เล็งขยายอายุเกษียณราชการ 65 - 70 ปี
กพ.ผนึกคลังศึกษาแนวทาง หวังอุดปัญหารัฐสร้างคนไม่ทัน -ช่วยประหยัดงบจ่ายบำเหน็จบำนาญ
กพ.ผนึกคลังศึกษาแนวทางขยายเกษียณอายุราชการเป็น 65-70 ปี ชี้อายุเฉลี่ยคนไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่
รัฐหวังอุดปัญหาสร้างคนไม่ทันพร้อมช่วยรัฐประหยัดงบจ่ายบำเหน็จบำนาญ
นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงานกพ.
อยู่ระหว่างศึกษาเรื่องของการขยายการเกษียณอายุราชการ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบัน พบว่า งบกลางที่ใช้จ่ายมากที่สุด
คือ งบประมาณที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ของข้าราชการที่เกษียณอายุ
จากข้อมูลของสำนักงบประมาณพบว่า ปีงบประมาณ 2557 มีวงเงินนำไปใช้จ่ายเป็นเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ของข้าราชการ
จำนวน 132,277 ล้านบาท จากงบกลางทั้งหมด 345,459 ล้านบาท
นายนนทิกร กล่าวว่า การขยายการเกษียณอายุราชการ จะต่างจากการต่ออายุราชการ ที่มีอยู่ในระเบียบข้าราชการพลเรือน
พศ. 2551 ในมาตรา 108 คือ การต่ออายุราชการจะต่อให้กับข้าราชการในตำแหน่งบางสายงาน หรือให้ข้าราชการบางคนที่ราชการ
ต้องการ ซึ่งในมาตราดังกล่าวมุ่งไปที่เรื่องการขาดแคลนคนที่คุณภาพในบางสายงาน หรือสายงานเหล่านั้นสร้างคนไม่ทัน
โดยที่ผ่านมามีการต่ออายุแล้ว เช่น สายงานแพทย์ สายงานนักกฎหมาย เช่น กฤษฎีกา สายงานด้านศิลปิน เป็นต้น
สำหรับการขยายการเกษียณอายุราชการ คือ การขยายทั้งระบบ จากเกษียณที่อายุ 60 ปี ก็จะเกษียณที่อายุ 65 หรือ 70 ปี
ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวเกิดจากปัจจุบันคนอายุยืนขึ้นกว่าสมัยก่อนที่พบว่า คนมีอายุเฉลี่ยเพียง 52 ปี เท่านั้น แต่ปัจจุบันอายุเฉลี่ย
ของคนเกือบ 80 ปี ขณะที่อายุเกษียณยังอยู่ที่ 60 ปี เหมือนเดิม ซึ่งจากแนวคิดที่ว่า ถ้าคนที่อายุเลย 60 ปี แล้วยังมีกำลังในการทำงาน
สร้างผลผลิต แต่ให้หยุดการทำงาน หรือเกษียณอายุราชการไปก็เป็นการสูญเสียทรัพยากร
ขณะเดียวกัน ถ้าเราไม่ให้คนกลุ่มนี้ทำงาน แต่รับเงินบำนาญจากภาครัฐ นั่นเท่ากับว่ารัฐต้องจ่ายเงิน 2 ทาง คือ ต้องจ่ายทั้งบำเหน็จ
บำนาญ และจ่ายในการจ้างคนใหม่ มาทดแทน แต่ปัญหาที่ตามมา หากนำแนวคิดการขยายการเกษียณอายุราชการมาใช้ คือ
จะทำให้ไม่มีตำแหน่งงานว่างให้กับเด็กจบใหม่ ประกอบกับสภาวะการเจริญเติบโตของประชากรของโลกมีอัตราที่ลดลง ในส่วนของ
ประเทศไทยพบว่า มีคนเกิดน้อยลง คนแก่อยู่นานขึ้น และตายช้าลง
นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อมูลของอัตราพึ่งพาซึ่งในสมัยหนึ่ง เรามีสัดส่วน 4 : 1 คน คือ คนมีงานทำ 4 คน สามารถเลี้ยงคนชรา
