ถ้าผมจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ช่วยแนะนำหนังสือหน่อยครับ อยากเริ่มตั้งแต่แรกเลยครับ

ไม่ทราบว่าผมควรจะเรียนกับโรงเรียนภาษา หรือ ซื้อหนังสือมาอ่านเองโดยเริ่มตั้งแต่แรกดีครับ คือเรื่องของเืรื่องอยากประหยัดเงิน เพราะเช็คๆ ดูแร้ว แต่ละคอร์ส ราคาสูงจัง โดยส่วนตัว พอรู้เรื่องอังกฤษบ้างไม่ถึงกับแย่ แต่ที่แย่ คือเรื่อง Grammar อ่ะคับ ช่วยแนะนำหนังสือหน่อยครับ อยากเริ่มเอง ให้ แน่นเลยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ประการที่สามคือเมื่อคุณเรียนภาษาไทยความคาดหวังของคุณมันไม่มี คุณฟังภาษาได้โดยไม่สนใจว่าจะรู้เรื่องหรือไม่ ดังนั้นคุณจะเรียนรู้ความเคยชินกับการเรียงตัวของคำต่างๆ และสำนวนต่างๆก่อน แล้วมาเข้าใจความหมายที่เอาหลัง ซึ่งเป็นการเรียนภาษาที่มีประสิทธิภาพสูง

แต่เมื่อคุณมาเรียนภาษาอังกฤษตอนโต ความคาดหวังมันสูง คุณต้องการทราบความหมายตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณอ่าน ดังนั้นคุณจะอ่านๆหยุดๆ ไม่ต่อเนื่องและไม่เกิดความเคยชินกับคำหรือสำนวน ความเคยชินต้องใช้เวลา คุณอ่านไปเดือนหนึ่งไม่เห็นผลคุณก็จะหยุดอ่านและเสียเวลาเปล่า ซึ่งผิดกับตอนเด็กๆที่คุณไม่หวังผลอะไรจึงทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนความเคยชินมันเกิดขึ้นได้

อุปสรรคทั้งสามอย่างนี้มันมีทางแก้ได้ไม่ยากหากคุณเข้าใจว่ามันมีผลอย่างไร
ความคิดเห็นที่ 5
แนะนำ่ว่าก่อนที่คุณจะเรียนคุณควรทำความเข้าใจก่อนว่าหัวคนมันทำงานยังไง เพราะถ้าุคุณเข้าใจแล้วการเรียนภาษาอังกฤษมันจะง่ายอย่างเหลือเชื่อ
ในหัวคนส่วนที่บันทึกข้อมูลจะมีสองส่วนคือสมองในส่วนความจำและส่วนความเคยชิน
ข้อดีของสมองความจำคือคุณสามารถสั่งให้มันจำได้ ส่วนสมองความเคยชินสั่งไม่ได้ วิธีบันทึกข้อมูลคือต้องทำสิ่งนั้นซ้ำๆกันหลายๆครั้งจนชิน ทำให้บันทึกข้อมูลยากกว่าเยอะ
แต่จริงๆแล้วสมองความเคยชินมันเก่งกว่าสมองความจำมาก
สมองความจำจะมีขนาดเล็ก เมื่อคุณพยายามจำมากๆมันจะลืมบางส่วนออกไปเพราะไม่มีที่ หากคุณจำอะไรแล้วไม่ได้ใช้นานๆ มันจะลบข้อมูลทิ้งเพื่อเอาพื้นที่ไปจำอย่างอื่นใหม่ๆ เช่นคุณเรียนภาษาอังกฤษจบและไม่ได้ใช้มันสักหกเดือนสิ่งที่คุณเรียนมามันจะเข้าหม้อหรือคืนคุณครูไปหมด
