>>>บทความนี้จขกท.อ่านเจอแล้วชอบเลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน ถ้าซ้ำหรือมีคนเคยนำมาตั้งกระทู้แล้วต้องขอภัยนะคะ<<<
บทเรียนหลังพวงมาลัยรถยนต์( By คุณวินทร์ เลียววาริณ)
รถยนต์คันแรกในชีวิตของผมเป็นรถมือสองเก่าคันจิ๋ว ขนาดแค่ 900 ซีซี. ค่อนดึกคืนหนึ่งขณะขับพาหนะคันนั้นด้วยความเร็วปานกลางไปตามถนนว่างสายหนึ่งนอกเมือง ได้ยินเสียงโครมจากท้ายรถพร้อมกับแรงสะเทือนทั้งคัน เสี้ยวนาทีถัดมาพบว่ารถยนต์กำลังหมุนคว้างกลางถนนควบคุมไม่ได้ ปรากฏแรงปะทะกันครั้งหนึ่ง แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท รถยนต์จอดแน่นิ่ง จึงรู้ว่าเพิ่งถูกรถกระบะคันหนึ่งชนท้าย เนื่องจากเป็นรถเล็ก มันจึงปลิวไปตามแรงนั้น โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
บทเรียนนั้นสอนว่า การขับรถที่ดีมิใช่การไม่ชนรถคันอื่น แต่คือการไม่ถูกรถคันอื่นชน!
นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุครั้งแรกของผม ถอยหลังไปหลายปีก่อนหน้านั้น ขณะเดินทางด้วยเก๋งบนทางหลวงขาวโพลนด้วยหิมะในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกาปลายเดือนธันวาคม จู่ๆ รถก็เสียหลักไถลไปตามถนนที่คลุมด้วยน้ำแข็งซึ่งลื่นเหมือนลานสเกต ควบคุมรถไม่ได้โดยสิ้นเชิง ในที่สุดรถก็ชนบางอย่างที่ขอบทาง จอดตายแน่นิ่งกลางถนนและลมหนาว โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นวิ่งมาจูบ
บทเรียนนั้นสอนว่า ถนนว่างไม่ได้แปลว่าไม่มีอันตราย
หลังจากอุบัติเหตุรถจิ๋ว มันก็มีอาการทรุดกับทรง คนขับรถชนไม่ได้รับผิดชอบอะไรนอกจากเอ่ยคำขอโทษ ผมขายรถจิ๋วไปในที่สุด ในอาทิตย์สุดท้ายที่อยู่กับมัน ประกันภัยรถยนต์หมดอายุพอดี เนื่องจากเหลืออีกสามสี่วันก็ถึงวันนัดขายรถแล้ว จึงไม่ต่อประกัน วันหนึ่งอยู่ดีๆ รถตุ๊กตุ๊กคันหนึ่งก็เสยเข้ามาชนโครมเข้าให้ คนขับรถลงจากรถมายกมือไหว้ปลกๆ ขอโทษที่ชนและบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม
บทเรียนนั้นสอนว่า ค่าซ่อมรถมักสูงกว่าค่าประกัน! และถ้ามีโอกาสเกิดเรื่องร้ายขึ้น มันจะเกิดขึ้น! (Murphy’s Law)
ผ่านการผลัดเปลี่ยนรถอีกสามคัน ผมลงเอยที่รถใหม่เครื่องยนต์ใหญ่เป็นสองเท่าของรถจิ๋ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับรถใหม่ก็จบด้วยการหย่าร้างกะทันหัน ผมตื่นเช้าวันหนึ่งพบว่าหน้าบ้านว่างเปล่า กวาดตามองซ้ายขวาครู่ใหญ่ด้วยความงุนงง ค่อยจดจำได้ว่าที่ว่างนั้นปกติเป็นที่จอดรถของผม บางขณะในคืนก่อนนั้นใครบางคนถือวิสาสะพรากรถยนต์ไปจากผมเสียแล้ว
บทเรียนนั้นสอนว่า อย่าประมาท สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ การสูญเสียรถใหม่ไปกับโจรกรรมเป็นความรู้สึกชอกช้ำเอาการ แต่เราก็ต้องทำใจ
