คนที่เข้ารับอิสลามและไม่ถูกพ่อแม่ต่อต้านนั้นถือว่าเป็นผู้โชคดี แต่มิใช่ว่าทุกคนที่เข้ารับอิสลามจะโชคดีเช่นนั้นเสมอไป เพราะบางคนถูกพ่อแม่แอนตี้จนลำบากใจในการที่จะดำรงชีวิตมุสลิม ความจริงแล้ว เรื่องเช่นนี้มิใช่เพิ่งจะมีในปัจจุบัน หากแต่มีมานานแล้ว แม้แต่ในสมัยของท่านศาสดามุฮัมมัดเอง
สำหรับคนที่เจอปัญหาพ่อแม่ไม่พอใจที่ตัวเองเข้ารับอิสลาม ลองอ่านเรื่องราวจากบทความนี้ดู เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยในการปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในบรรดามนุษย์ด้วยกัน
ครั้งหนึ่ง แม่ของซะด์ บิน อบีวักกอศ สาวกคนหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด สาบานว่านางจะไม่พูดกับเขาและนางจะไม่กินและไม่ดื่มจนกว่าเขาจะเลิกนับถืออิสลาม นางหยิบยกเอาคำสอนของอิสลามมากล่าวอ้างว่า “อัลลอฮฺได้สั่งเจ้าให้เชื่อฟังพ่อแม่ ฉันเป็นแม่ของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังฉัน”
หลังจากนั้น นางก็ทำตามที่นางได้กล่าวไว้ ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงได้ประทานกุรอานต่อไปนี้ลงมาเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้มาเข้ารับอิสลามและประสบปัญหาดังกล่าวได้นำไปปฏิบัติ :
“เราได้กำชับมนุษย์ให้ทำดีต่อพ่อแม่ของเขา แต่ถึงกระนั้น หากเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้าเคารพสักการะสิ่งใดควบคู่ไปกับฉันซึ่งสูเจ้าไม่มีความรู้ ก็จงอย่างเชื่อฟังทั้งสอง” (กุรอาน 29 : นอกจากนี้แล้ว อัลลอฮฺยังได้ทรงกล่าวอีกว่า :
“หากทั้งสองบังคับสูเจ้าให้นำสิ่งใดมาเป็นพระเจ้าร่วมกับฉันโดยที่สูเจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น สูเจ้าจงอย่าได้เชื่อฟังเขาทั้งสอง แต่ถึงกระนั้นก็จงอดทนอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี” (กุรอาน 31:15)
คัมภีร์กุรอานทั้งสองวรรคที่กล่าวมาข้างต้นนั้นพูดถึงเรื่องการปฏิบัติต่อพ่อแม่ที่มิใช่มุสลิมไว้อย่างชัดเจน เราจะต้องไม่คิดว่าการเชื่อฟังพ่อแม่ในเรื่องของการปฏิเสธพระเจ้าและเรื่องบาปเป็นสิ่งดีหรือเห็นว่าเป็นเรื่องของการทำความดีต่อพ่อแม่ สิทธิของอัลลอฮฺนั้นต้องมาก่อนใครอื่นใดเสมอสำหรับมุสลิม
นอกจากนั้นแล้ว การเชื่อฟังก็มิได้หมายถึงการเข้าไปทำสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งที่ละเมิดขอบเขตคำสั่งของอัลลอฮฺ ยิ่งในสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมหลายศาสนาด้วยแล้ว ผู้ที่มาเข้ารับอิสลามจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะในเทศกาลต่างๆซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีความจำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ เช่น วันตรุษจีน วันคริสต์มาส วันสงกรานต์ ปีใหม่ หรือแม้แต่วันเวลาไทน์ที่คนไทยกระแดะทำเกินฝรั่งและอื่นๆ เทศกาลเหล่านี้ล้วนมีที่มาจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่ก็จะมีเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น มุสลิมจึงไม่อาจไปเข้าร่วมได้เลย