สมองส่วนความเคยชินจะมีขนาดใหญ่กว่ามาก มันไม่ต้องลบข้อมูลเพื่อจัดพื้นที่ เมื่อมันบันทึกข้อมูลแล้วมันจะจำไปตลอดชีวิต ภาษาไทยที่คุณรู้อยู่ทุกวันนี้มันถูกบันทึกอยู่ในส่วนนี้ หากคุณไปอยู่ต่างประเทศสักสิบปี กลับมาคุณก็ยังพูดไทยได้คล่อง หากคุณขี่จักรยานเ็ป็น คุณหยุดขี่ไปสิบปีแล้วกลับมาขี่ คุณก็ยังขี่เป็นเหมือนเดิม
การดึงข้อมูลกลับมาใช้สมองความจำจะทำได้ช้า บางครั้งคุณพยายามจะนึกอะไรต้องใช้เวลานานกว่าจะนึกออก อีกทั้งเมื่อคุณนึกออกแล้ว คุณยังต้องใช้สมองส่วนความคิดคิดต่อว่าจะนำข้อมูลมาใช้ยังไงให้เหมาะสม เช่นคุณจำกฏ grammar ได้สมองคุณต้องมาคิดต่อว่าประโยคที่คุณจะเขียนมันต้องใช้ tense ชนิดไหนจึงจะเหมาะสม
สมองความเคยชินจะดึงข้อมูลที่ต้องการใช้อย่างอัตโนมัติและสามารถนำไปสั่งการให้อวัยวะส่วนต่างๆนำไปปฎิบัติได้โดยไม่ต้องผ่านหรือโหลดสมองส่วนความคิด เช่นคุณขับรถแล้วคุยจู๋จี๋กับแฟน สมองส่วนความคิดคุณอาจจะหมกมุ่นอยู่กับแฟน แต่สายตามือและเท้าคุณก็ยังเคลื่อนที่ไปขับรถได้อย่างปรกติเพราะัมันถูกควบคุมด้วยสมองส่วนความเคยชิน วัยรุ่นคุยโทรศัพย์แบบน้ำไหลไฟดับได้เป็นชั่วโมง สมองส่วนความคิดเค้าคิดเนื้อเรื่องว่าจะคุยอะไร ส่วนสมองส่วนความเคยชินจะไปเลือกคำศัพย์แล้วนำมาเรียงกันให้เป็นประโยคจนถูกไวยากรณ์ แต่มันทำเร็วมากจนสมองส่วนความคิดแทบตามไม่ทัน ภาษาไทยยากกว่าอังกฤษเยอะ มีอักษรตั้ง 44 ตัว สระอีกบานตะไท แต่สมองความเคยชินคุณจัดการได้อย่างสบายๆ
ข้อบกพร่องของสมองความเคยชินคือมันคิดอะไรใหม่ๆไม่ได้ คุณต้องสอนมันด้วยการทำ แต่เมื่อมันเรียนรู้แล้วมันทำได้ดีกว่าสมองความจำอย่างเทียบไม่ติด ข้อมูลที่เก็บไว้สมองความเคยชินมันจะหยิบมาใช้ทั้งดุ้น ไม่สามารถนำมาพลิกแพลงปรับปรุง หากจะปรับปรุงต้องส่งข้อมูลไปให้สมองส่วนความจำและความคิด แต่จะใช้เวลาวิเคราห์นาน ดังนั้นกฎต่างๆในการใช้ภาษา สมองความเคยชินมันจะใช้ไม่ได้ แต่มันจะดึงประโยคที่ใช้ไวยากรถูกต้องทั้งกะบิมาใช้ได้ และถ้าเราเห็นประโยคที่ใช้ไวยากรผิดมันจะเตือนคุณได้ว่ามันไม่ตรงกับข้อมูลที่มันเ็ก็บไว้ คือเราจะรู้สึกว่าประโยคนั้นมันแปลกๆยังไงชอบกล
คนเชื่อไหมว่าสิ่งทีุ่คุณคิดว่าง่ายๆทำเป็นกิจวัติเช่นวิ่งบนทางที่ขรุขระหรือมีสิ่งกีดขวาง จริงๆแล้วมันยากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะคุณต้องควบคุมกล้ามเนื้อหกสิบกว่าชิ้นให้ทำงานประสานงานกันอย่างเหมาะเจาะ และต้องรับข้อมูลจากสายตา จากฝ่าเท้า และอวัยวะอื่นๆมาวิเคราะเพื่อให้ทรงตัวได้ ขนาดด๊อกเตอร์ทั้งหลายพยามคิดทฤษฎีออกแบบ robotic มาเกือบ 100 ปีแล้ว ใช้คอมพิวเตอร์เร็วสุดชีวิตยังไม่สามารถเลียนแบบร่างกายมนุษย์ให้วิ่งแบบคนได้ อีกยี่สิบปีก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งออกแบบหุ่นยนต์ให้ขี่จักรยานสองล้อได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่สมองความเคยชินของคุณมันทำได้