ผ่านมาอีกหลายคัน ผมได้รถใหม่อีกคัน ทว่าในวันแรกนั้นผมก็เสยรถใหม่เอี่ยมกับเสาต้นหนึ่ง เป็นความรู้สึกแย่เอาการที่ขับรถวันแรกก็ประสบอุบัติเหตุ เจ้าของอู่บอกว่าจากประสบการณ์ เขาเห็นกรณีมากมายที่ขับรถใหม่แล้วเกิดอุบัติเหตุในวันแรก ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคนขับไม่เคยชินกับระบบใหม่
เจ้าของอู่บอกว่า “โชคดีนะครับที่ชนแค่เสา ไม่ไปชนใครเข้า” เป็นจิตวิทยาปลอบคนที่ดี และมันก็เป็นทัศนคติที่ดีเช่นกัน
บทเรียนนั้นสอนว่า จงรู้จักปล่อยวาง อย่ายึดติดกับวัตถุจนกลายเป็นการยึดติดทางจิตใจ
คนไม่น้อยในโลก ‘รักรถมากกว่าเมีย’ เมื่อรถถูกเฉี่ยวมีรอยถลอกเล็กๆ ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โกรธคนนั้นคนนี้ สาปฟ้าด่าดิน
แต่มีรถที่ไหนไม่เคยถูกเฉี่ยวชน?
ลองมองรถยนต์เป็นรองเท้าคู่หนึ่งที่นำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทาง รองเท้าย่อมต้องสกปรก พื้นหลุด ตะเข็บฉีก เสื่อมโทรมชำรุดเป็นธรรมชาติของมัน เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็ต้องลาจากรองเท้าคู่นั้นไป เพราะคนกับรองเท้าอายุยืนไม่เท่ากัน
คนกับรถยนต์ คนกับหมาก็เช่นกัน คนที่เลี้ยงหมาย่อมเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี เมื่อถึงเวลาลาจาก ก็เอ่ยคำอำลา แล้วใช้ชีวิตต่อไป
มองแบบนี้ก็จะไม่เป็นทุกข์ร้อนเพราะรถยนต์นัก ไม่ว่าการลาจากจะเกิดจากอุบัติเหตุ การถูกกระทำ การชำรุด กระทั่งการพบรักใหม่กับรถคันใหม่!
มองแบบนี้ก็จะไม่เป็นทุกข์ร้อนเพราะวัตถุนอกกายนัก เพราะยังมีวัตถุสิ่งของอีกมากมายที่เข้าข่ายนี้
มองดูแล้วจะเห็นว่ารถยนต์ก็ไม่ต่างกับชีวิต และการใช้ชีวิตก็เหมือนการขับรถยนต์ บางครั้งหนทางมีอุปสรรค บางครั้งเกิดอุบัติเหตุ บางครั้งอยู่ดีๆ คนอื่นก็ทำร้ายจิตใจเรา แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้เกียร์เดินหน้า
คนฉลาดจึงต้องรู้จักประกันภัยชีวิตโดยเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น สะสมความรู้ปัญญารับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และประกันภัยชีวิตด้วยกรมธรรม์ที่ดีที่สุดก็คือปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า - “อย่าประมาท”
เราแชร์ระยะทางช่วงหนึ่งกับรถยนต์คันหนึ่ง แต่เราต้องอยู่กับชีวิตของเราไปจนวันตาย มันเป็นเงาของเรา เราจึงควรอยู่กับชีวิตเราให้ดีที่สุด เปี่ยมค่าที่สุด
เพราะมันเป็นการเดินทางเที่ยวเดียว
และเพราะชีวิตไม่ย้อนกลับ
บทเรียนจากรถยนต์
- การขับรถกลางหมอกอันตรายเพราะทัศนวิสัยลดลงกว่าครึ่ง ไฟตัดหมอกแห่งชีวิตที่ดีที่สุดคือสติ
