สวัสดีค่ะ เราอยากระบายมานานนนนนนนมากแล้วค่ะ มันเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับเราค่ะ
เราได้แต่งงานกับกับชายหนุ่มถือว่าหน้าตาดี โปรไฟล์ดีค่ะ ที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนดีจริงๆค่ะ
ทุกอย่างคงแฮปปี้เอนดิ้ง แต่...บ้านเรา 2 คนอยู่ไกลกันมากค่ะ ประมาณ 40 กม. ได้
ทั้ง 2 ครอบครัวต่างฝ่ายต่างมีบ้านให้ลูกหลังแต่งงานค่ะ ฝั่งเราจะมีบ้านในรั้วเดียวกับพ่อแม่ ส่วนฝั่ง ช จะเป็นบ้านคนละรั้วกันแต่ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 5 นาทีก็จะถึงกันค่ะ
เราอยากแต่งงานกันมาก ปัญหาว่าจะอยู่บ้านใครนี่เป็นปัญหาแรกค่ะ ตอนแรกเรากับแฟนตกลงกันว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ จะไปอยู่คอนโดเลยจบ จะได้ไม่หาว่าเลือกฝั่งไหน ซึ่งพ่อแม่เราโอเคค่ะ ไม่มีปัญหาเลย
ปัญหาไปอยู่ที่ฝั่งเค้าค่ะ แม่เค้าอยากให้เค้าอยู่หลังนั้นมากค่ะ ต้องบอกไว้ก่อนว่าแม่เค้าเป็นคนจีน มีลูก 3 คน คนโตเป็น ญ ค่ะ คนกลางคือแฟนเรา คนเล็กคือ ช ค่ะ แม่เค้าค่อนข้างหวงลายและอยากให้ไปอยู่ตรงนั้นด้วย
เรื่องคอนโดคงไม่ต้องพูดถึง เมื่อปัญหาไม่จบ เลยไปสิ้นสุดกันตรงที่ อยู่มันทั้ง 2 บ้านล่ะกัน โดนแบ่งๆกันตามที่คิดว่าแฟร์ๆ ค่ะ
เราก็ยอมเพราะอยากแต่งงานกับเค้านี่นา ถ้าไม่ยอม แม่เค้าก็ไม่ยอม เรื่องจึงจบลงแค่ตอนนั้นค่ะ สรุปน่ะค่ะ บ้านเราอยู่ใกล้บ้านแม่เรา รั้วเดียวกัน ส่วนบ้านเค้าอยู่ใกล้บ้านแม่เค้า แต่คนละรั้วกัน เดินทางแปบเดียวค่ะ
หลังแต่งงาน
สภาพที่เราต้องเจอคือ วันจันทร์-วันพุธ ค้างบ้านเราค่ะ เนื่องจากบ้านเราใกล้ที่ทำงานของทั้ง 2 ฝั่งมากกว่า สะดวกในการเดินทางมากกว่า ส่วนวันพฤหัสบดี-วันอาทิต์กลางวันอยู่บ้านเค้าค่ะ
โดยที่วัน พฤ ศ เนี่ย เราต้องไปทานบ้านแม่เค้าค่ะ ทานเสร็จก็ต้องนั่งแช่คุยอะไรกันไปถึง 2-3 ทุ่มค่ะ ถึงจะได้กลับบ้านตัวเองที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งเราไม่มีความสุขค่ะ
ขอออกตัวก่อนเลยว่า ก็เข้าใจในระดับนึงว่าทางครอบครัวเค้าก็ต้องอยากเจอเค้า อยากคุย อยากทานข้าวด้วยกัน อันนี้เข้าใจค่ะ แต่ด้วยความที่ต้องทำเป็นกิจวัตร แล้วรีบกลับก่อนก็ไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนเป็นหน้าที่ๆจะต้องทำ
โดยที่บางครั้ง เราอยากกลับบ้าน ไปอาบน้ำ ไปนอน หลายเหตุผลค่ะ เราเป็น ญ ที่เป็นสิวง่าย ควรรีบอาบน้ำ เป็นคนที่ต้องนอนเร็วเพราะวันไหนนอนช้าปุ้บ รุ่งขึ้นนี่ปวดหัวทั้งวันเลยค่ะ เราเลยไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก
