พอดีเพิ่งหายป่วยค่ะ นอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่าย เกิดอาการคับข้องขุ่นมัวใจ นอนไม่หลับ เลยอยากมาตั้งกระทู้ระบายชีวิตซะหน่อย
ด้วยความที่จขกท เป็นคนป่วยบ่อย ตั้งแต่เกิดมา นอน รพ.เกิน 6 ครั้ง (หลังๆเริ่มคิดว่า หรือที่จริงไม่เป็นอะไรมากแต่หมอจับแอดมิดเฉยๆ)
ส่วนใหญ่จะเป็นพวก ไข้หวัดใหญ่บ้าง ติดเชื้อบ้าง ไข้สูงบ้าง แล้วแต่จะเป็นได้ ซึ่งแต่ละครั้งไปหาหมอ รพ.เอกชน นี่แทบจะกู้หนี้ยืมสินมาหาหมอกันเลยทีเดียว
เลยคิดในใจไว้ว่า หากได้ทำงาน มีประกันสังคม ทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม (ณ ตอนนั้น มั่นใจในระบบประกันสังคมมาก แตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง)
ช่วงทำงานปีแรก งงกับประกันสังคมมาก เพราะอยู่ดีๆ ชื่อก็ไปเด้งอยู่ รพ.ราชวิถี ซึ่งไกลมาก ถามบริษัท บริษัทตอบแค่ว่าคนทำเรื่องมันบ้าๆบอๆ อะ ทน มา 1 ปี พอเริ่มปีที่สองยื่นขอเปลี่ยน โรงพยาบาล เรื่องก็ช้ามาก จนสุดท้ายก็ยังอยู่ ราชวิถีเหมือนเดิม ถามบริษัทก็ได้คำตอบแบบเดิม
จนตอนนั้นป่วยเป็นไข้หวัด แต่มีอาการท้องเสีย ตัดสินใจไปหาหมอ รพ.ใกล้ๆออฟฟิศ แถวโชคชัย 4 หมอตรวจอาการแล้วบอกว่า แบบนี้ให้กลับบ้านไม่ได้หรอก ต้องแอดมิด (ตอนนั้นคิดในใจ กรูว่าละ แต่ไม่ยอมนอนให้เสียเงินหรอกแล้วก็ประเมินตัวเองว่าไม่ค่อยเป็นอะไรมาก) ก็บอกหมอไปว่าขอกลับไปนอนที่บ้านได้ไหม แต่ยังไงหมอก็ไม่ยอม เรียกเข้าไปว่าในห้องตรวจว่า คุณมีปัญหาอะไร ผมบอกว่าให้คุณนอน คุณก็ต้องนอนสิ จะกลับบ้านได้ยังไง สุดท้ายหมอก็จับเราแอดมิทจนได้
สรุปเป็นไข้หวัด นอน รพ. ให้น้ำเกลือกับกินยา 2 คืน 3 วัน หมดค่ารักษาไป 22,000 บาท (กู้เงินออฟฟิศจ่ายส่วนหนึ่ง)
หลังจากออกจาก รพ. เลยไปบี้ที่ออฟฟิศเรื่องประกันสังคม จนสุดท้ายเปลี่ยนคนทำเรื่อง ต้นปีเลยได้เปลี่ยน รพ. มาเป็น รพ.ใกล้ๆออฟฟิศ แถวโชคชัย 4 (ซึ่งตอนนั้น มโนไปเองว่า เอกชนน่าจะไม่รอนานและน่าจะรักษาโอเค ซึ่งคิดผิดอย่างรุนแรง)
ช่วงที่ย้ายประกันสังคมมา รพ.ใกล้ออฟฟิศ ก็ได้ใช้ประกันสังคมบ้าง เจ็บป่วย เล็กๆน้อยๆ จนเมื่อไม่นานมานี้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเลยไปหาหมอที่ รพ.ประกันสังคม โดยหมอบอกว่า เป็นโรคไมเกรน ก็ให้ยาแก้เครียด มากิน ผ่านไป 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น และเริ่มปวดหัวมากบวกกับอาเจียน ก็เลยกลับไปหาหมอที่เดิม หมอก็บอกอีกว่า เป็นไมเกรน และได้ให้ยาแรงขึ้น บวกกับฉีดยาแก้ปวดมา นอกจากนั้นยังให้ยาแก้เจ็บคอมาด้วย ซึ่งตอนรับยาเภสัชถามว่าเจ็บคอเหรอคะ ก็ตอบไปว่าเปล่า หมอบอกเป็นไมเกรน แล้วเภสัชก็ถามย้อนอีกว่าทำไมมียาแก้เจ็บคอมาด้วย (ตอนนั้นคิดในใจว่า กรูไม่รู้ กรูไม่ใช่หมอ ทำไมเมิงไม่ถามหมอวะ) สุดท้ายเภสัชก็ทำหน้า งงๆ แต่ก็ให้ยาแก้เจ็บคอมา ซึ่งจนทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าให้มาทำไม และยาถุงนั้นก็ไม่ได้กินด้วย
หลังจากหาหมอประกันสังคมรอบสอง อาการยังไม่ดีขึ้น และเริ่มมีไข้ แม่เลยให้ไปหาหมอ รพ.เอกชนแถวบ้าน ตอนนั้นหมอจัดหนักพูดมาว่า กลัวจะเป็นเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ !!! และสมควรแอดมิท (อีกแล้ว)