- ไม่ดูแลเครื่องยนต์สม่ำเสมอ รถอาจตายกลางทางได้ คนที่ไม่สำรวจความสามารถ ความรู้ ทักษะของตัวเองเป็นระยะๆ อาจพบด้วยความขมขื่นว่าต้องตกงานในวัยกลางคน เราจึงควรรู้จักตัวเอง ประเมินตัวเอง และเรียนรู้ตลอดเวลา
- ลมยางน้อยไปทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น ทรงตัวไม่ดี ลมยางมากเกินไปทำให้รถกระดอนไม่ปลอดภัย ช่วงล่างพังเร็ว คนเราต้องการจิตใจที่ไม่อ่อนแอปวกเปียกไม่สู้ชีวิต แต่ก็ไม่แข็งกระด้างไร้เมตตา รักษาความอ่อนโยนมีความรัก ความเมตตา และความเข้มแข็งหนักแน่นที่สามารถรองรับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะหนักหน่วงแค่ไหน
- ไม่ดูแลหัวเทียนเลย อาจจุดเครื่องยนต์ไม่ติด เกิดเป็นคนต้องเติมไฟสร้างสรรค์ใส่ตัวเสมอ พร้อมให้จุดติดได้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจล้าหลังเพราะพาหนะแห่งชีวิตไม่ยอมเคลื่อน เติมไฟให้ตัวเอง เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ กล้าเปลี่ยนแปลง สร้างความกระตือรือล้น กระฉับกระเฉง ไม่เฉื่อยชา
- น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนโลหิตที่หล่อเลี้ยงร่างกาย ทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทั้งระบบ ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อน ชะล้างสิ่งสกปรก ป้องกันความสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ การไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเลยอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ การเติมทัศนคติใหม่ๆ การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การเปลี่ยนมุมมอง ต่างๆ เหล่านี้ทำให้อาชีพการงานและการใช้ชีวิตเดินหน้าโดยไม่สะดุด
- ปล่อยให้น้ำกลั่นเหือดแห้ง แบ็ตเตอรีอาจดับโดยไม่เตือนล่วงหน้า เติมน้ำดีเข้าไปในใจเสมอเพื่อให้แบ็ตเตอรีแห่งใจสดชื่นเสมอ คิดดี ทำดี
- ปล่อยให้น้ำฉีดกระจกรถพร่องหรือแห้งกรังทำให้ล้างกระจกไม่ได้ เป็นอันตรายต่อการขับขี่อย่างยิ่ง คนฉลาดจึง ‘ล้างตา’ ให้สว่างเสมอเพื่อให้มองเห็นทางชีวิตชัดเจนทุกช่วง น้ำยาล้างตาที่ดีคือความรู้ใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ
- ไม่เติมน้ำมันให้พอ รถอาจจอดตายกลางถนน เพราะปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดก็อาจไกลเกินไป ตรวจสอบเชื้อเพลิงของตัวเองสม่ำเสมอ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ รักษาสุขภาพทั้งกายและใจให้ดีพร้อม
- ทัศนวิสัยในการขับรถกลางคืนลดลงกว่าตอนกลางวันมาก โดยเฉพาะสำหรับคนสูงอายุที่สายตาเสื่อมลง บางครั้งเราต้องฟันฝ่าอุปสรรคในช่วงที่ชีวิตตกต่ำดำมืด เพราะไม่ใช่ถนนทุกสายมีไฟส่องทาง ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความระมัดระวังโดยใช้สติเป็นไฟนำทาง