จริงๆแล้วคนเรามีอุปกรณ์เรียนภาษาที่เก่งกาจมากแต่ไม่นำมาใช้ คุณจำได้ไหมว่าคุณเรียนภาษาไทยจนเข้าขั้นเทพเป็น native speaker มาได้อย่างไร คุณไม่ต้องทรมาณหรือใช้ความพยายามเลย จำความได้คุณก็พูดได้ดังใจนึกแล้ว และมันคงเป็นการเรียนที่ง่ายมากเพราะคนไทยแทบทุกคนไม่ว่าจะโง่หรือฉลาดแค่ไหนก็พูดไทยได้หมด การเรียนนี้ไม่ได้ใช้หนังสือเรียนหรือพจนานุกรมแต่อย่างใดใช้ความเคยชินล้วนๆ
เมื่อคุณประสพความสำเร็จกับภาษาแรกแล้วทำไมไม่ใช้วิธีเดียวกันกับภาษาที่สอง
คำตอบคือมันมีอุปสรรคอยู่สามอย่าง หากคุณแก้ไขอุปสรรคนี้ไปได้คุณจะใช้ภาษาอังกฤษแบบ native ได้ในเวลาอันสั้นเพราะสมองคุณตอนนี้มันเติบโตแล้วเก่งกว่าตอนคุณเป็นเด็กเยอะ
ความคิดเห็นที่ 6
ประการแรกคือเมื่อตอนคุณยังเด็กคุณไม่รู้ภาษาอะไรเลย ดังนั้นมันจึงบังคับให้คุณพยายามนึกคิดทุกอย่างเป็นภาษาไทย หากไม่ใช้ก็คิดอะไรไม่ออก เมื่อคุณต้องคิดทุกอย่างเป็นภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง สมองความเคยชินมันก็เรียนเร็วเพราะใช้บ่อย แต่เมื่อคุณรู้ภาษาไทยแล้วมาเรียนภาษาอังกฤษต่อ ช่วงแรกๆคุณก็จะคิดอะไรไม่ออกเพราะคุณไม่รู้ศัพย์และไม่ชิน เมื่อคิดไม่ออกก็จะหงุดหงิดหันกลับไปใช้ภาษาไทยโดยไมู่รู้ตัว หรือพยายามแปลกลับไปกลับมาระหว่างสองภาษา เมื่อคุณไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ สมองความเคยชินมันก็เลยบันทึกข้อมูลไม่ได้ซะที
ความคิดเห็นที่ 7
ประการที่สองคือเมื่อตอนคุณเรียนภาษาไทย คุณถูกห้อมล้อมด้วยเซียนภาษาไทยอยู่รอบด้าน เซียนพวกนี้มักจะมาพูดกรอกหูคุณอยู่ทุกวันแถมมีการทำท่าทางประกอบ ทำให้คุณเดาความหมายของคำได้ง่ายขึ้น เมื่อมีต้นแบบดีๆให้กอปปี้ภาษาของคุณจึงออกมาสวยเหมือน native ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
แต่พอคุณเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าคุณอยู่ในไทย เซียนพวกนี้จะหายาก มีแต่คนใช้แบบผิดๆถูกๆ ภาษาที่คุณเรียนมันจึงไม่สวยงาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่