ผมไม่สนใจหรอกครับว่า พวกท่านได้รับการแต่งตั้งจากพวกไหน
ผมไม่ใส่ใจหรอกครับว่า พวกท่านจะได้รับผลประโยชน์จากพวกใคร
ผมไม่อิจฉาหรอกครับว่า พวกท่านกินเงินเดือนคนละเท่าไหร่
ผมไม่อยากรู้หรอกครับว่า พวกท่านมีใจอคติกับรัฐบาลของประชาชนเพียงใด
แต่เมื่อพวกท่านเข้ามารับตำแหน่งอันทรงเกียรติ ด้วยเงินภาษีของประชาชน เพื่อมาช่วยดูแลสิทธิของมนุษยชนทุกๆคน ไม่ใช่เลือกปกป้องสิทธิของฝ่ายหนึ่ง แล้วละเสียถึงสิทธิของอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าใครก็ตามในประเทศนี้ ล้วนแต่มีส่วนในการจ่ายเงินให้พวกท่านได้เสวยสุขกันอยู่ในขณะนี้
แต่ดูจากผลงานของพวกท่านที่ผ่านมา
ไม่เพียงแต่ปกป้องสิทธิของฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่กลับให้สิทธิมากเกินกว่าคนอื่น
ไม่เพียงแต่ไม่ปกป้องสิทธิของอีกฝ่ายแล้ว ยังกลับช่วงชิงสิทธิของเขาไปอีกด้วย
ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่ผลสรุปการเข่นฆ่าประชาชนในรายงานของพวกท่าน
อาจกลายเป็นสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายรัฐบาล
อาจกลายเป็นบรรทัดฐานที่จะทำให้รัฐบาลต่อๆไปสามารถใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้
กรรมการสิทธิฯทุกๆท่านครับ
ขนาดการวิสามัญคนร้ายที่ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ยังอาจเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุที่กรรมการสิทธิฯต้องออกมาปกป้อง
ขนาดการจับกุมคนร้ายพร้อมคำสารภาพ พร้อมทั้งของกลาง อีกทั้งยังมีการซัดทอดผู้ร่วมขบวนการจนครบถ้วน พวกท่านก็ยังพยายามที่ทวงถามสิทธิให้กับคุณเอกยุทธ ทั้งๆที่ไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน นอกจากจิตนาการล้วนๆ
ขนาดการออก พรบ.ความมั่นคง เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ชุมนุมกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย พวกท่านยังพยายามทักท้วง เพื่อทวงสิทธิให้กับผู้ชุมนุม
แต่กรณีการสลายการชุมนุมปี 53 ที่มีการใช้ทั้ง พรบ.ความมั่นคง ใช้ทั้ง พรก.ฉุกเฉิน โดยใช้ทหารกว่า 6 หมื่นราย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ โดยอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงได้ เข้ามาควบคุมฝูงชน พวกท่านกลับเงียบเฉย
ในขณะที่คดีคุณเอกยุทธ พวกท่านใช้แค่จินตนาการเรื่องการฆ่าด้วยวิธีพิเศษ พวกท่านเชื่อเองว่าคนหนุ่มทำงานใหญ่อย่างนี้ไม่ได้ แล้วก็จะสรุปให้เป็นคดีฆาตกรรมอำพรางเสียให้ได้
แต่กรณีของผู้ชุมนุมที่ต้องตายและบาดเจ็บกันเกือบสองพัน ไม่ว่าหลักฐานจากคลิปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคำตัดสินของศาลต่างๆ ล้วนเป็นในแนวเดียวกันว่า ผู้ตายและบาดเจ็บ ล้วนเกิดจากการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยกระสุนความเร็วสูง ด้วยวิธีการธรรมดาคือการส่องยิงหัวคน ราวกับการยิงส่องสัตว์ของนายพราน พวกท่านกลับไม่เคยเรียกร้องสิทธิให้กับผู้คนเหล่านี้
ในรายงานของพวกท่าน อ้างแต่การกระทำของรัฐชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ชุมนุมก่อความเดือดร้อน ใช้ความรุนแรง แต่พวกท่านกลับไม่เคยพูดถึงการใช้ความรุนแรงที่เริ่มมาจากฝ่ายไหน เริ่มการช่วงไหน
พวกท่านอ้างถึงชายชุดดำ แต่เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ปรากฏชายชุดดำในคดียิงหัวคนที่วัดปทุม ไม่มีเขม่าดินปืนที่มือผู้เสียชีวิต เรื่องเหล่านี้กลับไม่มีในรายงาน 90 กว่าหน้าของพวกท่าน
และต่อให้มีชายชุดดำก็ตาม ต่อให้มีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่กรรมการสิทธิทุกๆท่านครับ ที่ตายกลับไม่ใช่ชายชุดดำ ไม่มีอาวุธในการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นคดีฆาตกรรมหมู่อย่างเห็นได้ชัด
