่  เราจะมีสิทธิ์หรือ  ที่สำคัญเราไม่ใช่เกษตรกร
พี่ตอบว่าไม่เป็นไร มีสิทธิ์ทุกคน

ผมเก็บความสงสัยอื่นไว้ในใจ  ตั้งใจว่าขอไปดูซะหน่อย ในตอนนั้นแม้จะสงสัยอยู่มาก แต่คำยืนยันที่ว่ามีคนได้มาแล้ว และคนที่พูดคือผู้ใหญ่คนนึงที่ผมรู้จัก มันทำให้ผมต้องไปดูกับตา

9  โมงเช้า  พี่สาวมารับ  เราเดินทางไปยังอำเภอที่ว่า  พี่สาวเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่จัดกิจกรรมอยู่ที่ไหน ต้องโทรคุยกับคนที่มาบอก  มีการเปลี่ยนสถานที่ 2 ครั้ง

เมื่อไปถึงสถานที่จัดกิจกรรม  พบว่าอยู่ใจกลางอำเภอ หน้าตลาดเลยทีเีดียว ใกล้โรงเรียนและธ.ยูโอบี ( เอ๊ะ  หรือโอยูบี )
แต่ไม่ใช่สถานที่ราชการ  ไม่ใช่โรงแรม  ไม่ใช่หอประชุม

แต่เป็นเพิงชั่วคราวกึ่งไม้กึ่งปูน ที่ปกติเป็นร้านขายเสื้อผ้า!!!  และก็ไม่ได้มีการเอาสินค้าออกไปแต่อย่างใด  เพียงแต่ยกเสาแขวนเสื้อผ้าเหล่านั้นไปไว้ด้านหลัง และตั้งโต๊ะขนาด 1*2 ม.ไว้ประมาณ 2 โต๊ะ ติดกัน

เท่าที่สังเกตุขณะนั้นมีชาวบ้าน เกษตรกร จำนวนประมาณ  30  ราย กำลังเตรียมเอกสาร และลงชื่อกัน พี่สาวเดินเข้าไปเอาเอกสาร ส่วนผมก็เริ่มสำรวจ

มี ( อ้างว่าเป็น ) เจ้าหน้าที่ 3 คน คนแรกเป็นสาวแว่นผมยาวอายุประมาณ 35 ปี รับหน้าที่ตรวจเอกสาร และแนะนำผู้มาลงทะเบียน
คนที่สอง เป็นสาวแก่วัยน่าจะใกล้ 60 แต่งตัวจัดเต็มแบบคนต่างจังหวัด ( ลองนึกภาพคนบ้านนอกรุ่นป้าขึ้นไป แต่งตัวไปงานบวชหลานนั่นแหละ ) คนนี้อ้างเป็นเลขาเครือข่าย
คนที่สามเป็นหนุ่มใหญ่อายุประมาณ 45-50 แสดงตัวเป็นหัวหน้าทีม อ้าวว่าเป็น สท. ( แต่พี่เขยได้ยินว่าเป็น สจ. ) แน่นอน แต่งตัวแนวๆนักการเมืองท้องถิ่น ( ซึ่งผมมั่นใจว่าโกหก )

บนโต๊ะมีบ้านบอกว่ารับเอกสารตรงนี้  ลงทะเบียนโต้นี้ ( เขียนแบบนี้จริงๆ ไม่ทราบว่าเขียนผิดหรือจงใจให้เป็นสำเนียงถิ่น ) ใกล้ๆมีกองกฐินให้ร่วมทำบุญด้วย  แต่ไม่ได้สังเกตุว่าของวัดไหน

พี่สาว+พี่เขยลงทะเบียนเรียบร้อย เป็นกระดาษ A4 ตีช่องให้ใส่ข้อมูลชื่อ  ที่อยู่  เบอร์โทร  มี 3 ชุด ต้องลงทะเบียนทั้งหมด
หลังจากนั้นก็เอาเอกสารใบสมัครมาให้ผมเขียน ก่อนเขียนผมก็ไปลงทะเบียน แต่ผมลงไปแค่ชุดเดียว ( เพราะเข้าใจว่ามันเหมือนๆกันหมด )