- การขับรถในที่ปลอดภัยมักทำให้ประมาท เพราะมองไม่เห็นอันตราย การใช้ชีวิตที่ดูจะสมบูรณ์พูนสุขอาจประสบ ‘อุบัติเหตุ’ ได้ เพราะปัจจัยภายนอกอาจเข้ามากระทบโดยไม่เตือนล่วงหน้า จึงต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
- โช้คอัพช่วยรองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ ในชีวิตเราต้องเจอเรื่องไม่ดีที่สั่นสะเทือนใจ จึงต้องรักษาโช้คอัพแห่งชีวิตให้เข้มแข็ง รับเรื่องดีได้อย่างไม่เหลิง รับเรื่องร้ายได้โดยไม่สะเทือนมาก โช้คอัพที่ดีที่สุดคือสติและปัญญา
- ขับรถโดยไม่มองกระจกหลัง อาจเกิดอุบัติเหตุ ขับรถโดยมองแต่กระจกหน้าก็อาจเป็นอันตราย ใช้ชีวิตโดยมองไปข้างหน้า แต่ก็มองบทเรียนที่ผ่านมา
- มีล้อรถสำรองเสมอ และเติมลมยางล้อสำรองด้วย ดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาท มีแผนสองไว้เสมอ และถึงมีล้อสำรอง แต่ไม่มีเครื่องมือเปลี่ยนล้อ ก็คือไม่มีล้อสำรอง! ทำงานโดยไม่วางแผนอาจไปช้าหรือสะดุด หรือล้มเหลวได้
- รถสีซีด มีรอยขีดข่วนหรือรอยบุบก็ยังวิ่งได้ เพราะหัวใจของรถคือเครื่องยนต์ ไม่ใช่รูปโฉมภายนอก คนก็เช่นกัน มันสมองสำคัญกว่าหน้าตา หน้าตาอาจช่วยให้ได้งาน ทว่ามีแต่สมองที่จะรักษามันได้
- ราคารถร่วงตกหลังใช้แล้ว แต่รถคลาสสิกเป็นที่ต้องการเสมอ เช่นเดียวกับคนที่กรำประสบการณ์
- ยี่ห้อรถไม่ช่วยให้รถปลอดภัย คนขับและวิธีขับต่างหากที่กำหนดความปลอดภัย เกิดในตระกูลใหญ่โต มรดกมากมาย ถ้าไม่รู้จักขวนขวายหาความรู้ ไม่รู้จักคิด ชีวิตก็ดิ่งลงเหวได้
- เครื่องประดับตกแต่งรถเพื่อความสวยงามหรือเท่ไม่ช่วยให้รถแล่นเร็วขึ้น หรือทนทานขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมหรือรูปลักษณ์ภายนอกไม่แก้ปัญหาได้ สมองและปัญญาต่างหาก
- ระบบเบรกรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการชน ความรู้ดีรู้ชั่วช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตรายของอบายมุข เพื่อนไม่ดี สิ่งแวดล้อมเลว
- การจูนเครื่องยนต์ทำให้รถแรงขึ้นได้ฉันใด การเพิ่มความรู้และทักษะพิเศษก็ทำให้เราฉลาดขึ้น มีโอกาสในชีวิตมากขึ้นฉันนั้น
- จอดรถใต้ที่ร่มทำให้รถไม่ร้อน ไม่เปลืองแอร์ฯ และอายุยาวนานกว่า ใช้ชีวิตในร่มเงาธรรมทำให้จิตไม่ร้อนรุ่ม
- รถเก่าราคาถูกที่ดูแลดีอาจไปได้ไกลกว่าหรือทนกว่ารถใหม่ราคาแพงที่ไม่ดูแลรักษาเลย ร่างกายไม่แข็งแรง แต่รู้จักดูแลตัวเอง ก็อยู่ได้นาน เกิดมาไม่ฉลาดแต่ขยันขันแข็ง ก็ไปถึงที่หมายได้
- รถที่บรรทุกของหนักมากไปทำให้ทุกระบบเสื่อมลง รถเก่าเร็วขึ้น มนุษย์ต่อให้แข็งแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจรับความกดดันต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนคลาย อย่าแบกโลกไว้ รู้จักปล่อยวางบ้าง
