สัปดาห์ ที่ผ่านมา เป้นสัปดาห์ ที่เต็มไปด้วยการด่าทอ ทางการเมือง
ตั้งแต่ นอกยันในสภา เมื่อวานไปทำธุระที่ กทม ไปเห็นสภาพรถ ที่ติดหนึบ
แล้ว เหนื่อยครับ นั่งแท็กซี่ จากดอนเมืองมา แถว ๆ ฟอร์จูน เหนื่อยครับ
ขนาดวันเสาร์ นะ ไม่ทราบ ชาว กทม อยู่สบาย ๆกันอย่างไร
เห็นรถเมล์ แล้ว ก็อยากเล่าเรื่อง นี้ให้ฟัง สมัยก่อน ปี 2500 หลัง จอมพลสฤษฏ์
รัฐประหารใหม่ ๆ ผมนั่งรถเมล์ จาก บ้านลาดพร้าว มาเรียนหนังสือ ที่ บวรนิเวศ
ทุกวัน ตอนนั้น รถเมล์ จาก แถวลาดพร้าว ก็มี รถเมล์ เทา วี่งจากดอนเมือง มา
สนามหลวง ก้แน่นครับ เพราะรถมีน้อยคัน หรือไม่ก้นั่งรถเมล์ขาวนายเลิด มาลง
สะพานควาย แล้ว มาต่อรถเมล์ศรีนคร มาลง บางลำพู เดิน อีกนิด ก็ถึง โรงเรียน
จนผม มาอยู่วัดบวรจึง ไม่ต้องนั่งรถเมล์ สมัยนั้นรถเมล์ เป็นของเอกชน จนมาสมัย
อาจารย์ หม่อม เป็นนายก จับเอามารวมกัน เป็น บ. รถเมล์ มหานคร ครับ นั่นคือจุด
เริ่มต้นของการขาดทุน นัยว่า ตอนนี้หนี้ เข้าไป หลายหมื่นล้านแล้ว
ผมมีประสพการณ์ตรง เกี่ยวกับรถเมล์ เพราะตอนเรียน ปวช ปีหนึ่ง ที่ ปทุมวัน ปิดภาค
ฤดูร้อน ผม ไปสมัครเป็น กระเป๋ารถเมล์ ของรถเมล์ ขาว เขารับ ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 8 บาท
สมัยนั้น ค่ารถเมล์ มีตั้งแต่ 30 สตางค์ ไปยัน 50 สตางค์ จำสายไม่ได้แล้ว ทำงานตั้งแต่ ตี 5
ไปเลิกเอา 4 โมงเย็น ก็สนุก ดีครับ
ส่วนการขับรถนี่ ถ้าจะเอาแบบมัน ต้องขึ้น สาย 25 วี่ง ระหว่างปากน้ำ มาสนามหลวง คนขับ
นี่ ขับเร็ว แบบ คน ขึ้น ต้อง ปลุกพระ ไปด้วย แล้วแข่งกันด้วย บางครั้ง ถ้าไม่ถูกใจ ก้แวะ ลงมา ต่อยกัน
ข้างทางก็มี เขาเรียก โชเฟอร์ นักเลง ต่อยกันรเสร็จ ต่างคน ต่างไป ไม่เอาเรื่องกันต่อ ผม เห็นแล้วขำ
ถ้า ลมโชย ก็นี่เลย รถเมล์ขาว นั่งไปเถอะ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมนั่งที่ไร หลับ ทุกที
เมืองไทย เรา ถ้าอะไรที่เป็นราชการ มักจะขาดทุน อย่างเดียว ครับ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
เท่าที่ผมทราบ เช่น กรมการเชื้อเพลิง เจ้ง แบตตารี่ เจ้ง รถไฟ เจ้ง ขสมก เจ้ง จะมีก็แต่ อย่าง
ที่ผูกขาดกันและ ประชาชนต้องใช้ เช่น การไฟฟ้า นี่กำไรกันบานเบิก แต่ค่าไฟ แพงขึ้นทุกวัน
ผมเคยไป ญี่ปุ่น ที่นั่น รถไฟ เป็นของเอกชน ตั้งแต่บนดินยันไต้ดิน สถานี ก็ติด ๆกัน ไม่เห็นเขาแย่ง
อะไรกัน แล้ว ที่นั่นคน นิยม นั่งรถไฟ มากกว่ารถประจำทาง