เมื่อเขียนใบสมัครเสร็จพี่สาว+พี่เขยก็ไปยื่นให้หญิงแว่นตรวจ ส่วนผมยังไม่ได้เขียน ตั้งใจว่าจะรอลอกของพี่เขย  ช่วงเวลานั้นก็เลยไปยืนมุงๆอยู่แถวโต๊ะ มีชาวบ้านคนนึงเคยเป็นทหารผ่านศึก หญิงที่อ้างเป็นเลขาแต่แต่งตัวเหมือนมาขายเบอร์หุ้น  บอกว่าให้ไปถ่ายเอกสารใบผ่านศึกมา จะมีสิทธิ์ได้ที่ดินถึง 30 ไร่ หนุ่มคนอื่นก็ถามบ้างว่าเคยเป็นทหารเกณฑ์มาแต่ไม่มีใบผ่านศึก ใช้ได้หรือไม่ เธอก็บอกให้ไปเอามา ( อยากถามเธอว่าผมไม่มีใบผ่านศึก แต่เป็นส.ต.กอง  ขอ 15 ไร่ได้มั้ย เท่ )

หลังจากตรวจเอกสารผ่าน พี่เขยก็มาแนะนำผม บอกให้ลงอาชีพว่าเป็นเกษตรกร ( ขุดหลุมปลูกมะเขือ 10 หลุม กรูขุดอยู่ชั่วโมงนึง ร้องไห้ )
ในนั้นมีให้ระบุด้วยว่าครอบครองที่ดินหรือไม่ มีหลักฐานอะไร แต่ผมไม่ได้ระบุ เพราะพี่เขยไม่ระบุก็ผ่านมาได้

เมื่อเรียบร้อยแล้วผมจึงนำใบสมัครและหลักฐานไปยื่นให้หญิงแว่นตรวจ อธิบายก่อนว่าใบสมัครนี้คือ ใบสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิดเครือข่าย  สุราษฎร์ร่วมใจ ( ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่หน้าคอมป์ผม )

หลักฐานทุกอย่างผ่านหมด เธอเรียกเก็บเงินค่าสมัคร 40 บาท และจะนำเอกสารผมส่งใหญ่ท่านเลขา
ผมบอกว่าช้าก่อน ผมยังไม่ส่ง  ผมจะเอาไปให้เพื่อนลอกก่อน เธอจึงส่งเอกสารคือให้ผม

ในใจผมขณะนั้นมันหมดความเชื่อถือไปตั้งแต่คุณป้าขายเบอร์หุ้น  มาเปิดกิจกรรมในเพิงขายเสื้อผ้า  และเขียนป้ายว่า "ลงทะเบียนโต้นี้" ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ยุทธการณ์สอดไส้จึงได้เกิดขึ้น

ผมนำเอกสารทั้งหมดพร้อมเงิน 40  บาทไปยื่นให้คุณป้า เธอดูใบสมัครผมที่อยู่หน้าแรก แล้วเปิดไปหน้าถัดไปซึ่งเป็นหลักฐานการสมัคร  เปิดไปเพื่อเจอกับการสอดไส้ของผม

เธอเงียบไปประมาณ 3-4 วิเมื่อเปิดมาเจอสำเนาบัตรประชาชนผม แล้วถามขึ้นมาว่า

ป้าขายเบอร์หุ้น : ใครบอกให้คุณขีดคร่อมสำเนา แบบนี้ใช้ไม่ได้
ผม : ทำไมไม่ได้ละครับ ตอนผมไปเปิดบัญชีธนาคาร พนักงานแนะนำมาแบบนี้
ป้าขายเบอร์หุ้น : แต่ที่นี้ไม่ได้ เราเป็นหน่วยงานราชการ คุณไม่ต้องกลัวเราเอาเอกสารไปทำอะไร ( โธ่ อีป้า เครือข่ายป้าไปเป็นราชการตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเป็นก็เอาบัตรประชาชนที่เหน็บไว้ตรงราวนมนั่นออก  แล้วเอาบัตรข้าราชการมาเหน็บสิ )
ผมก็ยิ้มๆ แล้วรับเอกสารคืนจากเธอ แต่เธอดึงเงิน 40 บาท ออก ผมบอกว่าเอามาด้วย เดี๋ยวผมมายื่นใหม่ทีเดียว