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
13 กรกฎาคม 2556
บทเรียนหลังพวงมาลัยรถยนต์
บทเรียนหลังพวงมาลัยรถยนต์( By คุณวินทร์ เลียววาริณ)
รถยนต์คันแรกในชีวิตของผมเป็นรถมือสองเก่าคันจิ๋ว ขนาดแค่ 900 ซีซี. ค่อนดึกคืนหนึ่งขณะขับพาหนะคันนั้นด้วยความเร็วปานกลางไปตามถนนว่างสายหนึ่งนอกเมือง ได้ยินเสียงโครมจากท้ายรถพร้อมกับแรงสะเทือนทั้งคัน เสี้ยวนาทีถัดมาพบว่ารถยนต์กำลังหมุนคว้างกลางถนนควบคุมไม่ได้ ปรากฏแรงปะทะกันครั้งหนึ่ง แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท รถยนต์จอดแน่นิ่ง จึงรู้ว่าเพิ่งถูกรถกระบะคันหนึ่งชนท้าย เนื่องจากเป็นรถเล็ก มันจึงปลิวไปตามแรงนั้น โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
บทเรียนนั้นสอนว่า การขับรถที่ดีมิใช่การไม่ชนรถคันอื่น แต่คือการไม่ถูกรถคันอื่นชน!
นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุครั้งแรกของผม ถอยหลังไปหลายปีก่อนหน้านั้น ขณะเดินทางด้วยเก๋งบนทางหลวงขาวโพลนด้วยหิมะในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกาปลายเดือนธันวาคม จู่ๆ รถก็เสียหลักไถลไปตามถนนที่คลุมด้วยน้ำแข็งซึ่งลื่นเหมือนลานสเกต ควบคุมรถไม่ได้โดยสิ้นเชิง ในที่สุดรถก็ชนบางอย่างที่ขอบทาง จอดตายแน่นิ่งกลางถนนและลมหนาว โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นวิ่งมาจูบ
บทเรียนนั้นสอนว่า ถนนว่างไม่ได้แปลว่าไม่มีอันตราย
หลังจากอุบัติเหตุรถจิ๋ว มันก็มีอาการทรุดกับทรง คนขับรถชนไม่ได้รับผิดชอบอะไรนอกจากเอ่ยคำขอโทษ ผมขายรถจิ๋วไปในที่สุด ในอาทิตย์สุดท้ายที่อยู่กับมัน ประกันภัยรถยนต์หมดอายุพอดี เนื่องจากเหลืออีกสามสี่วันก็ถึงวันนัดขายรถแล้ว จึงไม่ต่อประกัน วันหนึ่งอยู่ดีๆ รถตุ๊กตุ๊กคันหนึ่งก็เสยเข้ามาชนโครมเข้าให้ คนขับรถลงจากรถมายกมือไหว้ปลกๆ ขอโทษที่ชนและบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม
บทเรียนนั้นสอนว่า ค่าซ่อมรถมักสูงกว่าค่าประกัน! และถ้ามีโอกาสเกิดเรื่องร้ายขึ้น มันจะเกิดขึ้น! (Murphy’s Law)
ผ่านการผลัดเปลี่ยนรถอีกสามคัน ผมลงเอยที่รถใหม่เครื่องยนต์ใหญ่เป็นสองเท่าของรถจิ๋ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับรถใหม่ก็จบด้วยการหย่าร้างกะทันหัน ผมตื่นเช้าวันหนึ่งพบว่าหน้าบ้านว่างเปล่า กวาดตามองซ้ายขวาครู่ใหญ่ด้วยความงุนงง ค่อยจดจำได้ว่าที่ว่างนั้นปกติเป็นที่จอดรถของผม บางขณะในคืนก่อนนั้นใครบางคนถือวิสาสะพรากรถยนต์ไปจากผมเสียแล้ว
บทเรียนนั้นสอนว่า อย่าประมาท สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ การสูญเสียรถใหม่ไปกับโจรกรรมเป็นความรู้สึกชอกช้ำเอาการ แต่เราก็ต้องทำใจ