ของเรา พอจะ ขายให้เอกชน ประท้วงกันวุ่นวาย อย่างรถเมล์ นี่ถ้ากลับไปเป้นของเอกชน ผมว่า
เขาจะปรับปรุงให้ดีกว่า นี้หลายเท่า รถเมล์เอกชนไม่มีสายไหนที่ขาดทุน แต่ของรัฐ ขาดทุน
มันก็แปลก
ผมอยู่ได้ครึ่งวัน ต้องเผ่นกลับ ขากลับ ก็นั่งแท็กซี่ จาก แถวคลองถม มาดอนเมือง ใช้เวลา ประมาณ
เกือบชั่วโมง เช่นกัน การคมนาคมของ กทม นี่มันเป็นอะไร ที่บอกไม่ถูก คนบ้านนอก แบบผม รับไม่ได้
ต้องชมเชย คน กทม ครับ ที่ สามารถดำรงชีวิต อยู่ได้ โดยไม่บ้าไปเสียก่อน ยังไงรัฐบาล หลังจากเสร็จ
ศึก แล้ว หันมาดู เรื่องรถเมล์ รถติด หามาตรการ ที่เข้า ท่า ไม่ออกทะเล ก็ดีนะครับ เห็นใจคน กทม
ก็ เล่าเรื่องรถเมล์ ให้ฟังกันบ้าง เพื่อ นึกถึงความหลัง เมื่อ กว่า 50 ปีมาแล้ว ยังมีเรื่องรถราง ที่ผมนั่งอยู่บ่อย ๆ
เอาไว้คราวหน้าจะ มาเล่าให้ฟัง ขยักไว้นิด
คนรในห้อง ราชดำเนิน ก็เพลา ๆกันหน่อยนะครับ เรื่อง พรบ นี่ผ่านวาระแรก ไปแล้ว ก็คง ไม่ช้า ที่ เพื่อน ๆของผม
คงได้เฮ กัน ทุกสี แหละครับ บรรดาพวก ลี่วล้อทั้งหลาย ส่วน ตัวเป้ง ไป ต่อสู้กันเอาเอง อย่าไปด่าทออะไรเลยครับ
คนเรา ต้องมีการให้อภัยกันบ้าง มันถึงจะมีความสุข แต่ สำหรับ เรื่อง คนออกคำสั่ง ก็ให้ไปต่อสู้กันเอาเอง
ที่รัฐบาล เอาเรื่องปฏิรูป ขึ้นมา ทำ ผมว่า ก้ดี แต่ ผมยังค้าน นะครับ จริงอยู่ เอา ต้นเหตุ มานั่งคุยกัน ว่า
เพราะอะไร ต้องการอะไร แต่ไอ้ไปคุยกับ เผด็จการ นี่ผมสาปส่ง คนไทยตายไปเพราะเผด็จการนี่ โขแล้วนะครับ
สาเหตุ เพราะเขาไม่ถอยห่าง ออกไปจาก การเมือง แล้วจะไปบังคับ ให้เขา ยอมทรับ ว่า จะถอยไป หรือ
เพราะเขาอ้าง มาตลอด ว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยว การเมือง จะไปเค้นคำพูดเขา ออกมาได้อย่างไร ต่อให้ใคร ก็ตาม
ก็ได้ แต่นั่งคุย มาจบ เอาที่ ใครจะเอากระพรวนไปผูกคอแมว ถามหน่อย
ประชาชนที่เลือกให้พรรคเพื่อไทย ไป แก้ใขในสี่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ด้วยเสียงข้างมาก ตามระบอบ
ประชาธิปไตย แต่ ไม่ทำ สี่งที่เสนอจะแก้ใข ก็คาไว้ แล้วไปเอาคน กระหยิบ มือหนึ่งมานั่งออกแบบ
ประเทศ ไม่เหยียบย่ำ หัวใจ ไปหน่อยหรือ ตอนหาเสียง คุณ ว่าไว้อย่างไร ถ้าคุณบอกว่า จะตั้งสภาปฏิรูป
เพื่อแก้ใข ถามว่าประชาชน เขาจะเลือกหรือ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไป กลายเป็นบ้องกันชา ซะงั้น
สัปดาห์นี้ ขอตบท้าย ด้วยการเมือง ด้วยคนนะครับ อย่า ว่ากัน