ยังๆค่ะ ยังไม่หมดค่ะ ด้วยความที่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากกกกก ขอชื่นชมเล็กๆ ความจริงถ้าเราอยู่ในฐานะลูกหลานเค้า เราอาจจะมีความสุขน่ะค่ะ เพราะอบอุ่นเว่อ แต่เราเป็นลูกสะใภ้นี่สิค่ะ
ทุกวันเสาร์ ตอนเช้า เราต้องไปทานบ้านแม่แฟนค่ะ แล้วก็อาจจะกลับก่อนไปทำอย่างอื่น ทำความสะอาดบ้าน แล้วตอนเที่ยงเค้าจะมีการรวมตัวกันที่บ้านญาติค่ะ ซึ่งบ้านหลังนี้ก็อยู่ไม่ไกลกันเช่นเดียวกันค่ะ ห่างกันไม่เกิน 5 นาที
บังเอิญเป็นครอบครัวคนจีนที่มีพี่น้องของแม่แฟนเยอะมากค่ะ แต่ละคนก็จะมีลูกแล้ว ก็จะมาทานกันที่บ้านนี้ค่ะ ทานเสร็จแล้วปกติทุกคนก็จะอยู่คุยกัน นั่งเล่น ดูทีวี แล้วแต่อัธยาศัยค่ะ แต่อยู่ยาวไปจนถึงมื้อเย็นค่ะ
ส่วนเราเหรอค่ะ ไม่ค่ะ ทนไม่ไหว ยังไงมันก็ไม่ใช่บ้านเรานี่ค่ะ คือนั่งยาวๆไปมันก็อึดอัด ไม่ได้เอนหลัง ไม่ได้พักผ่อน ไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง ต้องหาเรื่องกลับอยู่ร่ำไป แต่กว่าจะออกได้นี่ก็ต้อง บ่ายครึ่งถึงบ่ายสองกว่าๆ ค่ะ
พอได้กลับบ้านตัวเอง ไม่นานนัก ดูหนังได้เรื่องนึง กวาดใบไม้ แปบๆ เย็นอีกล่ะ แล้วไงต่อค่ะ วิ่งไปบ้านญาติอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกันค่ะ แล้วก็อยู่ไปจนกว่าแม่แฟนจะกลับค่ะ ไม่เคยได้กลับก่อนค่ะ รอให้แม่แฟนกลับถึงจะกลับบ้านตัวเองค่ะ
อ่านแล้วเหนื่อยหน่อยน่ะค่ะ ต่อๆกันที่วันอาทิตย์ค่ะ
วันอาทิตย์เนี่ย ต้องไปทานอาหารเช้ากับกลางวันที่บ้านญาติค่ะ แล้วค่อยขับรถกลับบ้านเราเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันจันทร์ค่ะ
เห็นมั้ยค่ะว่า ลูกหลานฝั่งแฟนนี่น่าจะอบอุ่นกันน่าดู ชื่นชมค่ะ แต่ด้วยความเป็นสะใภ้ที่เป็นยอมมนุษย์เงินเดือนนี่ มันไม่มีความสุขเอาซะเลยค่ะ
เพราะบางทีเราก็อยากไปเที่ยวบ้าง ไปซื้อของบ้างหรืออยากทำอาหารเอง เป็นความใฝ่ฝันเลยค่ะ ทำอาหารกับแฟนทานกัน 2 คน หรืออาจจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ค่ะ
ทีนี้พอกลับไปวันอาทิตย์เย็น เราก็ต้องพาแม่เราไปที่ๆอยากไป เพราะเสาร์ อาทิตย์ ปกติเราจะได้ไปไหนกับแม่ตลอดค่ะ พอหลังแต่งงานเราก็พยายามจะรักษาตรงนั้นไว้ค่ะ สรุป เสาร์ อาทิตย์ เราไม่รู้สึกว่าได้พักผ่อนเลยค่ะ
อยากได้ความรู้สึกอิสระค่ะ ที่จะไปไหน ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดค่ะ
ซึ่งเป็นไปได้ยากมากค่ะ ด้วยหลายเหตุผล
1.เราก็จะรู้สึกผิดค่ะ ถ้าทำให้แฟนไม่ได้ไปทานกับญาติตามธรรมเนียมเค้า รู้สึกผิดที่อาจจะทำให้แฟนลำบากใจ แล้วก็ไม่ได้อยากทำให้ใครต้องเสียใจค่ะ