ตอนที่ได้ยิน ยอมรับว่าตกใจ โห่วอะไรกัน เมื่อไม่กี่วันยังเป็นไมเกรนอยู่เลย นี่แอดว้านซ์ไปเยื่อบุสมองอัพเสบแล้วเหรอ อายุยังน้อยๆอยู่ ไม่น่าเลยเรา (ว่าไปนั่น)
ตอนนั้นหมอ รพ.แถวบ้านบอกว่า อยากจะเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจว่าเป็นอะไร แต่เราก็แจ้งหมอไปว่า มีประกันสังคมอยู่อยากให้หมอทำเรื่องเพื่อไปเจาะที่ รพ.ประกันสังคมได้มั๊ย ซึ่งหมอก็โอเค เขียนเรื่องส่งตัวไปให้ จขกท ก็ต้องลากสังขารพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นมายัง รพ.ประกันสังคม แต่ดันรถติดและตึกประกันสังคมปิดแล้วเลยต้องตรวจกับหมอเวรฉุกเฉินแทน
พอเข้าไปตรวจและยื่นใบจาก รพ.แถวบ้าน ที่หมอระบุว่าประมาณว่า คนไข้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง เห็นควรได้รับการเจาะไขสันหลังเพื่อหาเชื้อเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ (อะไรประมาณนี้ จำที่หมอเขียนแน่นอนไม่ได้)
หมอ รพ.ประกันสังคมอ่าน แล้วก็หัวเราะ พร้อมกับบอกว่า
"คุณรู้มั๊ยว่าถ้าคุณเป็นเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ คุณไม่เดินมาหาผมแบบนี้หรอก แล้วคุณจะมาเจาะไขสันหลังตอนนี้ใครจะเจาะให้คุณ คุณต้องมาตอนกลางวัน แล้วผมก็เชื่อว่าหมอกลางวันไม่เจาะให้คุณหรอก"
อะ เงิบจ้าาาาาาาา
ก็เลยถามไปว่า แล้วจะต้องทำยังไง หมอก็บอกแค่เพียงว่า เอายาไปกินแล้วกัน
สรุปวันนั้นก็ได้ ยาพารา (จริงๆนะ) กับ ยาแก้เครียดมากิน
>>> แค่อยากระบายและแชร์ประสบการณ์ การป่วยในประเทศสาระขันธ์ อันงามวิไล
ด้วยความที่จขกท เป็นคนป่วยบ่อย ตั้งแต่เกิดมา นอน รพ.เกิน 6 ครั้ง (หลังๆเริ่มคิดว่า หรือที่จริงไม่เป็นอะไรมากแต่หมอจับแอดมิดเฉยๆ)
ส่วนใหญ่จะเป็นพวก ไข้หวัดใหญ่บ้าง ติดเชื้อบ้าง ไข้สูงบ้าง แล้วแต่จะเป็นได้ ซึ่งแต่ละครั้งไปหาหมอ รพ.เอกชน นี่แทบจะกู้หนี้ยืมสินมาหาหมอกันเลยทีเดียว
เลยคิดในใจไว้ว่า หากได้ทำงาน มีประกันสังคม ทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม (ณ ตอนนั้น มั่นใจในระบบประกันสังคมมาก แตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง)
ช่วงทำงานปีแรก งงกับประกันสังคมมาก เพราะอยู่ดีๆ ชื่อก็ไปเด้งอยู่ รพ.ราชวิถี ซึ่งไกลมาก ถามบริษัท บริษัทตอบแค่ว่าคนทำเรื่องมันบ้าๆบอๆ อะ ทน มา 1 ปี พอเริ่มปีที่สองยื่นขอเปลี่ยน โรงพยาบาล เรื่องก็ช้ามาก จนสุดท้ายก็ยังอยู่ ราชวิถีเหมือนเดิม ถามบริษัทก็ได้คำตอบแบบเดิม
จนตอนนั้นป่วยเป็นไข้หวัด แต่มีอาการท้องเสีย ตัดสินใจไปหาหมอ รพ.ใกล้ๆออฟฟิศ แถวโชคชัย 4 หมอตรวจอาการแล้วบอกว่า แบบนี้ให้กลับบ้านไม่ได้หรอก ต้องแอดมิด (ตอนนั้นคิดในใจ กรูว่าละ แต่ไม่ยอมนอนให้เสียเงินหรอกแล้วก็ประเมินตัวเองว่าไม่ค่อยเป็นอะไรมาก) ก็บอกหมอไปว่าขอกลับไปนอนที่บ้านได้ไหม แต่ยังไงหมอก็ไม่ยอม เรียกเข้าไปว่าในห้องตรวจว่า คุณมีปัญหาอะไร ผมบอกว่าให้คุณนอน คุณก็ต้องนอนสิ จะกลับบ้านได้ยังไง สุดท้ายหมอก็จับเราแอดมิทจนได้