หรือไม่มีงานทำ 1 คน แต่ต่อไปอนาคตอันใกล้นี้หรือประมาณ 10 ปีข้างหน้า อัตราพึ่งพา จะลดลงเหลือ 2 : 1 คือคนมีงานทำ 2 คน
สามารถเลี้ยงคนชรา หรือไม่มีงานทำ 1 คน ดังนั้นถ้าเราไม่วิเคราะห์เรื่องนี้ให้ดีอาจเกิดปัญหาตามมาได้
เลขาธิการกพ. ยังกล่าวอีกว่า การที่ประชากรโลกลดลง หมายความว่า บริการของรัฐหลายอย่างที่จะลดภาระลงด้วย
แต่ขณะเดียวกันกำลังในแง่ที่เป็นแรงงานในวัยต่างๆ ก็จะขาดตอน โดยเฉพาะในภาครัฐขณะนี้กำลังประสบปัญหาการสร้างคนไม่ทัน
ดังนั้นจึงต้องมีการหาจุดสมดุล เพราะจากตัวสถิติขณะนี้ อัตราการเกิดของคนในฐานะปานกลางขึ้นไปกลับน้อยลดน้อยลง
ในขณะที่มีคนที่มีรายได้ต่ำ อยู่ในระดับที่สูงกว่า
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในส่วนของไทย เท่าที่การประเมินทราบว่า สูงสุดจะมีประชากรไม่เกินประมาณ 67 ล้านคนจากนั้นจะค่อยๆ
ลดลงเหลือ 62-63 ล้านคน
"ดังนั้นในแนวคิดดังกล่าว จึงน่าเป็นการใช้คนให้คุ้มประโยชน์กว่าเดิม และน่าจะดูในเรื่องของการประหยัดงบประมาณ
เพราะการขยายอายุเกษียณในหลายประเทศ เช่น ประเทศแถบยุโรป ก็มีการขยายอายุเกษียณราชการ เพราะไม่มีเงินในการจ่าย
บำเหน็จบำนาญ ในส่วนของไทยเองก็กำลังจะอยู่ในสภาวะดังกล่าว ดังนั้น ทางสำนักงานกพ.จึงเริ่มศึกษาเรื่องนี้" เลขาธิการกพ.กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
http://www.kroothaiban.com/news-id3003.html
++++ กพ. เล็งขยายอายุเกษียณของข้าราชการเป็น 65 - 70 ปี!!! ++++
กพ.ผนึกคลังศึกษาแนวทาง หวังอุดปัญหารัฐสร้างคนไม่ทัน -ช่วยประหยัดงบจ่ายบำเหน็จบำนาญ
กพ.ผนึกคลังศึกษาแนวทางขยายเกษียณอายุราชการเป็น 65-70 ปี ชี้อายุเฉลี่ยคนไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่
รัฐหวังอุดปัญหาสร้างคนไม่ทันพร้อมช่วยรัฐประหยัดงบจ่ายบำเหน็จบำนาญ
นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงานกพ.
อยู่ระหว่างศึกษาเรื่องของการขยายการเกษียณอายุราชการ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบัน พบว่า งบกลางที่ใช้จ่ายมากที่สุด
คือ งบประมาณที่รัฐบาลต้องจ่ายให้กับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ของข้าราชการที่เกษียณอายุ
จากข้อมูลของสำนักงบประมาณพบว่า ปีงบประมาณ 2557 มีวงเงินนำไปใช้จ่ายเป็นเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ของข้าราชการ
จำนวน 132,277 ล้านบาท จากงบกลางทั้งหมด 345,459 ล้านบาท
นายนนทิกร กล่าวว่า การขยายการเกษียณอายุราชการ จะต่างจากการต่ออายุราชการ ที่มีอยู่ในระเบียบข้าราชการพลเรือน
พศ. 2551 ในมาตรา 108 คือ การต่ออายุราชการจะต่อให้กับข้าราชการในตำแหน่งบางสายงาน หรือให้ข้าราชการบางคนที่ราชการ
ต้องการ ซึ่งในมาตราดังกล่าวมุ่งไปที่เรื่องการขาดแคลนคนที่คุณภาพในบางสายงาน หรือสายงานเหล่านั้นสร้างคนไม่ทัน
