พิษรักตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
บนเตียงนุ่มแบงค์นอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและน้ำตาล แต่ยังไม่ทันจะได้ข้อสรุปแบงค์ก็ต้องปิดเปลือกตาให้หลับสนิทลงเพราะเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เตียงทุกขณะ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเตียง
“คนใจร้าย”
น้ำตาลต่อว่าแบงค์เสียงแผ่วก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพราะเธอต้องร้องไห้โฮออกมาเมื่อเห็นหน้าแบงค์
“การมองหน้าเรามันทำให้เธอทรมานขนาดนั้นเลยเหรอน้ำตาล”
แบงค์ลืมตาโพล่งขึ้นและลุกขึ้นเผชิญหน้ากับน้ำตาล
“เธอเองก็ไม่อยากเห็นหน้าเราแล้วใช่ไหมถึงไม่ยอมรับเรากลับบ้าน”
น้ำตาลต่อว่าแบงค์ทั้งน้ำตาแต่เขากลับมองมาที่เธอด้วยแววที่เฉยเมย
“ระหว่างเราสองคนมันมีความรักอยู่จริงๆหรือปล่าว หรือว่าเธอแค่อยากปั่นหัวเราเล่นเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ และถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ยินดีด้วยเธอทำสำเร็จแล้วเราหลงรักเธอแล้วแล้วเธอก็ทำให้เราทรมานใจได้แล้ว พอได้หรือยังหยุดหลอกลวงกันซะทีมันน่ารำคาญใจเป็นบ้าเลย”
“เธอเองก็หยุดโกหกเราได้แล้วไม่ต้องเอาเรื่องอื่นมาอ้างให้เสียเวลาหรอกถ้าเธออยากจะเลิกกับเรา ก็แค่บอกมาคำเดียวเราก็เข้าใจไม่ต้องมาทำให้เรื่องมันยุ่งยากซับซ้อนหลอก ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั้นแหละแค่อยากจะหลอกฟันผู้หญิง”
เพราะคำพูดดูถูกของน้ำตาลทำให้แบงค์จ้องเธอตาขวางอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“เราเทียบเธอไม่ติดเลยน้ำตาล เราเคยคิดว่าเราคงไม่เจอใครที่ใจร้ายได้มากกว่าเราแต่เราก็มาเจอเธอจนได้ เธอทำร้ายใจคนอื่นได้อย่างแนบเนียนแถมมีเป็นร้อยเหตุผลที่ทำให้เธอไม่ต้องเป็นฝ่ายกระทำ”
“อย่ามากล่าวหาคนอื่นทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่ไม่เหมือนเดิม ถ้าในใจเธอมันไม่มีเราอยู่แล้วก็ไม่ต้องมาหาเรื่องทะเลาะกับเรา”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์โมโหจนหมดความอดทน บีบแขนน้ำตาลจนแดงช้ำคามือเขา
“เราน่ะเหรอหมดรัก เราน่ะเหรอไม่รักเธอ เธอเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรารักเธอมากแค่ไหนตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันจนถึงวันนี้เรารักเธอมากขึ้นทุกวัน เราถึงไม่อยากให้เธอไปเข้าใกล้ใคร เธอต่างหากที่ไม่เคยพยายามจะเข้าใจอะไรเลยมัวแต่จมอยู่กับอดีตที่มีแต่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด แล้วเธอก็มาคร่ำครวญว่าเธอเจ็บทั้งๆที่เป็นเธอเองที่ตอกย้ำตัวเองอยู่ทุกๆวันจนไม่เคยลืมมันได้เลย”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ.........มันไม่มากไปหรือไงที่จะมาพูดว่าเราอยากจะจดจำเรื่องบ้าๆนั่น”
น้ำตาลตะคอกใส่หน้าแบงค์เสียงลั่น
“ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงเธอขังตัวเองไว้กับอดีตและพาตัวเองไปเกี่ยวพันกับผู้ชายเลวๆพวกนั้นด้วยความเต็มใจ”
“เราไม่มีวันพูดกันรู้เรื่องมุมมองของเราต่างกันมากเกินไป”
น้ำตาลพูดจะลุกหนีแบงค์แต่เขากลับใช้กำลังจับตัวน้ำตาลกดลงบนเตียงนุ่ม
“แน่นอนว่าเราคิดสวนทางกันเพราะเธอไม่ได้จริงใจกับเราเหมือนที่เราจริงใจกับเธอ เธอไม่เคยสนใจความรู้สึกของเราถึงได้ยุ่งกับคนอื่นไปทั่ว”
“อย่างนั้นเหรอ.......ถ้าเราสารเลวขนาดนั้นเธอจะมาทนอยู่กับผู้หญิงมั่วๆแบบเราทำไม”