สรุปเป็นไข้หวัด นอน รพ. ให้น้ำเกลือกับกินยา 2 คืน 3 วัน หมดค่ารักษาไป 22,000 บาท (กู้เงินออฟฟิศจ่ายส่วนหนึ่ง)
หลังจากออกจาก รพ. เลยไปบี้ที่ออฟฟิศเรื่องประกันสังคม จนสุดท้ายเปลี่ยนคนทำเรื่อง ต้นปีเลยได้เปลี่ยน รพ. มาเป็น รพ.ใกล้ๆออฟฟิศ แถวโชคชัย 4 (ซึ่งตอนนั้น มโนไปเองว่า เอกชนน่าจะไม่รอนานและน่าจะรักษาโอเค ซึ่งคิดผิดอย่างรุนแรง)
ช่วงที่ย้ายประกันสังคมมา รพ.ใกล้ออฟฟิศ ก็ได้ใช้ประกันสังคมบ้าง เจ็บป่วย เล็กๆน้อยๆ จนเมื่อไม่นานมานี้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเลยไปหาหมอที่ รพ.ประกันสังคม โดยหมอบอกว่า เป็นโรคไมเกรน ก็ให้ยาแก้เครียด มากิน ผ่านไป 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น และเริ่มปวดหัวมากบวกกับอาเจียน ก็เลยกลับไปหาหมอที่เดิม หมอก็บอกอีกว่า เป็นไมเกรน และได้ให้ยาแรงขึ้น บวกกับฉีดยาแก้ปวดมา นอกจากนั้นยังให้ยาแก้เจ็บคอมาด้วย ซึ่งตอนรับยาเภสัชถามว่าเจ็บคอเหรอคะ ก็ตอบไปว่าเปล่า หมอบอกเป็นไมเกรน แล้วเภสัชก็ถามย้อนอีกว่าทำไมมียาแก้เจ็บคอมาด้วย (ตอนนั้นคิดในใจว่า กรูไม่รู้ กรูไม่ใช่หมอ ทำไมเมิงไม่ถามหมอวะ) สุดท้ายเภสัชก็ทำหน้า งงๆ แต่ก็ให้ยาแก้เจ็บคอมา ซึ่งจนทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่าให้มาทำไม และยาถุงนั้นก็ไม่ได้กินด้วย
หลังจากหาหมอประกันสังคมรอบสอง อาการยังไม่ดีขึ้น และเริ่มมีไข้ แม่เลยให้ไปหาหมอ รพ.เอกชนแถวบ้าน ตอนนั้นหมอจัดหนักพูดมาว่า กลัวจะเป็นเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ !!! และสมควรแอดมิท (อีกแล้ว)
ตอนที่ได้ยิน ยอมรับว่าตกใจ โห่วอะไรกัน เมื่อไม่กี่วันยังเป็นไมเกรนอยู่เลย นี่แอดว้านซ์ไปเยื่อบุสมองอัพเสบแล้วเหรอ อายุยังน้อยๆอยู่ ไม่น่าเลยเรา (ว่าไปนั่น)
ตอนนั้นหมอ รพ.แถวบ้านบอกว่า อยากจะเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจว่าเป็นอะไร แต่เราก็แจ้งหมอไปว่า มีประกันสังคมอยู่อยากให้หมอทำเรื่องเพื่อไปเจาะที่ รพ.ประกันสังคมได้มั๊ย ซึ่งหมอก็โอเค เขียนเรื่องส่งตัวไปให้ จขกท ก็ต้องลากสังขารพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นมายัง รพ.ประกันสังคม แต่ดันรถติดและตึกประกันสังคมปิดแล้วเลยต้องตรวจกับหมอเวรฉุกเฉินแทน
พอเข้าไปตรวจและยื่นใบจาก รพ.แถวบ้าน ที่หมอระบุว่าประมาณว่า คนไข้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง เห็นควรได้รับการเจาะไขสันหลังเพื่อหาเชื้อเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ (อะไรประมาณนี้ จำที่หมอเขียนแน่นอนไม่ได้)
หมอ รพ.ประกันสังคมอ่าน แล้วก็หัวเราะ พร้อมกับบอกว่า
"คุณรู้มั๊ยว่าถ้าคุณเป็นเยื่อบุหุ้มสมองอักเสบ คุณไม่เดินมาหาผมแบบนี้หรอก แล้วคุณจะมาเจาะไขสันหลังตอนนี้ใครจะเจาะให้คุณ คุณต้องมาตอนกลางวัน แล้วผมก็เชื่อว่าหมอกลางวันไม่เจาะให้คุณหรอก"
อะ เงิบจ้าาาาาาาา
ก็เลยถามไปว่า แล้วจะต้องทำยังไง หมอก็บอกแค่เพียงว่า เอายาไปกินแล้วกัน
สรุปวันนั้นก็ได้ ยาพารา (จริงๆนะ) กับ ยาแก้เครียดมากิน