พวกท่านนอกจากไม่เรียกร้องสิทธิให้กับบุคคลเหล่านี้ ยังกลับช่วงชิงสิทธิของการมีชีวิตไปจากพวกเขาอีก อย่างนี้เราจะมีกรรมการสิทธิไว้ทำไมหรือครับ
พวกท่านครับ ถ้ามีคนร้ายจำนวนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในหมู่ประชาชน เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิที่จะใช้อาวุธปราบปรามคนร้าย โดยไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของประชาชนอย่างนั้นหรือครับ และเมื่อการสูญเสียเกิดขึ้นกับประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อย่างนี้แล้วกรรมการสิทธิฯทุกท่านจะมองว่า เป็นความเคราะห์ร้ายของพวกเขาเองเหมือนที่คุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกอย่างนั้นหรือครับ
จำได้ว่า คณะกรรมการสิทธิฯชุดนี้ไม่ใช่หรือ ที่ส่งรายการตรวจสอบสลายม็อบพันธมิตรฯให้ ปปช.ฟัน หลังสรุปผล ทั้งสมชาย ทั้งชวลิต ทั้ง ผบ.ตร. มีความผิด ข้อหาฆ่า พยายามฆ่าผู้อื่น ทั้งๆที่การสลายด้วยแก๊สน้ำตา เป็นไปตามหลักสากล และพันธมิตรฯก็ไม่ได้ชุมนุมกันอย่างสงบ และต่อให้ตายเพราะแก๊สน้ำตา ก็เป็นเพียงเพราะแก๊สน้ำตาหมดอายุดังที่พวกท่านกล่าวอ้างมาตลอด จึงไม่ใช่เจตนา แต่เป็นเพราะความประมาท
ผิดกับกรณีของการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง ที่ใช้ทั้งอาวุธสงคราม ใช้ทั้งปืนส่องยิง ซึ่งเป็นเจตนาเล็งเห็นผลอย่างชัดเจน และยังมีการสลายการชุมนุมในเวลากลางคืน พวกท่านกลับรายงานว่าเป็นการสลายตามหลักสากล ดังนั้นรัฐบาลเวลานั้นจึงไม่ผิด หรือถ้าจะผิดก็ผิดทั้งสองฝ่าย นี่คือการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแบบของพวกท่านอย่างนั้นหรือครับ
จำได้ว่า รายงานฉบับนี้ เคยหลุดออกมาแล้ว ซึ่งสังคมต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นกลาง ถึงจิตสำนึกของผู้ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของพวกท่าน แต่ช่วงนั้นพวกท่านแค่บอกว่า เป็นรายงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แล้วก็เก็บเงียบไป จนหลายคนแทบจะลืมไปหมดแล้ว
จนวันนี้ จนถึงห้วงเวลาอันเหมาะสมสำหรับพวกท่าน กลับงัดเอารายงานฉบับสมบูรณ์ของพวกท่าน ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับฉบับก่อนออกมาในช่วงเวลาที่รัฐบาลเก่าที่พวกท่านเกื้อกูลกันอยู่ กำลังต่อต้านการนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง ผมเลยไม่รู้ว่า ตกลงแล้ว เจตนาของพวกท่าน คือต้องการปกป้องสิทธิ คุ้มครองสิทธิของประชาชน หรือต้องการที่จะแย่งสิทธิของประชาชนกันแน่
และที่พวกท่านยอมให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์พวกท่านกันอื้ออึงอย่างนี้ หรือเพียงต้องการให้คุณอภิสิทธิ์นำไปอ้างอิง เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งต่อให้สังคมจะประณามแค่ไหน แต่ผมก็เชื่อด้วยความบริสุทธิใจว่า คุณอภิสิทธิ์นำไปใช้แน่ นี่จึงเป็นความต้องการอย่างแท้จริงของพวกท่านอย่างนั้นหรือ
ดังนั้นเมื่อถึงวันนี้ ผมคิดว่า สมควรอย่างยิ่งแล้วครับที่พวกท่านเหล่ากรรมการสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย พึงสำเหนียกถึงกระแสความเสื่อมศรัทธากับการทำงานเลือกฝ่ายเช่นพวกท่าน ไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ได้ ไม่รู้แม้กระทั่ง “สิทธิมนุษยชน” มันคืออะไร อย่างนี้จะอยู่ให้องค์กรเสื่อมศรัทธากันไปทำไมกันครับ ลาออกเถิดครับ เพื่อไม่ให้ลูกหลานของพวกท่านต้องพบกับประวัติศาสตร์อันอัปยศที่พวกท่านกระทำไว้เลยนะครับ ผมละอายแทนลูกหลานของพวกท่านเหลือเกิน
