ดิฉันอายุ 42 ค่ะ หน้าที่การงาน การเงินมั่นคง สถานะโสด เคยมีแฟนมาแล้ว 4 คนแต่ไม่เคยแต่งงาน บทสรุปคือจบลงด้วยการเลิกรากันไป ตอนนี้โสดมาได้ 3 ปีแล้วค่ะ
เมื่อต้นปีนี้ ได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 47 ปี แต่งงานมีครอบครัวแล้ว และยังอยู่กับภรรยาอายุเท่ากันเป็นปกติ เขาเปิดกิจการค้าขายเสริม แต่รับราชการเป็นงานประจำ ทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 20 กว่าแล้ว ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ฐานะดี และมีการงานมั่นคงเช่นกัน
เราอยู่กันคนละจังหวัดค่ะ ดิฉันอยู่ กทม. เขาอยู่ห่างไปประมาณสามร้อยกว่ากิโลเมตร
เราติดต่อ พูดคุยกันทางไลน์ค่ะ เริ่มจากคุยธรรมดา ทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกเช้า ต่อมาก็เพิ่มเป็น ทุกเช้าเย็น เราคุยกันมากมาย ผลัดกันเล่าเรื่องของกันและกันให้ฟัง จนสนิทสนม ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เราพัฒนาขึ้นมากค่ะ เขาเสมอต้นเสมอปลายมาก ทุกเช้าจะไลน์มาปลุก ถึงที่ทำงานจะโทรมาคุยก่อนเริ่มงาน รายงานว่าวันนี้จะทำอะไร ไปไหนบ้าง เที่ยงหรือบ่ายโมง จะไลน์หรือโทรมาคุย เย็นก็จะถามถึงบ้านหรือยัง ไปไหนหรือเปล่า กลางคืนก็กล่อมนอนทุกคืน
เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ค่ะ เรียนจบก็แต่งงานแล้วมีลูกเลย กับภรรยา เขาเล่าว่า ไม่มีอะไรกันมาเป็นสิบปีแล้ว อยู่กันแบบเพื่อนและเป็นเพื่อนกัน จริงๆตั้งแต่สมัยเรียน ภรรยาเขาท้องนอกมดลูก หลังจากมีลูกคนแรก จากการรักษา ทำให้หมดอารมณ์ทางเพศ และด้วยวัยขนาดนี้ ชอบเข้าวัดและไม่ สนใจเรื่องเพศสัมพันธ์แล้วค่ะ เขาอยู่และดูแลกันแบบเพื่อนสนิท ที่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ก้าวก่ายหรือยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวกัน
ดิฉัน เคยถามเขาว่า แล้วเขาทนได้ยังไง ยังไม่ได้แก่ขนาดงดเรื่องแบบนี้ได้ เขาบอกว่าก็อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ลืมๆ ไปเอง เขาทำงานเป็นนักวิชาการ ไม่เคยคิดวอกแวกกับผู้หญิงคนไหนด้วย ดิฉันเป็นคนแรกที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคุยโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ ไม่เคยแชทไลน์กับผู้หญิงที่ไหน วันๆ ไม่เคยถือโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่ายมาก ทำงาน ดูแลร้าน ดูแลรับส่งภรรยา ส่งเสียลูก เป็นครอบครัวที่เรียบง่าย และมีความสุขตามอัตภาพค่ะ
เขาชอบดิฉัน ทั้งที่ตอนแรกเห็น ไม่ได้รู้สึกอะไร ออกจะไม่ชอบผู้หญิงสไตล์ดิฉันด้วยซ้ำ ผมสั้น แต่งตัวเปรี้ยว มั่นใจตัวเองสูง เขาชอบผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ แต่เขาคุยกับดิฉันถูกคอมาก เขาบอกว่ายิ่งคุย ยิ่งถูกชะตา ถูกใจในความคิด ทัศนคติ และมีความสุข เขาบอกว่าดิฉันเข้ามาชุบชีวิตที่ตายแล้วของเขา ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งที่เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ขี้อาย