ผ่านมาอีกหลายคัน ผมได้รถใหม่อีกคัน ทว่าในวันแรกนั้นผมก็เสยรถใหม่เอี่ยมกับเสาต้นหนึ่ง เป็นความรู้สึกแย่เอาการที่ขับรถวันแรกก็ประสบอุบัติเหตุ เจ้าของอู่บอกว่าจากประสบการณ์ เขาเห็นกรณีมากมายที่ขับรถใหม่แล้วเกิดอุบัติเหตุในวันแรก ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคนขับไม่เคยชินกับระบบใหม่
เจ้าของอู่บอกว่า “โชคดีนะครับที่ชนแค่เสา ไม่ไปชนใครเข้า” เป็นจิตวิทยาปลอบคนที่ดี และมันก็เป็นทัศนคติที่ดีเช่นกัน
บทเรียนนั้นสอนว่า จงรู้จักปล่อยวาง อย่ายึดติดกับวัตถุจนกลายเป็นการยึดติดทางจิตใจ
คนไม่น้อยในโลก ‘รักรถมากกว่าเมีย’ เมื่อรถถูกเฉี่ยวมีรอยถลอกเล็กๆ ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โกรธคนนั้นคนนี้ สาปฟ้าด่าดิน
แต่มีรถที่ไหนไม่เคยถูกเฉี่ยวชน?
ลองมองรถยนต์เป็นรองเท้าคู่หนึ่งที่นำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทาง รองเท้าย่อมต้องสกปรก พื้นหลุด ตะเข็บฉีก เสื่อมโทรมชำรุดเป็นธรรมชาติของมัน เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็ต้องลาจากรองเท้าคู่นั้นไป เพราะคนกับรองเท้าอายุยืนไม่เท่ากัน
คนกับรถยนต์ คนกับหมาก็เช่นกัน คนที่เลี้ยงหมาย่อมเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี เมื่อถึงเวลาลาจาก ก็เอ่ยคำอำลา แล้วใช้ชีวิตต่อไป
มองแบบนี้ก็จะไม่เป็นทุกข์ร้อนเพราะรถยนต์นัก ไม่ว่าการลาจากจะเกิดจากอุบัติเหตุ การถูกกระทำ การชำรุด กระทั่งการพบรักใหม่กับรถคันใหม่!
มองแบบนี้ก็จะไม่เป็นทุกข์ร้อนเพราะวัตถุนอกกายนัก เพราะยังมีวัตถุสิ่งของอีกมากมายที่เข้าข่ายนี้
มองดูแล้วจะเห็นว่ารถยนต์ก็ไม่ต่างกับชีวิต และการใช้ชีวิตก็เหมือนการขับรถยนต์ บางครั้งหนทางมีอุปสรรค บางครั้งเกิดอุบัติเหตุ บางครั้งอยู่ดีๆ คนอื่นก็ทำร้ายจิตใจเรา แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้เกียร์เดินหน้า
คนฉลาดจึงต้องรู้จักประกันภัยชีวิตโดยเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น สะสมความรู้ปัญญารับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และประกันภัยชีวิตด้วยกรมธรรม์ที่ดีที่สุดก็คือปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า - “อย่าประมาท”
เราแชร์ระยะทางช่วงหนึ่งกับรถยนต์คันหนึ่ง แต่เราต้องอยู่กับชีวิตของเราไปจนวันตาย มันเป็นเงาของเรา เราจึงควรอยู่กับชีวิตเราให้ดีที่สุด เปี่ยมค่าที่สุด
เพราะมันเป็นการเดินทางเที่ยวเดียว
และเพราะชีวิตไม่ย้อนกลับ
บทเรียนจากรถยนต์
- การขับรถกลางหมอกอันตรายเพราะทัศนวิสัยลดลงกว่าครึ่ง ไฟตัดหมอกแห่งชีวิตที่ดีที่สุดคือสติ
- ไม่ดูแลเครื่องยนต์สม่ำเสมอ รถอาจตายกลางทางได้ คนที่ไม่สำรวจความสามารถ ความรู้ ทักษะของตัวเองเป็นระยะๆ อาจพบด้วยความขมขื่นว่าต้องตกงานในวัยกลางคน เราจึงควรรู้จักตัวเอง ประเมินตัวเอง และเรียนรู้ตลอดเวลา