2.เราพยายามจะแฟร์ค่ะ ไม่อยากจะทำให้รู้สึกว่า ไม่ให้เวลาฝั่งเค้าเลย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยุติธรรม
แต่มันต่างกันน่ะค่ะท ทานข้าวกับบ้านเราในวันจันทร์-พุธ นี่ ทานได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอใคร หรืออยากทาน 2 คนที่บ้านตัวเองที่อยู่ในรั้วเดียวกันก็ได้ หรือจะทานบ้านแม่ ทานเสร็จก็ไปอาบน้ำพักผ่อนได้เลย ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ค่ะ คือความรู้สึกมันไม่เหมือนกันน่ะค่ะ
สรุปคือ
-แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกถึงชีวิตคู่เลยค่ะ
-แต่งงงานแล้ว กลายเป็นว่า ชีวิตเหนื่อยกว่าเดิมมาก
-แต่งงงานแล้ว ชีวิตไม่มีอิสระเลยค่ะ เป็นชีวิตที่มีเงื่อนไขค่ะ
ที่สำคัญ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี มันเหมือนปมที่ผูกกันไว้ ถ้าจะทำอย่างนั้น ก็อาจไม่ได้เพราะมีเงื่อนไขอยู่ค่ะ.
ความจริงคงพิมพ์ยาวกว่านี้ได้ค่ะ แต่เวลามีจำกัดค่ะ หวังว่า จะมีทางออกน่าสนใจให้เราบ้างน่ะค่ะ
ปล.แฟนเราหัวอ่อนมากกๆๆๆๆๆ ค่ะ แบบที่ไม่คาดคิดค่ะ ไม่กล้าขัดใจแม่แม้แต่เรื่องเดียวแม้มันจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็ตามค่ะ
เมื่อชีวิตคู่ ไม่ใช่ชีวิตคู่ มันก็คงไม่ใช่ชีวิตคู่สิน่ะ =='
เราได้แต่งงานกับกับชายหนุ่มถือว่าหน้าตาดี โปรไฟล์ดีค่ะ ที่สำคัญที่สุดคือเป็นคนดีจริงๆค่ะ
ทุกอย่างคงแฮปปี้เอนดิ้ง แต่...บ้านเรา 2 คนอยู่ไกลกันมากค่ะ ประมาณ 40 กม. ได้
ทั้ง 2 ครอบครัวต่างฝ่ายต่างมีบ้านให้ลูกหลังแต่งงานค่ะ ฝั่งเราจะมีบ้านในรั้วเดียวกับพ่อแม่ ส่วนฝั่ง ช จะเป็นบ้านคนละรั้วกันแต่ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 5 นาทีก็จะถึงกันค่ะ
เราอยากแต่งงานกันมาก ปัญหาว่าจะอยู่บ้านใครนี่เป็นปัญหาแรกค่ะ ตอนแรกเรากับแฟนตกลงกันว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ จะไปอยู่คอนโดเลยจบ จะได้ไม่หาว่าเลือกฝั่งไหน ซึ่งพ่อแม่เราโอเคค่ะ ไม่มีปัญหาเลย
ปัญหาไปอยู่ที่ฝั่งเค้าค่ะ แม่เค้าอยากให้เค้าอยู่หลังนั้นมากค่ะ ต้องบอกไว้ก่อนว่าแม่เค้าเป็นคนจีน มีลูก 3 คน คนโตเป็น ญ ค่ะ คนกลางคือแฟนเรา คนเล็กคือ ช ค่ะ แม่เค้าค่อนข้างหวงลายและอยากให้ไปอยู่ตรงนั้นด้วย
เรื่องคอนโดคงไม่ต้องพูดถึง เมื่อปัญหาไม่จบ เลยไปสิ้นสุดกันตรงที่ อยู่มันทั้ง 2 บ้านล่ะกัน โดนแบ่งๆกันตามที่คิดว่าแฟร์ๆ ค่ะ