เรียบร้อย แต่ตั้งแต่รู้จักดิฉัน ชีวิตเขาเปลี่ยนเลย สามารถคุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงได้ เราคุยกันทุกเรืองค่ะ ดิฉันเล่าให้เขาฟังหมดเรื่องชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่มีปิดบัง เขาก็เช่นกัน เราเปิดใจให้กันค่ะ บอกเลยว่า ดิฉันก็รักในความเป็นเขาเช่นกัน เขาไม่ใช่คนหล่อ แต่ดิฉันสัมผัสได้ถึงความเป็นคนดี จริงใจ และห่วงใยดิฉันอย่างแท้จริง
ดิฉันไม่เคยโทรหาเขาก่อน เพราะรู้ว่าเขามีครอบครัว เวลาที่สะดวกคุย เขาจะเป็นฝ่ายโทรมาหรือไลน์มา และเราจะพูดความจริงต่อกันเสมอ แม้แต่เรื่องภรรยาเรื่องลูกของเขา เราก็เล่าสู่กันฟัง เขายังเหมือนเดิมกับครอบครัวทุกอย่าง นอกเหนือจากเวลาครอบครัวแล้วเท่านั้น ที่เขาจะคิดถึงดิฉัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากให้เป็นแบบนั้น เราเข้าใจกันดีถึงสถานะปัจจุบันของเรา และไม่ได้อยากให้เปลี่ยนแปลงไป
ตอนนี้ เราคุยกันแบบแฟนค่ะ เรารักกันผ่านการคุยโทรศัพท์และแชทไลน์ เราเคยเจอกัน แค่สองครั้ง แต่คุยกันทุกวันมาตลอดระยะเวลาสามเดือน ความรู้สึก ณ ตอนนี้คือเราอยากเจอกันมาก คิดถึงกัน และฝันจะมีวันคืนดีๆด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
ดิฉันไม่ได้อยากให้เขาเลิกกับภรรยา และเคยบอกเขาว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดภรรยาเขาทราบเรื่องขึ้นมา ก็ให้เลือกภรรยา ไม่ต้องเลือกดิฉัน ไม่ได้ทำตัวเป็นคนดี แต่คิดและตั้งใจไว้แบบนี้จริงๆ ดิฉันขอแค่ ได้มีโอกาสเจอกับเขาบ้างแล้วได้คุยกันแบบนี้ทุกวันก็พอใจ เพราะระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงเอยกัน ครอบครัว เพื่อนฝูงดิฉันเองคงไม่ยอมรับ ให้ดิฉันไปเป็นกิ๊ก หรือเมียน้อยใคร ส่วนเขาเอง ก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาตลอด ดิฉันไม่อยากทำลายครอบครัวใครค่ะ แต่ความรัก ความรู้สึก มันห้ามยากเหลือเกิน
เราทั้งคู่ กำลังจะได้เจอกันค่ะ เขามาทำธุระที่ กทม. สามเดือนที่คุยกันมา เราเคยมีเซ็กส์ ผ่านการแชทไลน์มาแล้ว มาคราวนี้เราอยากมีอะไรด้วยกันจริงๆ ค่ะ ความรัก ความคิดถึงมันมากมายจริงๆ
แต่ตอนนี้ ความรู้สึกผิด ชอบ ชั่วดี กำลังเกิดกับดิฉัน ยอมรับว่าที่ผ่านมา อยากเจอเขามาก อยากใกล้ชิด อยากให้เขามาหา แต่พอถึงเวลาเขาจะมาจริงๆ ดิฉันกลับสองจิต สองใจ เหมือนมีมารขาวกับมารดำ มาอยู่ในร่างเดียว และกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง ดิฉันเริ่มกลัวความผูกพัน ความสัมพันธ์ทางกายที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ ดิฉันถามเขาว่า มีคำตอบสำหรับปลายทางของเราหรือยัง เขาบอกว่า ไม่มี ให้มันถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้เขารู้แต่ รักและคิดถึง อยากเจอดิฉันมากที่สุด
ดิฉันทำผิดมากไหม และควรทำยังไงกับชีวิตรักครั้งนี้ดีคะ ไปต่อแบบรู้กันอยู่สองคน หรือตัดใจเลิกราเสียตั้งแต่ยังไม่มีอะไรกันดี สับสนและทรมานใจ หาทางไปไม่เป็นจริงๆค่ะ
จะไปทางไหนดี?