น้ำตาลพูดเสียงเข้มส่งรอยยิ้มท้าทายทำเอาแบงค์โมโหจนหน้าชาแต่ก็ต้องเก็บกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจไว้และเปลี่ยนเป็นส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้น้ำตาลแทน
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนเราจะมาเจอเธอเรามั่วมามากแค่ไหน”

แบงค์พูดไม่รอช้าประกบริมฝีปากกล้าของน้ำตาลด้วยริมฝีปากร้อนแรงของเขา ฝ่ามือใหญ่โตลูบไล้เรือนร่างงามด้วยความชำนาญ
“อือ....อือ”
น้ำตาลร้องอู้อี้อยู่ในลำคอออกแรงดิ้นเพราะความตกใจ ฝ่ามือเรียวบางพยายามดันร่างบึกบึนของแบงค์ให้พ้นตัวเธอ
“เธอกำลังแสดงละครอยู่ใช่ไหม”
แบงค์พูดกับน้ำตาลก่อนจะซุกไซร้ซอกคองามระหงส์ด้วยริมฝีปากช่ำชองของเขา
“อย่านะ......อย่า”
น้ำตาลหวีดเสียงลั่นลำตัวสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว ภาพเหตุการณ์ร้ายๆชัดเจนขึ้นในใจเธอทุกขณะ
“ปล่อย......ฮือ......ฮือ”
เสียงร้องไห้ของน้ำตาลที่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนและลำตัวที่สั่นไหวจนรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวทำให้แบงค์ต้องหยุดการกระทำหยาบคายของตัวเอง
“น้ำตาล.....น้ำตาล”
แบงค์เรียกชื่อน้ำตาลที่ตอนนี้หวาดกลัวจนรนราน
“อย่า......ฮือ”
ภาพของน้ำตาลที่ลำตัวสั่นเทา หยดน้ำตาที่ไหลนองใบหน้าและเสียงหวีดร้องที่ดังขึ้นทั้งที่สองตาปิดสนิททำให้แบงค์ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้และรู้ตัวว่าเขาทำผิดมหันต์กับน้ำตาล
“น้ำตาล......เราขอโทษ.......น้ำตาล”
แบงค์เรียกชื่อน้ำตาลและโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา กว่าครึ่งชั่วโมงที่แบงค์รับรู้ถึงความสั่นไหวของร่างกายและความหวาดกลัวในจิตใจของน้ำตาล ก่อนที่เธอจะสงบลงในอ้อมแขนของเขา
                      เช้าวันใหม่น้ำตาลนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงโดยมีแบงค์นั่งจ้องมองใบหน้าสวยได้รูปของเธอไม่วางสายตา
“คนไหนกันแน่น้ำตาลคนไหนคือตัวตนของเธอ”
แบงค์พูดเสียงเรียบ
“คนนี้ไงล่ะคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเธอ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอตอนนี้และทุกๆนาทีที่เราอยู่กับเธอมันคือเรื่องจริง”
น้ำตาลลืมตาโพล่งขึ้นและลุกขึ้นเผชิญหน้ากับแบงค์
“เราคงจะดีใจมากกว่านี้ถ้าเธอทำให้เราไม่ต้องลังเลที่จะเชื่อแบบนั้น”
“เพราะเธอไม่เคยเชื่อใจเราในขณะที่เราไม่เคยหวาดระแวงความรักที่เธอมีให้เรา เวลาคงจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น”
คำพูดของน้ำตาลไม่ได้ทำให้แบงค์ตกใจได้เหมือนทุกครั้งเพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“นานเท่าไหร่ที่เราจะหยุดพักเรื่องนี้”
แบงค์เอ่ยถามเสียงเรียบ
“จนกว่าเราจะหาคำตอบของคำถามที่ตัวเองเป็นคนสงสัยมันและหาทางออกไม่ได้ และถ้าเราหาคำตอบไม่เจอคงไม่จำเป็นอีกแล้วที่เราจะต้องมาเจอกันอีก”
“บอกได้ไหมว่าคำถามของเธอคืออะไร”
“ฉันไม่มีคำถามแต่ฉันอยากจะรู้คำตอบของคำถามของเธอ”
“เธอนั่นแหละที่ต้องตอบคำถามนี้ไม่ใช่ฉัน”
แบงค์พูดจ้องมองน้ำตาลไม่วางสายตา
“เธอคือผู้ชายคนเดียวที่เรารัก......นี่ใช่ไหมคำตอบที่เธอไม่แน่ใจ”
น้ำตาลตอบด้วยความมั่นใจ
“มันน่าแปลกนะที่เราไม่เชื่อที่เธอพูดทั้งๆที่เราอยากให้มันเป็นอย่างนั้น”
“เราไปนะ.......หวังว่าเธอคงจะรู้ใจตัวเองซะทีนะว่ารักเรามากพอจะทำให้เธอเชื่อใจเราหรือปล่าว”น้ำตาลพูดเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่สบสนเธอทั้งเสียใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน
                      หนึ่งเดือนเต็มๆที่แบงค์ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการสอบเพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เขายังคงยิ้มให้กับเพื่อนๆและสาวๆที่เข้ามาติดพรรณแต่ทว่ามีเพียงความเบื่อหน่ายเท่านั้นที่เกิดขึ้นในใจของแบงค์ เขาไม่ได้สนุกสนานกับทุกๆคนได้อย่างที่เขาเคยเป็น
“เป็นอะไรวะไอ้แบงค์ซึมกระทือเลย”
ต่อเอ่ยถามเพื่อนที่มักจะนั่งกินเหล้าเงียบๆไม่พูดจากับใคร
“เออวะพักนี้ดูหงอยๆปพิกลหรือว่าโดนคำสาปเข้าแล้วไอ้แบงค์”
เพื่อนๆพากันล้อแบงค์เป็นเรื่องสนุกสนาน
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะกูรู้แค่ว่าตัวเองไม่มีความสุข กูไม่อยากยิ้มไม่อยากหัวเราะแต่กูอยากจะอยู่นิ่งๆไม่ต้องรับรู้อะไรอีก”
แบงค์ตอบเสียงเรียบ
“แล้วคิดถึงใครหรือปล่าว”
เพื่อนๆเอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“ไม่คิดถึง”
แบงค์ปฏิเสธก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากเพราะลึกๆในใจเขารู้ดีว่ากำลังคิดถึงน้ำตาลจนหัวใจต้องทนทรมาน
“ถ้าไม่คิดถึงเขาอย่างที่ปากพูดก็ทำตัวให้มันร่าเริงกว่านี้หน่อย วันนี้วันสอบวันสุดท้ายนะเว๊ยมันต้องสุดเหวี่ยงไปเลย”
ต่อพูดก่อนจะเจ้ากี้เจ้าการดึงแบงค์ไปเต้นกลางฟล์อกับสาวๆกลุ่มใหญ่
“โอ๊ะ.....”
เสียงประสานดังขึ้นเมื่อแบงค์เต้นไปชนสาวสวยที่อยู่ด้านหลังเขา
“ขอโท........”
แบงค์ไม่ทันหลุดประโยคขอโทษออกไปเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือน้ำตาล

“สบายดีหรือปล่าวคะ”
น้ำตาลเอ่ยทักแบงค์ด้วยรอยยิ้มสดใส
“ยิ้มเก่งจังนะครับ”
แบงค์กล่าวประโยดสั้นๆก่อนจะเดินหนีน้ำตาลด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เดี๋ยวก่อนซิแบงค์”
น้ำตาลส่งเสียงเรียกก่อนจะเดินตามแบงค์ไปที่ลานจอดรถ
“แบงค์อย่าเดินหนีเราซิ……แบงค์”
“เธอตามมาทำไม”
แบงค์หยุดเดินและหันมาเผชิญหน้ากับน้ำตาล
“เรามาฟังคำตอบจากเธอ”
“เราไม่มีอะไรจะพูดหรอก”
แบงค์ตอบเสียงเรียบ
“แปลว่าเราจะเลิกกันอย่างนั้นเหรอ”
น้ำตาลเอ่ยถามเสียงเครียด
“เธอก็ดูมีความสุขดีนี่ยังคงยิ้มหัวเราะได้หน้าตาเฉยในขณะที่เราต้องมานั่งทุกข์ใจจนจะเป็นบ้า”
แบงค์เสียงดังใส่น้ำตาลอย่างหัวเสีย
“แล้วเธอจะให้เราทำยังไงล่ะในเมื่อเป็นเธอที่ไม่แน่ใจว่ารักเราจริงๆหรือปล่าว”
“เราไม่แน่ใจเธอต่างหากว่าเธอรักเราจริงๆหรือปล่าว”
“อย่างนั้นเหรอถ้ามันเป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน เราก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไปแล้ว ถ้าการคบกับเรามันทำให้เธอต้องมานั่งทุกข์ใจว่าเราไม่รักเธอทั้งๆที่เราไม่เคยรักคนอื่นเราก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่เราจะรั้งเธอไว้ ถ้าเธอไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเราก็เอาเป็นว่าเราเลิกกัน เลิกกันเดี๋ยวนี้เลย.......คนบ้า”
น้ำตาลร้องไห้โฮจ้องหน้าแบงค์ด้วยความโกรธเคือง
“ขอให้โชคดี......ฮือ”
น้ำตาลร้องไห้โฮออกมาเสียงลั่นเมื่อแบงค์ไม่ยอมปริปากพูดประโยคใดๆ
“คนบ้า.....บ้าที่สุด ทั้งที่เรารักเธอคนเดียวแต่เธอไม่เคยเชื่อเราเลยทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง........เรารักเธอได้ยินไหมว่าเรารักเธอ”
น้ำตาลโวยเสียงลั่นทุบตีแผงอกกว้างของแบงค์อย่างคุมอารมณ์ไม่อยู่
“ขอโทษนะน้ำตาล.....ขอโทษ”