วันอาทิตย์
ตั้งแต่ นอกยันในสภา เมื่อวานไปทำธุระที่ กทม ไปเห็นสภาพรถ ที่ติดหนึบ
แล้ว เหนื่อยครับ นั่งแท็กซี่ จากดอนเมืองมา แถว ๆ ฟอร์จูน เหนื่อยครับ
ขนาดวันเสาร์ นะ ไม่ทราบ ชาว กทม อยู่สบาย ๆกันอย่างไร
เห็นรถเมล์ แล้ว ก็อยากเล่าเรื่อง นี้ให้ฟัง สมัยก่อน ปี 2500 หลัง จอมพลสฤษฏ์
รัฐประหารใหม่ ๆ ผมนั่งรถเมล์ จาก บ้านลาดพร้าว มาเรียนหนังสือ ที่ บวรนิเวศ
ทุกวัน ตอนนั้น รถเมล์ จาก แถวลาดพร้าว ก็มี รถเมล์ เทา วี่งจากดอนเมือง มา
สนามหลวง ก้แน่นครับ เพราะรถมีน้อยคัน หรือไม่ก้นั่งรถเมล์ขาวนายเลิด มาลง
สะพานควาย แล้ว มาต่อรถเมล์ศรีนคร มาลง บางลำพู เดิน อีกนิด ก็ถึง โรงเรียน
จนผม มาอยู่วัดบวรจึง ไม่ต้องนั่งรถเมล์ สมัยนั้นรถเมล์ เป็นของเอกชน จนมาสมัย
อาจารย์ หม่อม เป็นนายก จับเอามารวมกัน เป็น บ. รถเมล์ มหานคร ครับ นั่นคือจุด
เริ่มต้นของการขาดทุน นัยว่า ตอนนี้หนี้ เข้าไป หลายหมื่นล้านแล้ว
ผมมีประสพการณ์ตรง เกี่ยวกับรถเมล์ เพราะตอนเรียน ปวช ปีหนึ่ง ที่ ปทุมวัน ปิดภาค
ฤดูร้อน ผม ไปสมัครเป็น กระเป๋ารถเมล์ ของรถเมล์ ขาว เขารับ ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 8 บาท
สมัยนั้น ค่ารถเมล์ มีตั้งแต่ 30 สตางค์ ไปยัน 50 สตางค์ จำสายไม่ได้แล้ว ทำงานตั้งแต่ ตี 5
ไปเลิกเอา 4 โมงเย็น ก็สนุก ดีครับ
ส่วนการขับรถนี่ ถ้าจะเอาแบบมัน ต้องขึ้น สาย 25 วี่ง ระหว่างปากน้ำ มาสนามหลวง คนขับ
นี่ ขับเร็ว แบบ คน ขึ้น ต้อง ปลุกพระ ไปด้วย แล้วแข่งกันด้วย บางครั้ง ถ้าไม่ถูกใจ ก้แวะ ลงมา ต่อยกัน
ข้างทางก็มี เขาเรียก โชเฟอร์ นักเลง ต่อยกันรเสร็จ ต่างคน ต่างไป ไม่เอาเรื่องกันต่อ ผม เห็นแล้วขำ
ถ้า ลมโชย ก็นี่เลย รถเมล์ขาว นั่งไปเถอะ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมนั่งที่ไร หลับ ทุกที
เมืองไทย เรา ถ้าอะไรที่เป็นราชการ มักจะขาดทุน อย่างเดียว ครับ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
เท่าที่ผมทราบ เช่น กรมการเชื้อเพลิง เจ้ง แบตตารี่ เจ้ง รถไฟ เจ้ง ขสมก เจ้ง จะมีก็แต่ อย่าง
ที่ผูกขาดกันและ ประชาชนต้องใช้ เช่น การไฟฟ้า นี่กำไรกันบานเบิก แต่ค่าไฟ แพงขึ้นทุกวัน
ผมเคยไป ญี่ปุ่น ที่นั่น รถไฟ เป็นของเอกชน ตั้งแต่บนดินยันไต้ดิน สถานี ก็ติด ๆกัน ไม่เห็นเขาแย่ง
อะไรกัน แล้ว ที่นั่นคน นิยม นั่งรถไฟ มากกว่ารถประจำทาง