เมื่อต้นปีนี้ ได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 47 ปี แต่งงานมีครอบครัวแล้ว และยังอยู่กับภรรยาอายุเท่ากันเป็นปกติ เขาเปิดกิจการค้าขายเสริม แต่รับราชการเป็นงานประจำ ทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 20 กว่าแล้ว ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ฐานะดี และมีการงานมั่นคงเช่นกัน
เราอยู่กันคนละจังหวัดค่ะ ดิฉันอยู่ กทม. เขาอยู่ห่างไปประมาณสามร้อยกว่ากิโลเมตร
เราติดต่อ พูดคุยกันทางไลน์ค่ะ เริ่มจากคุยธรรมดา ทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกเช้า ต่อมาก็เพิ่มเป็น ทุกเช้าเย็น เราคุยกันมากมาย ผลัดกันเล่าเรื่องของกันและกันให้ฟัง จนสนิทสนม ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เราพัฒนาขึ้นมากค่ะ เขาเสมอต้นเสมอปลายมาก ทุกเช้าจะไลน์มาปลุก ถึงที่ทำงานจะโทรมาคุยก่อนเริ่มงาน รายงานว่าวันนี้จะทำอะไร ไปไหนบ้าง เที่ยงหรือบ่ายโมง จะไลน์หรือโทรมาคุย เย็นก็จะถามถึงบ้านหรือยัง ไปไหนหรือเปล่า กลางคืนก็กล่อมนอนทุกคืน
เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ค่ะ เรียนจบก็แต่งงานแล้วมีลูกเลย กับภรรยา เขาเล่าว่า ไม่มีอะไรกันมาเป็นสิบปีแล้ว อยู่กันแบบเพื่อนและเป็นเพื่อนกัน จริงๆตั้งแต่สมัยเรียน ภรรยาเขาท้องนอกมดลูก หลังจากมีลูกคนแรก จากการรักษา ทำให้หมดอารมณ์ทางเพศ และด้วยวัยขนาดนี้ ชอบเข้าวัดและไม่ สนใจเรื่องเพศสัมพันธ์แล้วค่ะ เขาอยู่และดูแลกันแบบเพื่อนสนิท ที่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ก้าวก่ายหรือยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวกัน
ดิฉัน เคยถามเขาว่า แล้วเขาทนได้ยังไง ยังไม่ได้แก่ขนาดงดเรื่องแบบนี้ได้ เขาบอกว่าก็อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ลืมๆ ไปเอง เขาทำงานเป็นนักวิชาการ ไม่เคยคิดวอกแวกกับผู้หญิงคนไหนด้วย ดิฉันเป็นคนแรกที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคุยโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ ไม่เคยแชทไลน์กับผู้หญิงที่ไหน วันๆ ไม่เคยถือโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่ายมาก ทำงาน ดูแลร้าน ดูแลรับส่งภรรยา ส่งเสียลูก เป็นครอบครัวที่เรียบง่าย และมีความสุขตามอัตภาพค่ะ
เขาชอบดิฉัน ทั้งที่ตอนแรกเห็น ไม่ได้รู้สึกอะไร ออกจะไม่ชอบผู้หญิงสไตล์ดิฉันด้วยซ้ำ ผมสั้น แต่งตัวเปรี้ยว มั่นใจตัวเองสูง เขาชอบผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ แต่เขาคุยกับดิฉันถูกคอมาก เขาบอกว่ายิ่งคุย ยิ่งถูกชะตา ถูกใจในความคิด ทัศนคติ และมีความสุข เขาบอกว่าดิฉันเข้ามาชุบชีวิตที่ตายแล้วของเขา ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งที่เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ขี้อาย เรียบร้อย แต่ตั้งแต่รู้จักดิฉัน ชีวิตเขาเปลี่ยนเลย สามารถคุยโทรศัพท์เป็นชั่วโมงได้ เราคุยกันทุกเรืองค่ะ ดิฉันเล่าให้เขาฟังหมดเรื่องชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่มีปิดบัง เขาก็เช่นกัน เราเปิดใจให้กันค่ะ บอกเลยว่า ดิฉันก็รักในความเป็นเขาเช่นกัน เขาไม่ใช่คนหล่อ แต่ดิฉันสัมผัสได้ถึงความเป็นคนดี จริงใจ และห่วงใยดิฉันอย่างแท้จริง