กรรมการสิทธิมนุษยชนทุกๆท่านครับ ไม่รู้สึกละอายใจกันบ้างหรือครับ
ผมไม่ใส่ใจหรอกครับว่า พวกท่านจะได้รับผลประโยชน์จากพวกใคร
ผมไม่อิจฉาหรอกครับว่า พวกท่านกินเงินเดือนคนละเท่าไหร่
ผมไม่อยากรู้หรอกครับว่า พวกท่านมีใจอคติกับรัฐบาลของประชาชนเพียงใด
แต่เมื่อพวกท่านเข้ามารับตำแหน่งอันทรงเกียรติ ด้วยเงินภาษีของประชาชน เพื่อมาช่วยดูแลสิทธิของมนุษยชนทุกๆคน ไม่ใช่เลือกปกป้องสิทธิของฝ่ายหนึ่ง แล้วละเสียถึงสิทธิของอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าใครก็ตามในประเทศนี้ ล้วนแต่มีส่วนในการจ่ายเงินให้พวกท่านได้เสวยสุขกันอยู่ในขณะนี้
แต่ดูจากผลงานของพวกท่านที่ผ่านมา
ไม่เพียงแต่ปกป้องสิทธิของฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่กลับให้สิทธิมากเกินกว่าคนอื่น
ไม่เพียงแต่ไม่ปกป้องสิทธิของอีกฝ่ายแล้ว ยังกลับช่วงชิงสิทธิของเขาไปอีกด้วย
ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่ผลสรุปการเข่นฆ่าประชาชนในรายงานของพวกท่าน
อาจกลายเป็นสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายรัฐบาล
อาจกลายเป็นบรรทัดฐานที่จะทำให้รัฐบาลต่อๆไปสามารถใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้
กรรมการสิทธิฯทุกๆท่านครับ
ขนาดการวิสามัญคนร้ายที่ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ยังอาจเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุที่กรรมการสิทธิฯต้องออกมาปกป้อง
ขนาดการจับกุมคนร้ายพร้อมคำสารภาพ พร้อมทั้งของกลาง อีกทั้งยังมีการซัดทอดผู้ร่วมขบวนการจนครบถ้วน พวกท่านก็ยังพยายามที่ทวงถามสิทธิให้กับคุณเอกยุทธ ทั้งๆที่ไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน นอกจากจิตนาการล้วนๆ
ขนาดการออก พรบ.ความมั่นคง เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ชุมนุมกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย พวกท่านยังพยายามทักท้วง เพื่อทวงสิทธิให้กับผู้ชุมนุม
แต่กรณีการสลายการชุมนุมปี 53 ที่มีการใช้ทั้ง พรบ.ความมั่นคง ใช้ทั้ง พรก.ฉุกเฉิน โดยใช้ทหารกว่า 6 หมื่นราย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ โดยอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงได้ เข้ามาควบคุมฝูงชน พวกท่านกลับเงียบเฉย
ในขณะที่คดีคุณเอกยุทธ พวกท่านใช้แค่จินตนาการเรื่องการฆ่าด้วยวิธีพิเศษ พวกท่านเชื่อเองว่าคนหนุ่มทำงานใหญ่อย่างนี้ไม่ได้ แล้วก็จะสรุปให้เป็นคดีฆาตกรรมอำพรางเสียให้ได้
แต่กรณีของผู้ชุมนุมที่ต้องตายและบาดเจ็บกันเกือบสองพัน ไม่ว่าหลักฐานจากคลิปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคำตัดสินของศาลต่างๆ ล้วนเป็นในแนวเดียวกันว่า ผู้ตายและบาดเจ็บ ล้วนเกิดจากการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยกระสุนความเร็วสูง ด้วยวิธีการธรรมดาคือการส่องยิงหัวคน ราวกับการยิงส่องสัตว์ของนายพราน พวกท่านกลับไม่เคยเรียกร้องสิทธิให้กับผู้คนเหล่านี้
ในรายงานของพวกท่าน อ้างแต่การกระทำของรัฐชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ชุมนุมก่อความเดือดร้อน ใช้ความรุนแรง แต่พวกท่านกลับไม่เคยพูดถึงการใช้ความรุนแรงที่เริ่มมาจากฝ่ายไหน เริ่มการช่วงไหน
พวกท่านอ้างถึงชายชุดดำ แต่เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ปรากฏชายชุดดำในคดียิงหัวคนที่วัดปทุม ไม่มีเขม่าดินปืนที่มือผู้เสียชีวิต เรื่องเหล่านี้กลับไม่มีในรายงาน 90 กว่าหน้าของพวกท่าน
และต่อให้มีชายชุดดำก็ตาม ต่อให้มีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่กรรมการสิทธิทุกๆท่านครับ ที่ตายกลับไม่ใช่ชายชุดดำ ไม่มีอาวุธในการต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นคดีฆาตกรรมหมู่อย่างเห็นได้ชัด
