ขำๆ นะครับ
ผมปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็ก เฟสสัน BMX เหมือนชีวิตเด็กผู้ชายทั่วๆไป จนช่วงวัยรุ่น ที่บ้านซื้อ MTB ยี่ห้อ Panther ให้ ผมจึงเริ่มปั่นจริงจังมากขึ้น ด้วยเพื่อนสนิท อยู่ในชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพอะไรนี่แหละ และนั้นคือจักยานคันสุดท้ายของผม
เวลาผ่านไป 20 ปี เพื่อนๆ ของผมยังคงปั่นจักรยานกันอยู่เป็นประจำ ส่วนผมเปลี่ยนไปเล่นกีฬาอื่นๆ กอล์ฟบ้าง ดำน้ำบ้าง อะไรงี้ พร้อมกับรอบเอวที่เพิ่มขึ้นเรื่องๆ จนเพื่อนๆ บอกว่ากลับมาปั่นจักรยานด้วยกันเหอะ ช่วยลดความอ้วนได้นะ
ด้วยความที่ห่างหายวงการไปนานกว่า 20 ปี ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น จึงให้เพื่อนช่วยหาจักรยานมาให้หน่อย เอา MTB นะ ด้วยความคุ้นเคย (เจ้า Panther น่าจะเป็นMTB) และรู้สึกว่ามันฟังดู ลุยๆ ดี ผ่านไปไม่นาน เพื่อนบอกว่าหาให้ได้แล้ว ไม่แพงเลย ประมาณ 30,000 บาท ได้ครบๆ Disk Brake อะไรงี้ ผมก็บอกออกไปว่า ไม่แพงก็บ้าแล้ว (ทราบทีหลังว่าจักรยานเพื่อนๆ โคตรแพง) งั้นผมไม่ป่งไม่ปั่นมันและ ขอลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นๆ ละกัน
เพื่อนๆ ไม่ยอมแพ้ครับ คราวนี้มารับที่บ้าน และพาไปร้านจักรยานแถวลาดพร้าว 100 กว่าๆ (จำชื่อ และ ซอย ไม่ได้) เพื่อนๆ แนะนำให้จัด Merida สีเขียว/ขาว ให้ผม บอกว่าถูกที่สุดแล้วละ ประมาณ หมื่นกว่าๆ ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมก็เอ้า ถูกที่สุดจริงนะพวก

เพื่อนก็ยืนยันนั่งยัน ว่าถูกแล้ว ไม่เชื่อถามเฮียดิ ว่าคันอื่นๆ เท่าไหร่ เฮียก็บอกว่า สามสีหมื่นกันหมด ผมจึงได้จัด Merida ตามที่เพื่อนมันแนะนำ (ทราบทีหลังอีกเหมือนกันว่าจริงๆ แล้ว จักรยานมันมีทุกราคานั่นแหละ)
จากนั้น ผมก็ยังไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตเท่าไหร่ เพื่อนๆ ยังคงปั่นกันประจำ โดยผมจะไปแจมเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่ผมไป จะเป็นการปั่นแบบชิวๆ แบบราชดำเนินตอนกลางคืน หรือสวนรถไฟ งี้ เน้น เที่ยว และกิน ว่างั้นเหอะ จนในที่สุด ผมก็บอกเพื่อนๆว่า เห้ย พาไปปั่นจริงจังบ้างดิ
เพื่อนๆ ก็สนองให้ พาไปบางกระเจ้า เพื่อนบางคนมาพร้อมรถพับได้คันกระปิ๋ว บางคนมาพร้อม Vintage ผมก็ยิ้มเยาะว่าตามข้าพเจ้าให้ทันเด้อ ผลการปั่นจริงจัง (ของผม) ครั้งแรก รั้งท้ายขบวนแบบดูไม่จืด (เพื่อนๆ ไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น) ผ่านไป 20 กิโล ผมเหนื่อยมาก แต่รักษาฟอร์ม พร้อมบอกเพื่อนๆ ว่า มีธุระด่วน เพื่อนๆ ทำสีหน้าผิดหวัง (พร้อมบอกว่าพึ่งวอร์มอัพเสร็จ) ผมคิดในใจว่า ฝากไว้ก่อนเหอะ จะไปฟิตร่างกายมา เสียฟอร์มครั้งนี้ จะจำไว้ พร้อมกับสรุปในใจว่า รถ มีผลน้อยกว่าคนปั่นแหะ
ผ่านไป ผมฟิตร่างกายเต็มที่ (ของผม) ผมเลิกบุหรี่ และออกกำลังกายเป็นประจำ (แต่น้ำหนักไม่ค่อยลด เพราะเติมเข้าไปเยอะ) เมื่อคิดว่าพร้อมแล้ว ผมบอกเพื่อนๆ ว่า มาปั่นจริงจังกันหน่อยดิ ไม่เอาแบบสวนรถไฟที่พวกท่านพาภรรยาและลูกไปด้วยน้า
เพื่อนๆ จัดให้โดยพลันครับ คราวนี้ไปสุวรรณภูมิ จอดรถฝั่งหมู่บ้านนักกีฬา เพื่อนๆ มาพร้อมเสือหมอบ พร้อมเครื่องแต่งกายอย่างเท่ห์ ส่วนผม มากับเจ้าเขียวของผม พร้อมเสื้อแมนยูตัวโปรด เริ่มต้น เพื่อนๆ ให้ผมนำ ผมก็ปั่นเต็มที่ พร้อมกระหยิ่มในใจว่าพวกท่านคงจะเห็นพัฒนาการและคลองตันของผมแล้วสินะ หุหุ ผลปรากฏว่า ผ่านไป 5 นาที เพื่อนคนหนึ่งตีคู่ขึ้นมา พร้อมบอกว่า เห้ย ชิวไปเป่าว่ะ