เราก็ยอมเพราะอยากแต่งงานกับเค้านี่นา ถ้าไม่ยอม แม่เค้าก็ไม่ยอม เรื่องจึงจบลงแค่ตอนนั้นค่ะ สรุปน่ะค่ะ บ้านเราอยู่ใกล้บ้านแม่เรา รั้วเดียวกัน ส่วนบ้านเค้าอยู่ใกล้บ้านแม่เค้า แต่คนละรั้วกัน เดินทางแปบเดียวค่ะ
หลังแต่งงาน
สภาพที่เราต้องเจอคือ วันจันทร์-วันพุธ ค้างบ้านเราค่ะ เนื่องจากบ้านเราใกล้ที่ทำงานของทั้ง 2 ฝั่งมากกว่า สะดวกในการเดินทางมากกว่า ส่วนวันพฤหัสบดี-วันอาทิต์กลางวันอยู่บ้านเค้าค่ะ
โดยที่วัน พฤ ศ เนี่ย เราต้องไปทานบ้านแม่เค้าค่ะ ทานเสร็จก็ต้องนั่งแช่คุยอะไรกันไปถึง 2-3 ทุ่มค่ะ ถึงจะได้กลับบ้านตัวเองที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งเราไม่มีความสุขค่ะ
ขอออกตัวก่อนเลยว่า ก็เข้าใจในระดับนึงว่าทางครอบครัวเค้าก็ต้องอยากเจอเค้า อยากคุย อยากทานข้าวด้วยกัน อันนี้เข้าใจค่ะ แต่ด้วยความที่ต้องทำเป็นกิจวัตร แล้วรีบกลับก่อนก็ไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนเป็นหน้าที่ๆจะต้องทำ
โดยที่บางครั้ง เราอยากกลับบ้าน ไปอาบน้ำ ไปนอน หลายเหตุผลค่ะ เราเป็น ญ ที่เป็นสิวง่าย ควรรีบอาบน้ำ เป็นคนที่ต้องนอนเร็วเพราะวันไหนนอนช้าปุ้บ รุ่งขึ้นนี่ปวดหัวทั้งวันเลยค่ะ เราเลยไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก
ยังๆค่ะ ยังไม่หมดค่ะ ด้วยความที่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากกกกก ขอชื่นชมเล็กๆ ความจริงถ้าเราอยู่ในฐานะลูกหลานเค้า เราอาจจะมีความสุขน่ะค่ะ เพราะอบอุ่นเว่อ แต่เราเป็นลูกสะใภ้นี่สิค่ะ
ทุกวันเสาร์ ตอนเช้า เราต้องไปทานบ้านแม่แฟนค่ะ แล้วก็อาจจะกลับก่อนไปทำอย่างอื่น ทำความสะอาดบ้าน แล้วตอนเที่ยงเค้าจะมีการรวมตัวกันที่บ้านญาติค่ะ ซึ่งบ้านหลังนี้ก็อยู่ไม่ไกลกันเช่นเดียวกันค่ะ ห่างกันไม่เกิน 5 นาที
บังเอิญเป็นครอบครัวคนจีนที่มีพี่น้องของแม่แฟนเยอะมากค่ะ แต่ละคนก็จะมีลูกแล้ว ก็จะมาทานกันที่บ้านนี้ค่ะ ทานเสร็จแล้วปกติทุกคนก็จะอยู่คุยกัน นั่งเล่น ดูทีวี แล้วแต่อัธยาศัยค่ะ แต่อยู่ยาวไปจนถึงมื้อเย็นค่ะ
ส่วนเราเหรอค่ะ ไม่ค่ะ ทนไม่ไหว ยังไงมันก็ไม่ใช่บ้านเรานี่ค่ะ คือนั่งยาวๆไปมันก็อึดอัด ไม่ได้เอนหลัง ไม่ได้พักผ่อน ไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง ต้องหาเรื่องกลับอยู่ร่ำไป แต่กว่าจะออกได้นี่ก็ต้อง บ่ายครึ่งถึงบ่ายสองกว่าๆ ค่ะ
พอได้กลับบ้านตัวเอง ไม่นานนัก ดูหนังได้เรื่องนึง กวาดใบไม้ แปบๆ เย็นอีกล่ะ แล้วไงต่อค่ะ วิ่งไปบ้านญาติอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกันค่ะ แล้วก็อยู่ไปจนกว่าแม่แฟนจะกลับค่ะ ไม่เคยได้กลับก่อนค่ะ รอให้แม่แฟนกลับถึงจะกลับบ้านตัวเองค่ะ