- ลมยางน้อยไปทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น ทรงตัวไม่ดี ลมยางมากเกินไปทำให้รถกระดอนไม่ปลอดภัย ช่วงล่างพังเร็ว คนเราต้องการจิตใจที่ไม่อ่อนแอปวกเปียกไม่สู้ชีวิต แต่ก็ไม่แข็งกระด้างไร้เมตตา รักษาความอ่อนโยนมีความรัก ความเมตตา และความเข้มแข็งหนักแน่นที่สามารถรองรับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะหนักหน่วงแค่ไหน
- ไม่ดูแลหัวเทียนเลย อาจจุดเครื่องยนต์ไม่ติด เกิดเป็นคนต้องเติมไฟสร้างสรรค์ใส่ตัวเสมอ พร้อมให้จุดติดได้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจล้าหลังเพราะพาหนะแห่งชีวิตไม่ยอมเคลื่อน เติมไฟให้ตัวเอง เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ กล้าเปลี่ยนแปลง สร้างความกระตือรือล้น กระฉับกระเฉง ไม่เฉื่อยชา
- น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนโลหิตที่หล่อเลี้ยงร่างกาย ทำหน้าที่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทั้งระบบ ลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อน ชะล้างสิ่งสกปรก ป้องกันความสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ การไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเลยอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ การเติมทัศนคติใหม่ๆ การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การเปลี่ยนมุมมอง ต่างๆ เหล่านี้ทำให้อาชีพการงานและการใช้ชีวิตเดินหน้าโดยไม่สะดุด
- ปล่อยให้น้ำกลั่นเหือดแห้ง แบ็ตเตอรีอาจดับโดยไม่เตือนล่วงหน้า เติมน้ำดีเข้าไปในใจเสมอเพื่อให้แบ็ตเตอรีแห่งใจสดชื่นเสมอ คิดดี ทำดี
- ปล่อยให้น้ำฉีดกระจกรถพร่องหรือแห้งกรังทำให้ล้างกระจกไม่ได้ เป็นอันตรายต่อการขับขี่อย่างยิ่ง คนฉลาดจึง ‘ล้างตา’ ให้สว่างเสมอเพื่อให้มองเห็นทางชีวิตชัดเจนทุกช่วง น้ำยาล้างตาที่ดีคือความรู้ใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ
- ไม่เติมน้ำมันให้พอ รถอาจจอดตายกลางถนน เพราะปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดก็อาจไกลเกินไป ตรวจสอบเชื้อเพลิงของตัวเองสม่ำเสมอ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ รักษาสุขภาพทั้งกายและใจให้ดีพร้อม
- ทัศนวิสัยในการขับรถกลางคืนลดลงกว่าตอนกลางวันมาก โดยเฉพาะสำหรับคนสูงอายุที่สายตาเสื่อมลง บางครั้งเราต้องฟันฝ่าอุปสรรคในช่วงที่ชีวิตตกต่ำดำมืด เพราะไม่ใช่ถนนทุกสายมีไฟส่องทาง ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความระมัดระวังโดยใช้สติเป็นไฟนำทาง
