รัฐบาลลาวเปิดไฟเขียวให้บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทยไปลงทุนในสินค้าอุปโภคบริโภค และบริการที่ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ (The New Taladsao Shopping) บนถนนล้านช้างอเวนิว ศูนย์กลางย่านธุรกิจสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์
เมื่อเร็วๆ นี้ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ฯพณฯ สมดี ดวงดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน ได้ทำพิธีมอบใบอนุญาตการลงทุนในประเทศลาว ซึ่งมีมูลค่าราว 40 พันล้านกีบ ($ 5 ล้านบาท) ให้แก่นายจิรวิทย์ จิตะติศีล ตัวแทนของบริษัทฯ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายใน 3-5 เดือน
นายจิรวิทย์ จิตะติศีล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดศูนย์การค้าในนครหลวงเวียงจันทน์เนื่องจากมีผู้ซื้อจำนวนมากจากประเทศลาวข้ามพรมแดนไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดอุดรธานี ที่ประเทศไทย "ผลการศึกษาล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อจากประเทศลาวจับจ่ายสินค้าที่นั่น มีมูลค่าประมาณ268,000,000,000 ล้านกีบ (1 พันล้านบาทไทย) ต่อปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ซึ่งนับเป็นจำนวนหลายล้านบาทให้กับรัฐบาลไทยในแต่ละปี เมื่อเราได้เปิดให้บริการศูนย์การค้า บิ๊กซี ที่นี่ก็หวังว่าจะดึงดูดการค่าใช้จ่ายมาได้ประมาณ 50% หรือ 500-600 ล้านบาทต่อปี”
“ถ้าคนลาวซื้อสินค้าในประเทศลาว ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเก็บอยู่ในประเทศลาว ส่วนใหญ่ผู้ซื้อจากประเทศลาวนิยมไปจับจ่ายสินค้าประเภทอาหารโดยเฉพาะอาหารทะเล ดังนั้นที่ห้างบิ๊กซีสาขาเวียงจันทน์ ประมาณ 70% ของสินค้าจะเป็นอาหารที่ส่วนใหญ่บริษัทฯ จะซื้อมาจากผู้ผลิตลาวรวมทั้งเกษตรกรในท้องถิ่น และพืชผักแปรรูป “สินค้าโดยส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งจัดจำหน่ายในท้องถิ่นของประเทศลาวเป็นหลัก" นายจิรวิทย์ จิตะติศีล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่ติดต่อกับผู้ผลิตในท้องถิ่นที่อยู่ห่างไกล "เราจะเริ่มมองหา และติดต่อผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อเจรจา และอนุมัติการเข้าเป็นซัปพลายเออร์ เพื่อป้อนสินค้าแก่เรา" เขากล่าว บริษัท ฯ จะส่งทีมจัดซื้อไปที่ลาว และศึกษาว่ามีผู้ผลิตในท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหนที่สามารถผลิตสินค้าให้กับบริษัทฯ และที่เหลืออีกราว 30% ของสินค้าทั้งหมดจะเป็นสินค้านำเข้า เช่น เครื่องใช้ภายในครัวเรือน, ของใช้ส่วนตัว และเครื่องไฟฟ้า เป็นต้น เนื่องจากประเทศลาวยังมีข้อจำกัดสำหรับการผลิตสินค้าในบางประเภท บริษัทฯ ยังต้องศึกษาภาษี และโครงสร้างภาษีในประเทศลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบภาษีนำเข้า และความหวังที่จะเจรจากับภาครัฐเพื่อหาวิธี หรือมาตรการที่จะทำให้ราคาขายปลีกในห้างบิ๊กซี สาขาเวียงจันทน์ มีความใกล้เคียงกับราคาสินค้าที่ซื้อในประเทศไทย หากเป็นผลสำเร็จ จะช่วยลดการข้ามพรมแดนเพื่อออกไปจับจ่ายซื้อของในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดอุดรธานี ได้ส่วนหนึ่ง" นายจิรวิทย์ อธิบาย
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ "ไฮเปอร์มาร์เก็ต" หรือ "ซุปเปอร์เซ็นเตอร์" ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ มีกลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทฯ และ บริษัทย่อย จำนวนทั้งหมด 105 สาขาในประเทศไทย และเกือบ 20 สาขาในประเทศเวียดนาม และอีกหนึ่งสาขาที่จะเปิดที่ “ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์” หากธุรกิจไปได้ดี เรามีแผนที่จะขยายสาขาไปยัง แขวงสะหวันนะเขต, แขวงจำปาสัก และแขวงหลวงพระบาง” เขากล่าว
ขณะนี้ “ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์” (ส่วนต่อขยาย) มีการเตรียมเปิดทดลองให้บริการ และเริ่มทำการทดสอบระบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้างเมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนที่ต่อขยายออกไปของห้างสรรพสินค้าขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วประมาณ 95% และมีแผนจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการก่อนสิ้นปีนี้ เมื่อสถานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายซื้อของที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว ซึ่งประกอบไปด้วย ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์, ดีพาร์ทเมนท์สโตร์, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ฟาสต์ฟู้ด, ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, คาราโอเกะ, ห้องประชุมสัมมนาทำงาน, โรงเรียนฝึกอบรม, สถาบันการศึกษาของเด็ก, สำนักงาน, โรงแรม และที่จอดรถ