อ่านแล้วเหนื่อยหน่อยน่ะค่ะ ต่อๆกันที่วันอาทิตย์ค่ะ
วันอาทิตย์เนี่ย ต้องไปทานอาหารเช้ากับกลางวันที่บ้านญาติค่ะ แล้วค่อยขับรถกลับบ้านเราเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันจันทร์ค่ะ
เห็นมั้ยค่ะว่า ลูกหลานฝั่งแฟนนี่น่าจะอบอุ่นกันน่าดู ชื่นชมค่ะ แต่ด้วยความเป็นสะใภ้ที่เป็นยอมมนุษย์เงินเดือนนี่ มันไม่มีความสุขเอาซะเลยค่ะ
เพราะบางทีเราก็อยากไปเที่ยวบ้าง ไปซื้อของบ้างหรืออยากทำอาหารเอง เป็นความใฝ่ฝันเลยค่ะ ทำอาหารกับแฟนทานกัน 2 คน หรืออาจจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ค่ะ
ทีนี้พอกลับไปวันอาทิตย์เย็น เราก็ต้องพาแม่เราไปที่ๆอยากไป เพราะเสาร์ อาทิตย์ ปกติเราจะได้ไปไหนกับแม่ตลอดค่ะ พอหลังแต่งงานเราก็พยายามจะรักษาตรงนั้นไว้ค่ะ สรุป เสาร์ อาทิตย์ เราไม่รู้สึกว่าได้พักผ่อนเลยค่ะ
อยากได้ความรู้สึกอิสระค่ะ ที่จะไปไหน ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดค่ะ
ซึ่งเป็นไปได้ยากมากค่ะ ด้วยหลายเหตุผล
1.เราก็จะรู้สึกผิดค่ะ ถ้าทำให้แฟนไม่ได้ไปทานกับญาติตามธรรมเนียมเค้า รู้สึกผิดที่อาจจะทำให้แฟนลำบากใจ แล้วก็ไม่ได้อยากทำให้ใครต้องเสียใจค่ะ
2.เราพยายามจะแฟร์ค่ะ ไม่อยากจะทำให้รู้สึกว่า ไม่ให้เวลาฝั่งเค้าเลย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยุติธรรม
แต่มันต่างกันน่ะค่ะท ทานข้าวกับบ้านเราในวันจันทร์-พุธ นี่ ทานได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอใคร หรืออยากทาน 2 คนที่บ้านตัวเองที่อยู่ในรั้วเดียวกันก็ได้ หรือจะทานบ้านแม่ ทานเสร็จก็ไปอาบน้ำพักผ่อนได้เลย ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ค่ะ คือความรู้สึกมันไม่เหมือนกันน่ะค่ะ
สรุปคือ
-แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกถึงชีวิตคู่เลยค่ะ
-แต่งงงานแล้ว กลายเป็นว่า ชีวิตเหนื่อยกว่าเดิมมาก
-แต่งงงานแล้ว ชีวิตไม่มีอิสระเลยค่ะ เป็นชีวิตที่มีเงื่อนไขค่ะ
ที่สำคัญ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี มันเหมือนปมที่ผูกกันไว้ ถ้าจะทำอย่างนั้น ก็อาจไม่ได้เพราะมีเงื่อนไขอยู่ค่ะ.
ความจริงคงพิมพ์ยาวกว่านี้ได้ค่ะ แต่เวลามีจำกัดค่ะ หวังว่า จะมีทางออกน่าสนใจให้เราบ้างน่ะค่ะ
ปล.แฟนเราหัวอ่อนมากกๆๆๆๆๆ ค่ะ แบบที่ไม่คาดคิดค่ะ ไม่กล้าขัดใจแม่แม้แต่เรื่องเดียวแม้มันจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็ตามค่ะ