- การขับรถในที่ปลอดภัยมักทำให้ประมาท เพราะมองไม่เห็นอันตราย การใช้ชีวิตที่ดูจะสมบูรณ์พูนสุขอาจประสบ ‘อุบัติเหตุ’ ได้ เพราะปัจจัยภายนอกอาจเข้ามากระทบโดยไม่เตือนล่วงหน้า จึงต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
- โช้คอัพช่วยรองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ ในชีวิตเราต้องเจอเรื่องไม่ดีที่สั่นสะเทือนใจ จึงต้องรักษาโช้คอัพแห่งชีวิตให้เข้มแข็ง รับเรื่องดีได้อย่างไม่เหลิง รับเรื่องร้ายได้โดยไม่สะเทือนมาก โช้คอัพที่ดีที่สุดคือสติและปัญญา
- ขับรถโดยไม่มองกระจกหลัง อาจเกิดอุบัติเหตุ ขับรถโดยมองแต่กระจกหน้าก็อาจเป็นอันตราย ใช้ชีวิตโดยมองไปข้างหน้า แต่ก็มองบทเรียนที่ผ่านมา
- มีล้อรถสำรองเสมอ และเติมลมยางล้อสำรองด้วย ดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาท มีแผนสองไว้เสมอ และถึงมีล้อสำรอง แต่ไม่มีเครื่องมือเปลี่ยนล้อ ก็คือไม่มีล้อสำรอง! ทำงานโดยไม่วางแผนอาจไปช้าหรือสะดุด หรือล้มเหลวได้
- รถสีซีด มีรอยขีดข่วนหรือรอยบุบก็ยังวิ่งได้ เพราะหัวใจของรถคือเครื่องยนต์ ไม่ใช่รูปโฉมภายนอก คนก็เช่นกัน มันสมองสำคัญกว่าหน้าตา หน้าตาอาจช่วยให้ได้งาน ทว่ามีแต่สมองที่จะรักษามันได้
- ราคารถร่วงตกหลังใช้แล้ว แต่รถคลาสสิกเป็นที่ต้องการเสมอ เช่นเดียวกับคนที่กรำประสบการณ์
- ยี่ห้อรถไม่ช่วยให้รถปลอดภัย คนขับและวิธีขับต่างหากที่กำหนดความปลอดภัย เกิดในตระกูลใหญ่โต มรดกมากมาย ถ้าไม่รู้จักขวนขวายหาความรู้ ไม่รู้จักคิด ชีวิตก็ดิ่งลงเหวได้
- เครื่องประดับตกแต่งรถเพื่อความสวยงามหรือเท่ไม่ช่วยให้รถแล่นเร็วขึ้น หรือทนทานขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมหรือรูปลักษณ์ภายนอกไม่แก้ปัญหาได้ สมองและปัญญาต่างหาก
- ระบบเบรกรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการชน ความรู้ดีรู้ชั่วช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตรายของอบายมุข เพื่อนไม่ดี สิ่งแวดล้อมเลว
- การจูนเครื่องยนต์ทำให้รถแรงขึ้นได้ฉันใด การเพิ่มความรู้และทักษะพิเศษก็ทำให้เราฉลาดขึ้น มีโอกาสในชีวิตมากขึ้นฉันนั้น
- จอดรถใต้ที่ร่มทำให้รถไม่ร้อน ไม่เปลืองแอร์ฯ และอายุยาวนานกว่า ใช้ชีวิตในร่มเงาธรรมทำให้จิตไม่ร้อนรุ่ม
- รถเก่าราคาถูกที่ดูแลดีอาจไปได้ไกลกว่าหรือทนกว่ารถใหม่ราคาแพงที่ไม่ดูแลรักษาเลย ร่างกายไม่แข็งแรง แต่รู้จักดูแลตัวเอง ก็อยู่ได้นาน เกิดมาไม่ฉลาดแต่ขยันขันแข็ง ก็ไปถึงที่หมายได้
- รถที่บรรทุกของหนักมากไปทำให้ทุกระบบเสื่อมลง รถเก่าเร็วขึ้น มนุษย์ต่อให้แข็งแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจรับความกดดันต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนคลาย อย่าแบกโลกไว้ รู้จักปล่อยวางบ้าง
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
13 กรกฎาคม 2556