โดยที่ผ่านมามีการต่ออายุแล้ว เช่น สายงานแพทย์ สายงานนักกฎหมาย เช่น กฤษฎีกา สายงานด้านศิลปิน เป็นต้น
สำหรับการขยายการเกษียณอายุราชการ คือ การขยายทั้งระบบ จากเกษียณที่อายุ 60 ปี ก็จะเกษียณที่อายุ 65 หรือ 70 ปี
ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวเกิดจากปัจจุบันคนอายุยืนขึ้นกว่าสมัยก่อนที่พบว่า คนมีอายุเฉลี่ยเพียง 52 ปี เท่านั้น แต่ปัจจุบันอายุเฉลี่ย
ของคนเกือบ 80 ปี ขณะที่อายุเกษียณยังอยู่ที่ 60 ปี เหมือนเดิม ซึ่งจากแนวคิดที่ว่า ถ้าคนที่อายุเลย 60 ปี แล้วยังมีกำลังในการทำงาน
สร้างผลผลิต แต่ให้หยุดการทำงาน หรือเกษียณอายุราชการไปก็เป็นการสูญเสียทรัพยากร
ขณะเดียวกัน ถ้าเราไม่ให้คนกลุ่มนี้ทำงาน แต่รับเงินบำนาญจากภาครัฐ นั่นเท่ากับว่ารัฐต้องจ่ายเงิน 2 ทาง คือ ต้องจ่ายทั้งบำเหน็จ
บำนาญ และจ่ายในการจ้างคนใหม่ มาทดแทน แต่ปัญหาที่ตามมา หากนำแนวคิดการขยายการเกษียณอายุราชการมาใช้ คือ
จะทำให้ไม่มีตำแหน่งงานว่างให้กับเด็กจบใหม่ ประกอบกับสภาวะการเจริญเติบโตของประชากรของโลกมีอัตราที่ลดลง ในส่วนของ
ประเทศไทยพบว่า มีคนเกิดน้อยลง คนแก่อยู่นานขึ้น และตายช้าลง
นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อมูลของอัตราพึ่งพาซึ่งในสมัยหนึ่ง เรามีสัดส่วน 4 : 1 คน คือ คนมีงานทำ 4 คน สามารถเลี้ยงคนชรา
หรือไม่มีงานทำ 1 คน แต่ต่อไปอนาคตอันใกล้นี้หรือประมาณ 10 ปีข้างหน้า อัตราพึ่งพา จะลดลงเหลือ 2 : 1 คือคนมีงานทำ 2 คน
สามารถเลี้ยงคนชรา หรือไม่มีงานทำ 1 คน ดังนั้นถ้าเราไม่วิเคราะห์เรื่องนี้ให้ดีอาจเกิดปัญหาตามมาได้
เลขาธิการกพ. ยังกล่าวอีกว่า การที่ประชากรโลกลดลง หมายความว่า บริการของรัฐหลายอย่างที่จะลดภาระลงด้วย
แต่ขณะเดียวกันกำลังในแง่ที่เป็นแรงงานในวัยต่างๆ ก็จะขาดตอน โดยเฉพาะในภาครัฐขณะนี้กำลังประสบปัญหาการสร้างคนไม่ทัน
ดังนั้นจึงต้องมีการหาจุดสมดุล เพราะจากตัวสถิติขณะนี้ อัตราการเกิดของคนในฐานะปานกลางขึ้นไปกลับน้อยลดน้อยลง
ในขณะที่มีคนที่มีรายได้ต่ำ อยู่ในระดับที่สูงกว่า
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในส่วนของไทย เท่าที่การประเมินทราบว่า สูงสุดจะมีประชากรไม่เกินประมาณ 67 ล้านคนจากนั้นจะค่อยๆ
ลดลงเหลือ 62-63 ล้านคน
"ดังนั้นในแนวคิดดังกล่าว จึงน่าเป็นการใช้คนให้คุ้มประโยชน์กว่าเดิม และน่าจะดูในเรื่องของการประหยัดงบประมาณ
เพราะการขยายอายุเกษียณในหลายประเทศ เช่น ประเทศแถบยุโรป ก็มีการขยายอายุเกษียณราชการ เพราะไม่มีเงินในการจ่าย
บำเหน็จบำนาญ ในส่วนของไทยเองก็กำลังจะอยู่ในสภาวะดังกล่าว ดังนั้น ทางสำนักงานกพ.จึงเริ่มศึกษาเรื่องนี้" เลขาธิการกพ.กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
http://www.kroothaiban.com/news-id3003.html