พวกท่านนอกจากไม่เรียกร้องสิทธิให้กับบุคคลเหล่านี้ ยังกลับช่วงชิงสิทธิของการมีชีวิตไปจากพวกเขาอีก อย่างนี้เราจะมีกรรมการสิทธิไว้ทำไมหรือครับ
พวกท่านครับ ถ้ามีคนร้ายจำนวนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในหมู่ประชาชน เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิที่จะใช้อาวุธปราบปรามคนร้าย โดยไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของประชาชนอย่างนั้นหรือครับ และเมื่อการสูญเสียเกิดขึ้นกับประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อย่างนี้แล้วกรรมการสิทธิฯทุกท่านจะมองว่า เป็นความเคราะห์ร้ายของพวกเขาเองเหมือนที่คุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกอย่างนั้นหรือครับ
จำได้ว่า คณะกรรมการสิทธิฯชุดนี้ไม่ใช่หรือ ที่ส่งรายการตรวจสอบสลายม็อบพันธมิตรฯให้ ปปช.ฟัน หลังสรุปผล ทั้งสมชาย ทั้งชวลิต ทั้ง ผบ.ตร. มีความผิด ข้อหาฆ่า พยายามฆ่าผู้อื่น ทั้งๆที่การสลายด้วยแก๊สน้ำตา เป็นไปตามหลักสากล และพันธมิตรฯก็ไม่ได้ชุมนุมกันอย่างสงบ และต่อให้ตายเพราะแก๊สน้ำตา ก็เป็นเพียงเพราะแก๊สน้ำตาหมดอายุดังที่พวกท่านกล่าวอ้างมาตลอด จึงไม่ใช่เจตนา แต่เป็นเพราะความประมาท
ผิดกับกรณีของการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง ที่ใช้ทั้งอาวุธสงคราม ใช้ทั้งปืนส่องยิง ซึ่งเป็นเจตนาเล็งเห็นผลอย่างชัดเจน และยังมีการสลายการชุมนุมในเวลากลางคืน พวกท่านกลับรายงานว่าเป็นการสลายตามหลักสากล ดังนั้นรัฐบาลเวลานั้นจึงไม่ผิด หรือถ้าจะผิดก็ผิดทั้งสองฝ่าย นี่คือการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแบบของพวกท่านอย่างนั้นหรือครับ
จำได้ว่า รายงานฉบับนี้ เคยหลุดออกมาแล้ว ซึ่งสังคมต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นกลาง ถึงจิตสำนึกของผู้ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของพวกท่าน แต่ช่วงนั้นพวกท่านแค่บอกว่า เป็นรายงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แล้วก็เก็บเงียบไป จนหลายคนแทบจะลืมไปหมดแล้ว
จนวันนี้ จนถึงห้วงเวลาอันเหมาะสมสำหรับพวกท่าน กลับงัดเอารายงานฉบับสมบูรณ์ของพวกท่าน ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับฉบับก่อนออกมาในช่วงเวลาที่รัฐบาลเก่าที่พวกท่านเกื้อกูลกันอยู่ กำลังต่อต้านการนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง ผมเลยไม่รู้ว่า ตกลงแล้ว เจตนาของพวกท่าน คือต้องการปกป้องสิทธิ คุ้มครองสิทธิของประชาชน หรือต้องการที่จะแย่งสิทธิของประชาชนกันแน่
และที่พวกท่านยอมให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์พวกท่านกันอื้ออึงอย่างนี้ หรือเพียงต้องการให้คุณอภิสิทธิ์นำไปอ้างอิง เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งต่อให้สังคมจะประณามแค่ไหน แต่ผมก็เชื่อด้วยความบริสุทธิใจว่า คุณอภิสิทธิ์นำไปใช้แน่ นี่จึงเป็นความต้องการอย่างแท้จริงของพวกท่านอย่างนั้นหรือ
ดังนั้นเมื่อถึงวันนี้ ผมคิดว่า สมควรอย่างยิ่งแล้วครับที่พวกท่านเหล่ากรรมการสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย พึงสำเหนียกถึงกระแสความเสื่อมศรัทธากับการทำงานเลือกฝ่ายเช่นพวกท่าน ไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ได้ ไม่รู้แม้กระทั่ง “สิทธิมนุษยชน” มันคืออะไร อย่างนี้จะอยู่ให้องค์กรเสื่อมศรัทธากันไปทำไมกันครับ ลาออกเถิดครับ เพื่อไม่ให้ลูกหลานของพวกท่านต้องพบกับประวัติศาสตร์อันอัปยศที่พวกท่านกระทำไว้เลยนะครับ ผมละอายแทนลูกหลานของพวกท่านเหลือเกิน