แบงค์รวบมือทั้งสองข้างของน้ำตาลไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบกอดเธอแทน
“เรารักเธอจริงๆนะแบงค์เราคงทนไม่ได้ถ้าต้องเสียเธอไปจริงๆ...ฮือ”
เพราะคำพูดและหยดน้ำตาของน้ำตาลทำให้แบงค์ยอมใจอ่อนและยิ้มออก ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องลังเลเมื่อน้ำตาลกำลังบอกเขาอยู่ว่าเธอรักเขาเพียงคนเดียว
“เราก็รักเธอนะน้ำตาล”
แบงค์ปลอบประโลมน้ำตาลที่ซบอกเขาร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย
                      เพราะน้ำตาลทำให้แบงค์ยิ้มได้อีกครั้งเพื่อนๆของเขาจึงวางแผนมอมเหล้าแบงค์และน้ำตาลเพื่อให้สองคนใกล้ชิดกันแนบแน่นเพื่อทดแทนช่วงเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆที่สองคนอยู่ห่างกัน
“ถูกห้องแน่นะไอ้ต่อ”
พลเอ่ยถามเพื่อนขณะช่วยกันประคองน้ำตาลเข้ามาในห้องสวีทของคลับ
“เออถูกซิวะก็ดูดิไอ้แบงค์มันนอนรออยู่บนเตียงนั่นไง”
ต่อบอกให้พลมองดูร่างบึกบึนที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆพอให้เห็นเป็นเงาๆ
“มีควาสุขมากๆนะคร๊าบ”
ต่อกับพลหัวเราะด้วยความชอบใจและจัดการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ เอาผ้าห่มไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อนจะพากันออกไปจากห้องและขับรถแบงค์กลับบ้านทันที ปล่อยให้ร่างบางและร่างบึกบึนนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงนุ่ม สภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆทำให้ทั้งสองเริ่มควานหาผ้าห่มแต่กลับเป็นไออุ่นของร่างกายที่พวกเขาควานหาเจอ ด้วยสัญชาติญาณทำให้สองคนโอบกอดกันไว้ในอ้อมแขนเพื่อมอบไออุ่นให้แก่กัน
                      “พี่ครับได้เวลาออกจากห้องแล้วครับ”   เสียงพนักงานเปิดปิดห้องตะโกนบอกห้องต่างๆที่แขกนอนหลับเพลินจนลืมเวลาออกจากห้องพัก
“พี่ครับ”
น้ำเสียงสุภาพดังขึ้นอีกครั้งทำให้ร่างสมส่วนของน้ำตาลที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย
“กรี๊ด.........”
เสียงหวีดร้องดังลั่นขึ้นเมื่อน้ำตาลพบว่าร่างบึกบึนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอไม่ใช่แบงค์หากแต่เป็นพันธมิตร
“แก.........ไอ้เลวแกทำแบบนี้ได้ยังไง.......เลวที่สุด”
น้ำตาลด่าพันธมิตรด้วยความแค้นใจตรงเข้าทุบตีเขาไม่ยั้ง
“เดี๋ยวนี่มันอะไรกัน”
พันธมิตรเอ่ยถามขณะยกมือขึ้นป้องกันฝ่ามือหนักๆของน้ำตาลด้วยความไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ และในสภาพที่เหลือเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น

“ไม่ต้องมาแก้ตัวไอ้สารเลว..........แกมันเลวที่สุด........ฮือ”
น้ำตาลร้องไห้โฮทรุดกายลงบนเก้าอี้ข้างเตียงเพื่อหายใจ
“น้ำตาลพี่....พี่”
พันธมิตรอยากจะอธิบายแต่เขาก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันเกลียดแก..........”
น้ำตาลตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขว้างที่เขี่ยบุหรี่ใส่พันธมิตรจนหัวแตกเลือดไหลนองใบหน้า
“แกมันสมควรตายที่สุดไปตายซะไป........ไป”
น้ำตาลทั้งร้องไห้ทั้งทุบตีพันธมิตรอย่างขาดสติ แม้ว่าเขาจะนั่งนิ่งไม่เขยื้อนแต่เธอก็ไม่ยอมหยุด
“ใจเย็นครับพี่”
พนักงานของคลับเปิดประตูเข้ามาในห้องเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น
“ออกไปให้พ้นนะ.......ออกไป”
น้ำตาลเกวี้ยงข้าวของใส่บรรดาแขกคนอื่นๆที่พากันมายืนดูเหตุการณ์อยู่หน้าประตู
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่