ดิฉันไม่เคยโทรหาเขาก่อน เพราะรู้ว่าเขามีครอบครัว เวลาที่สะดวกคุย เขาจะเป็นฝ่ายโทรมาหรือไลน์มา และเราจะพูดความจริงต่อกันเสมอ แม้แต่เรื่องภรรยาเรื่องลูกของเขา เราก็เล่าสู่กันฟัง เขายังเหมือนเดิมกับครอบครัวทุกอย่าง นอกเหนือจากเวลาครอบครัวแล้วเท่านั้น ที่เขาจะคิดถึงดิฉัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากให้เป็นแบบนั้น เราเข้าใจกันดีถึงสถานะปัจจุบันของเรา และไม่ได้อยากให้เปลี่ยนแปลงไป
ตอนนี้ เราคุยกันแบบแฟนค่ะ เรารักกันผ่านการคุยโทรศัพท์และแชทไลน์ เราเคยเจอกัน แค่สองครั้ง แต่คุยกันทุกวันมาตลอดระยะเวลาสามเดือน ความรู้สึก ณ ตอนนี้คือเราอยากเจอกันมาก คิดถึงกัน และฝันจะมีวันคืนดีๆด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
ดิฉันไม่ได้อยากให้เขาเลิกกับภรรยา และเคยบอกเขาว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดภรรยาเขาทราบเรื่องขึ้นมา ก็ให้เลือกภรรยา ไม่ต้องเลือกดิฉัน ไม่ได้ทำตัวเป็นคนดี แต่คิดและตั้งใจไว้แบบนี้จริงๆ ดิฉันขอแค่ ได้มีโอกาสเจอกับเขาบ้างแล้วได้คุยกันแบบนี้ทุกวันก็พอใจ เพราะระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงเอยกัน ครอบครัว เพื่อนฝูงดิฉันเองคงไม่ยอมรับ ให้ดิฉันไปเป็นกิ๊ก หรือเมียน้อยใคร ส่วนเขาเอง ก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาตลอด ดิฉันไม่อยากทำลายครอบครัวใครค่ะ แต่ความรัก ความรู้สึก มันห้ามยากเหลือเกิน
เราทั้งคู่ กำลังจะได้เจอกันค่ะ เขามาทำธุระที่ กทม. สามเดือนที่คุยกันมา เราเคยมีเซ็กส์ ผ่านการแชทไลน์มาแล้ว มาคราวนี้เราอยากมีอะไรด้วยกันจริงๆ ค่ะ ความรัก ความคิดถึงมันมากมายจริงๆ
แต่ตอนนี้ ความรู้สึกผิด ชอบ ชั่วดี กำลังเกิดกับดิฉัน ยอมรับว่าที่ผ่านมา อยากเจอเขามาก อยากใกล้ชิด อยากให้เขามาหา แต่พอถึงเวลาเขาจะมาจริงๆ ดิฉันกลับสองจิต สองใจ เหมือนมีมารขาวกับมารดำ มาอยู่ในร่างเดียว และกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง ดิฉันเริ่มกลัวความผูกพัน ความสัมพันธ์ทางกายที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ ดิฉันถามเขาว่า มีคำตอบสำหรับปลายทางของเราหรือยัง เขาบอกว่า ไม่มี ให้มันถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้เขารู้แต่ รักและคิดถึง อยากเจอดิฉันมากที่สุด
ดิฉันทำผิดมากไหม และควรทำยังไงกับชีวิตรักครั้งนี้ดีคะ ไปต่อแบบรู้กันอยู่สองคน หรือตัดใจเลิกราเสียตั้งแต่ยังไม่มีอะไรกันดี สับสนและทรมานใจ หาทางไปไม่เป็นจริงๆค่ะ