ผมเดินออกมาด้านหน้ามาบอกพี่สาว + พี่เขยเรื่องไม่รับเอกสารขีดคร่อม พวกเขาเริ่มตกใจ เพราะจริงๆเรื่องนี้หลายๆคนก็รู้  แต่มักจะละเลย  หลังจากนั้นก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ที่เป็นคนบอกข่าวเรา  แกบอกว่าแกเองก็รู้สึกแปลกๆ คราวที่แล้วที่แกบอกว่าหลานแกได้ มีพวก อบต.ผู้ใหญ่ กำนัน  มาร่วมงานหลายคน  แต่นี้ไม่มีเลย

ผมบอกให้พี่สาว+พี่เขยไปเอาเอกสารคืนมา ส่วนตัวผมกลับไปรอที่รถ  ไม่สมัครแล้ว หลังจากนั้นเดินทางกลับ
และมาทราบภายหลังว่าพวกเขาไม่กล้าไปเอาเอกสารคืน ผมปรึกษากับเพื่อนตำรวจ  ได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ในพื้นที่

กลับมาถึงบ้านผมก็เชคในเนตเกี่ยวกับเครือข่ายนี้ พบว่ามีคำเตือนจากผู้ว่าสุราษฎร์ให้ระวังคนกลุ่มนี้  นอกจากนี้ยังพบว่าเครือข่ายมีการแสดงออกทางการเมืองด้วย ( นั่นเป็นเหตุผลที่ผม TAG การเมือง )

หลังจากนั่งวิเคราะ ผมก็มองว่าเหตุการณ์มีมีความเป็นไปได้ 2 กรณีคือ

1.เครือข่าย มีการรวบรวมรายชื่อและต้องการหลักฐานบุคคลเพื่อนำไปดำเนินการทางการเมือง  หรือต่อรองในด้านที่กลุ่มต้องการ

2.ในเนตที่ผมเชค ใบสมัครมีการปั้มตราเครือข่ายไว้มุมซ้ายบน เป็นการปั้มตรายางด้วยหมึกสีน้ำเงิน ในขณะที่ใบสมัครในมือผม  เป็นเอกสารที่นำใบสมัครที่ปั้มตรายางไปถ่ายเอกสารอีกที  จึงเป็นไปได้ว่าคนกลุ่มนี้สวมรอยเครือข่ายอีกที และมีจุดมุ่งหมายที่จะเอารายชื่อ และเอกสารประจำตัวบุคคลไปใช้เพื่อการอื่นเช่นกัน ส่วนเงิน 40 บาท คาดว่าป้าอยากได้เงินไปซื้อชุดใหม่ ( ในเนตที่อื่นเก็บ 20 บาท )

ทั้งนี้และทั้งนั้นประเด็นหลักคือการที่ไม่รับเอกสารที่มีการขีดคร่อมของผม ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่าใช้สมัครสมาชิกเครื่อข่ายสุรายฎร์ร่วมใจ
นั่นหมายความว่าคนกลุ่มนี้มีจุดประสงค์สำคัญอยู่ที่เอกสารสำเนาบัตร ปชช. และ ทะเบียนบ้าน ที่มีการเซ็นต์สำเนาถูกต้อง  ส่วนจะเอาไปใช้ทำอะไรนั้น  สมาชิกย่อมมีวิจารณญาณพิจารณาได้เอง

ขอบคุณที่อ่านจนจบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่