http://www.louangprabang.net/LPBDetail.asp?ID=650
Big C จะเปิดห้างสรรพสินค้าในเวียงจันทน์
เมื่อเร็วๆ นี้ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ฯพณฯ สมดี ดวงดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน ได้ทำพิธีมอบใบอนุญาตการลงทุนในประเทศลาว ซึ่งมีมูลค่าราว 40 พันล้านกีบ ($ 5 ล้านบาท) ให้แก่นายจิรวิทย์ จิตะติศีล ตัวแทนของบริษัทฯ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายใน 3-5 เดือน
นายจิรวิทย์ จิตะติศีล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดศูนย์การค้าในนครหลวงเวียงจันทน์เนื่องจากมีผู้ซื้อจำนวนมากจากประเทศลาวข้ามพรมแดนไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดอุดรธานี ที่ประเทศไทย "ผลการศึกษาล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อจากประเทศลาวจับจ่ายสินค้าที่นั่น มีมูลค่าประมาณ268,000,000,000 ล้านกีบ (1 พันล้านบาทไทย) ต่อปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ซึ่งนับเป็นจำนวนหลายล้านบาทให้กับรัฐบาลไทยในแต่ละปี เมื่อเราได้เปิดให้บริการศูนย์การค้า บิ๊กซี ที่นี่ก็หวังว่าจะดึงดูดการค่าใช้จ่ายมาได้ประมาณ 50% หรือ 500-600 ล้านบาทต่อปี”
“ถ้าคนลาวซื้อสินค้าในประเทศลาว ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเก็บอยู่ในประเทศลาว ส่วนใหญ่ผู้ซื้อจากประเทศลาวนิยมไปจับจ่ายสินค้าประเภทอาหารโดยเฉพาะอาหารทะเล ดังนั้นที่ห้างบิ๊กซีสาขาเวียงจันทน์ ประมาณ 70% ของสินค้าจะเป็นอาหารที่ส่วนใหญ่บริษัทฯ จะซื้อมาจากผู้ผลิตลาวรวมทั้งเกษตรกรในท้องถิ่น และพืชผักแปรรูป “สินค้าโดยส่วนใหญ่จะมาจากแหล่งจัดจำหน่ายในท้องถิ่นของประเทศลาวเป็นหลัก" นายจิรวิทย์ จิตะติศีล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่ติดต่อกับผู้ผลิตในท้องถิ่นที่อยู่ห่างไกล "เราจะเริ่มมองหา และติดต่อผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อเจรจา และอนุมัติการเข้าเป็นซัปพลายเออร์ เพื่อป้อนสินค้าแก่เรา" เขากล่าว บริษัท ฯ จะส่งทีมจัดซื้อไปที่ลาว และศึกษาว่ามีผู้ผลิตในท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหนที่สามารถผลิตสินค้าให้กับบริษัทฯ และที่เหลืออีกราว 30% ของสินค้าทั้งหมดจะเป็นสินค้านำเข้า เช่น เครื่องใช้ภายในครัวเรือน, ของใช้ส่วนตัว และเครื่องไฟฟ้า เป็นต้น เนื่องจากประเทศลาวยังมีข้อจำกัดสำหรับการผลิตสินค้าในบางประเภท บริษัทฯ ยังต้องศึกษาภาษี และโครงสร้างภาษีในประเทศลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบภาษีนำเข้า และความหวังที่จะเจรจากับภาครัฐเพื่อหาวิธี หรือมาตรการที่จะทำให้ราคาขายปลีกในห้างบิ๊กซี สาขาเวียงจันทน์ มีความใกล้เคียงกับราคาสินค้าที่ซื้อในประเทศไทย หากเป็นผลสำเร็จ จะช่วยลดการข้ามพรมแดนเพื่อออกไปจับจ่ายซื้อของในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดอุดรธานี ได้ส่วนหนึ่ง" นายจิรวิทย์ อธิบาย
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ "ไฮเปอร์มาร์เก็ต" หรือ "ซุปเปอร์เซ็นเตอร์" ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ มีกลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทฯ และ บริษัทย่อย จำนวนทั้งหมด 105 สาขาในประเทศไทย และเกือบ 20 สาขาในประเทศเวียดนาม และอีกหนึ่งสาขาที่จะเปิดที่ “ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์” หากธุรกิจไปได้ดี เรามีแผนที่จะขยายสาขาไปยัง แขวงสะหวันนะเขต, แขวงจำปาสัก และแขวงหลวงพระบาง” เขากล่าว
ขณะนี้ “ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์” (ส่วนต่อขยาย) มีการเตรียมเปิดทดลองให้บริการ และเริ่มทำการทดสอบระบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้างเมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนที่ต่อขยายออกไปของห้างสรรพสินค้าขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วประมาณ 95% และมีแผนจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการก่อนสิ้นปีนี้ เมื่อสถานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายซื้อของที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว ซึ่งประกอบไปด้วย ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์, ดีพาร์ทเมนท์สโตร์, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ฟาสต์ฟู้ด, ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, คาราโอเกะ, ห้องประชุมสัมมนาทำงาน, โรงเรียนฝึกอบรม, สถาบันการศึกษาของเด็ก, สำนักงาน, โรงแรม และที่จอดรถ
http://www.louangprabang.net/LPBDetail.asp?ID=650