ดังนั้น ถ้าคิดว่าความศรัทธาเราไม่แข็งพอหรือเราไม่สามารถทนการรบเร้าของพ่อแม่ญาติพี่น้องให้ทำในสิ่งที่เกินขอบเขตของอิสลามก็ไม่ควรจะกลับไปพบปะพ่อแม่ญาติพี่น้องของตนในระหว่างเทศกาลดังกล่าว
มุสลิมใหม่จะปฏิบัติต่อพ่อแม่ต่างศาสนาอย่างไร
สำหรับคนที่เจอปัญหาพ่อแม่ไม่พอใจที่ตัวเองเข้ารับอิสลาม ลองอ่านเรื่องราวจากบทความนี้ดู เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยในการปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในบรรดามนุษย์ด้วยกัน
ครั้งหนึ่ง แม่ของซะด์ บิน อบีวักกอศ สาวกคนหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด สาบานว่านางจะไม่พูดกับเขาและนางจะไม่กินและไม่ดื่มจนกว่าเขาจะเลิกนับถืออิสลาม นางหยิบยกเอาคำสอนของอิสลามมากล่าวอ้างว่า “อัลลอฮฺได้สั่งเจ้าให้เชื่อฟังพ่อแม่ ฉันเป็นแม่ของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังฉัน”
หลังจากนั้น นางก็ทำตามที่นางได้กล่าวไว้ ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงได้ประทานกุรอานต่อไปนี้ลงมาเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้มาเข้ารับอิสลามและประสบปัญหาดังกล่าวได้นำไปปฏิบัติ :
“เราได้กำชับมนุษย์ให้ทำดีต่อพ่อแม่ของเขา แต่ถึงกระนั้น หากเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้าเคารพสักการะสิ่งใดควบคู่ไปกับฉันซึ่งสูเจ้าไม่มีความรู้ ก็จงอย่างเชื่อฟังทั้งสอง” (กุรอาน 29 : นอกจากนี้แล้ว อัลลอฮฺยังได้ทรงกล่าวอีกว่า :
“หากทั้งสองบังคับสูเจ้าให้นำสิ่งใดมาเป็นพระเจ้าร่วมกับฉันโดยที่สูเจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น สูเจ้าจงอย่าได้เชื่อฟังเขาทั้งสอง แต่ถึงกระนั้นก็จงอดทนอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี” (กุรอาน 31:15)
คัมภีร์กุรอานทั้งสองวรรคที่กล่าวมาข้างต้นนั้นพูดถึงเรื่องการปฏิบัติต่อพ่อแม่ที่มิใช่มุสลิมไว้อย่างชัดเจน เราจะต้องไม่คิดว่าการเชื่อฟังพ่อแม่ในเรื่องของการปฏิเสธพระเจ้าและเรื่องบาปเป็นสิ่งดีหรือเห็นว่าเป็นเรื่องของการทำความดีต่อพ่อแม่ สิทธิของอัลลอฮฺนั้นต้องมาก่อนใครอื่นใดเสมอสำหรับมุสลิม
นอกจากนั้นแล้ว การเชื่อฟังก็มิได้หมายถึงการเข้าไปทำสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งที่ละเมิดขอบเขตคำสั่งของอัลลอฮฺ ยิ่งในสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมหลายศาสนาด้วยแล้ว ผู้ที่มาเข้ารับอิสลามจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะในเทศกาลต่างๆซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีความจำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ เช่น วันตรุษจีน วันคริสต์มาส วันสงกรานต์ ปีใหม่ หรือแม้แต่วันเวลาไทน์ที่คนไทยกระแดะทำเกินฝรั่งและอื่นๆ เทศกาลเหล่านี้ล้วนมีที่มาจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่ก็จะมีเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น มุสลิมจึงไม่อาจไปเข้าร่วมได้เลย
ดังนั้น ถ้าคิดว่าความศรัทธาเราไม่แข็งพอหรือเราไม่สามารถทนการรบเร้าของพ่อแม่ญาติพี่น้องให้ทำในสิ่งที่เกินขอบเขตของอิสลามก็ไม่ควรจะกลับไปพบปะพ่อแม่ญาติพี่น้องของตนในระหว่างเทศกาลดังกล่าว