โศกนาฏกรรมซ้ำซาก จากกด Like ถึง Line

กระทู้สนทนา
มาตั้งคำถามกันต่อดีกว่า ว่าทำไม ปอท. ถึงได้สนใจโซเชียล (เริ่มต้นที่ Line) เยอะขนาดนี้

ครั้งที่แล้วเราว่าถึงการเบี่ยงประเด็น ปกปิดบางเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดก็ได้ แต่อยู่ๆ การที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ออกมาให้ความสำคัญกับพวกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งหลาย ล่าสุดยังยืนยันด้วยว่า จะเฝ้าติดตาม ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึง Facebook, Twitter, Whatsapp และอีกสารพัดโซเชียล

คำถามว่า ปอท. มีอำนาจทำได้หรือไม่ และยังมีคำถามอีกว่า ปอท. จะสามารถทำได้ตามนั้นหรือป่าว เพราะรู้กันอยู่ว่า การจะควบคุม ตรวจสอบ โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ (ยกเว้นปิดกั้นห้ามใช้กันไปเลย) เรียกว่ารัฐใช้อำนาจโดยไม่รู้ว่าโลกได้เปลี่ยนไปจากเดิมไกลมากแล้ว

เรื่องดังกล่าว ถ้าจะเชื่อมโยงไปถึงกรณีการกด Like ที่มีไปก่อนหน้านี้ และคนที่กด Like ก็ได้กลายเป็นจำเลย และถูกตำรวจเรียกเข้ามาให้ข้อมูล โดยระบุว่า การกด Like ทำให้เกิดการเผยแพร่ต่อไปยังหน้าเว็บอื่นๆ สร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้น ฟังดูแล้วยิ่งแปลกประหลาด และเห็นด้วยชัดเจนว่า รัฐใช้อำนาจโดยไม่รู้ว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว หากเป็นกรณี Share การ Share ต่อเรื่องราวที่ผิดกฎหมาย อาจมีความผิดจริง ซึ่งต่างจากกรณี Like



เดอะโจ๊กเกอร์คิดเล่นๆ ว่า การที่คิดแบบนี้และทำแบบนี้ของ ปอท. เป็นการสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว ยัดเยียดความหวาดกลัวให้กับคนในสังคม ให้อยู่อย่างระมัดระวังว่าจะกระทำผิด และจะถูกลงโทษ สุดท้ายก็เบี่ยงมาเรื่องที่ต้องการกลบ ซึ่งอาจจะหมายถึง รัฐบาลขาลง เศรษฐกิจขาลง หรือแม้แต่เรื่องเชิงกฎหมายอื่นๆ ที่กำลังจะเข้าสู่สภา โดยการสร้างประเด็นใหม่ขึ้นมาตลอด

แต่ไหนๆ ก็สร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาแล้ว เดอะโจ๊กเกอร์ นอกจากจะตั้งคำถามแล้ว เลยเสนอทางออกให้ด้วยว่า การจะควบคุมตรวจสอบโซเชียลเน็ตเวิร์กได้นั้น วิธีที่ดีมากและต่างประเทศใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การควบคุมตรวจสอบกันเอง ทั้งโดยผู้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง การรวมกลุ่มของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลกันเอง

เช่น การกำกับดูแลเนื้อหาที่จะเผยแพร่ทางทีวีดิจิตอล ต้องสนับสนุนให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ ผู้เกี่ยวข้อง ต้องรวมกลุ่มขึ้นเพื่อกำกับดูแลกันเอง ตรวจสอบกันเอง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ กสทช. ต้องดำเนินการ เพียงแต่เวลานี้ยังไม่มีเท่านั้น เช่นเดียวกับกรณีของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ต้องยอมรับว่า คนทุกคนไม่ได้มีวิจารณญาณเหมือนกันหมด ดังนั้นต้องอาศัยการรวมกลุ่มโดยผู้ที่ได้รับการยอมรับ และตรวจสอบกันเอง รัฐเพียงแต่ให้การสนับสนุนเท่านั้น

สุดท้ายแล้วการเข้ามาแทรกแซง ตรวจสอบ จนถึงปิดกั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่รัฐพึงกระทำอยู่ดี

+ + + + +

ที่มา http://www.itspacebar.com/2013/08/chat-crime/

คลิกอ่านเรื่องเพิ่มกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่