ของเรา พอจะ ขายให้เอกชน ประท้วงกันวุ่นวาย อย่างรถเมล์ นี่ถ้ากลับไปเป้นของเอกชน ผมว่า
เขาจะปรับปรุงให้ดีกว่า นี้หลายเท่า รถเมล์เอกชนไม่มีสายไหนที่ขาดทุน แต่ของรัฐ ขาดทุน
มันก็แปลก
ผมอยู่ได้ครึ่งวัน ต้องเผ่นกลับ ขากลับ ก็นั่งแท็กซี่ จาก แถวคลองถม มาดอนเมือง ใช้เวลา ประมาณ
เกือบชั่วโมง เช่นกัน การคมนาคมของ กทม นี่มันเป็นอะไร ที่บอกไม่ถูก คนบ้านนอก แบบผม รับไม่ได้
ต้องชมเชย คน กทม ครับ ที่ สามารถดำรงชีวิต อยู่ได้ โดยไม่บ้าไปเสียก่อน ยังไงรัฐบาล หลังจากเสร็จ
ศึก แล้ว หันมาดู เรื่องรถเมล์ รถติด หามาตรการ ที่เข้า ท่า ไม่ออกทะเล ก็ดีนะครับ เห็นใจคน กทม
ก็ เล่าเรื่องรถเมล์ ให้ฟังกันบ้าง เพื่อ นึกถึงความหลัง เมื่อ กว่า 50 ปีมาแล้ว ยังมีเรื่องรถราง ที่ผมนั่งอยู่บ่อย ๆ
เอาไว้คราวหน้าจะ มาเล่าให้ฟัง ขยักไว้นิด
คนรในห้อง ราชดำเนิน ก็เพลา ๆกันหน่อยนะครับ เรื่อง พรบ นี่ผ่านวาระแรก ไปแล้ว ก็คง ไม่ช้า ที่ เพื่อน ๆของผม
คงได้เฮ กัน ทุกสี แหละครับ บรรดาพวก ลี่วล้อทั้งหลาย ส่วน ตัวเป้ง ไป ต่อสู้กันเอาเอง อย่าไปด่าทออะไรเลยครับ
คนเรา ต้องมีการให้อภัยกันบ้าง มันถึงจะมีความสุข แต่ สำหรับ เรื่อง คนออกคำสั่ง ก็ให้ไปต่อสู้กันเอาเอง
ที่รัฐบาล เอาเรื่องปฏิรูป ขึ้นมา ทำ ผมว่า ก้ดี แต่ ผมยังค้าน นะครับ จริงอยู่ เอา ต้นเหตุ มานั่งคุยกัน ว่า
เพราะอะไร ต้องการอะไร แต่ไอ้ไปคุยกับ เผด็จการ นี่ผมสาปส่ง คนไทยตายไปเพราะเผด็จการนี่ โขแล้วนะครับ
สาเหตุ เพราะเขาไม่ถอยห่าง ออกไปจาก การเมือง แล้วจะไปบังคับ ให้เขา ยอมทรับ ว่า จะถอยไป หรือ
เพราะเขาอ้าง มาตลอด ว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยว การเมือง จะไปเค้นคำพูดเขา ออกมาได้อย่างไร ต่อให้ใคร ก็ตาม
ก็ได้ แต่นั่งคุย มาจบ เอาที่ ใครจะเอากระพรวนไปผูกคอแมว ถามหน่อย
ประชาชนที่เลือกให้พรรคเพื่อไทย ไป แก้ใขในสี่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ด้วยเสียงข้างมาก ตามระบอบ
ประชาธิปไตย แต่ ไม่ทำ สี่งที่เสนอจะแก้ใข ก็คาไว้ แล้วไปเอาคน กระหยิบ มือหนึ่งมานั่งออกแบบ
ประเทศ ไม่เหยียบย่ำ หัวใจ ไปหน่อยหรือ ตอนหาเสียง คุณ ว่าไว้อย่างไร ถ้าคุณบอกว่า จะตั้งสภาปฏิรูป
เพื่อแก้ใข ถามว่าประชาชน เขาจะเลือกหรือ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไป กลายเป็นบ้องกันชา ซะงั้น
สัปดาห์นี้ ขอตบท้าย ด้วยการเมือง ด้วยคนนะครับ อย่า ว่ากัน