ผมไม่ยอมเสียฟอร์มครับ บอกกลับไปว่า กรูวอร์มอยู่ พวกท่านไปก่อนเลย ไม่ต้องรอนะ ฟิตมาดี (ไม่นึกว่ามันจะไม่รอจริงๆ) ปรากฎว่ามันปั่นกันฟิ้วๆ ไปเลย ผมตามไม่ทัน โดยเฉพาะเวลาขึ้นสะพานลอยอ่ะ เวลาขับรถ ไม่เคยรู้สึกว่ามันสูงชันเลยอ่ะ ทำไมเวลาปั่นมันชันนัก พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่าเราอายุมากแล้ว ค่อยๆ เพิ่มสมรรถนะร่างกายไปเด้อ เพื่อนๆ มันปั่นกันประจำมันเลยแข็งแรงกว่างี้ ทันทีที่สิ้นความคิด มีกลุ่มคุณลุงปั่นผ่านไปแบบชิวๆ ตามด้วยแก็งสาวน้อยสดใส ผมพยายามจะทักทาย แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไร น้องๆ ก็ปั่นผ่านไป เสมือนว่าผมปั่นอยู่กับที่ (รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ) เปลี่ยนเกียร์จนไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว กว่าจะถึงจุดสูงสุดของสะพาน ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องมาทรมานทรกรรมเช่นนี้ด้วยเนี่ย
เดี๋ยวมาต่อกันนะครับ
เล่าสู่กันฟัง: ประสบการณ์มือใหม่ กับ เพื่อนๆ มือเก่า
ผมปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็ก เฟสสัน BMX เหมือนชีวิตเด็กผู้ชายทั่วๆไป จนช่วงวัยรุ่น ที่บ้านซื้อ MTB ยี่ห้อ Panther ให้ ผมจึงเริ่มปั่นจริงจังมากขึ้น ด้วยเพื่อนสนิท อยู่ในชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพอะไรนี่แหละ และนั้นคือจักยานคันสุดท้ายของผม
เวลาผ่านไป 20 ปี เพื่อนๆ ของผมยังคงปั่นจักรยานกันอยู่เป็นประจำ ส่วนผมเปลี่ยนไปเล่นกีฬาอื่นๆ กอล์ฟบ้าง ดำน้ำบ้าง อะไรงี้ พร้อมกับรอบเอวที่เพิ่มขึ้นเรื่องๆ จนเพื่อนๆ บอกว่ากลับมาปั่นจักรยานด้วยกันเหอะ ช่วยลดความอ้วนได้นะ
ด้วยความที่ห่างหายวงการไปนานกว่า 20 ปี ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น จึงให้เพื่อนช่วยหาจักรยานมาให้หน่อย เอา MTB นะ ด้วยความคุ้นเคย (เจ้า Panther น่าจะเป็นMTB) และรู้สึกว่ามันฟังดู ลุยๆ ดี ผ่านไปไม่นาน เพื่อนบอกว่าหาให้ได้แล้ว ไม่แพงเลย ประมาณ 30,000 บาท ได้ครบๆ Disk Brake อะไรงี้ ผมก็บอกออกไปว่า ไม่แพงก็บ้าแล้ว (ทราบทีหลังว่าจักรยานเพื่อนๆ โคตรแพง) งั้นผมไม่ป่งไม่ปั่นมันและ ขอลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นๆ ละกัน
เพื่อนๆ ไม่ยอมแพ้ครับ คราวนี้มารับที่บ้าน และพาไปร้านจักรยานแถวลาดพร้าว 100 กว่าๆ (จำชื่อ และ ซอย ไม่ได้) เพื่อนๆ แนะนำให้จัด Merida สีเขียว/ขาว ให้ผม บอกว่าถูกที่สุดแล้วละ ประมาณ หมื่นกว่าๆ ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมก็เอ้า ถูกที่สุดจริงนะพวก
จากนั้น ผมก็ยังไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตเท่าไหร่ เพื่อนๆ ยังคงปั่นกันประจำ โดยผมจะไปแจมเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่ผมไป จะเป็นการปั่นแบบชิวๆ แบบราชดำเนินตอนกลางคืน หรือสวนรถไฟ งี้ เน้น เที่ยว และกิน ว่างั้นเหอะ จนในที่สุด ผมก็บอกเพื่อนๆว่า เห้ย พาไปปั่นจริงจังบ้างดิ
เพื่อนๆ ก็สนองให้ พาไปบางกระเจ้า เพื่อนบางคนมาพร้อมรถพับได้คันกระปิ๋ว บางคนมาพร้อม Vintage ผมก็ยิ้มเยาะว่าตามข้าพเจ้าให้ทันเด้อ ผลการปั่นจริงจัง (ของผม) ครั้งแรก รั้งท้ายขบวนแบบดูไม่จืด (เพื่อนๆ ไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น) ผ่านไป 20 กิโล ผมเหนื่อยมาก แต่รักษาฟอร์ม พร้อมบอกเพื่อนๆ ว่า มีธุระด่วน เพื่อนๆ ทำสีหน้าผิดหวัง (พร้อมบอกว่าพึ่งวอร์มอัพเสร็จ) ผมคิดในใจว่า ฝากไว้ก่อนเหอะ จะไปฟิตร่างกายมา เสียฟอร์มครั้งนี้ จะจำไว้ พร้อมกับสรุปในใจว่า รถ มีผลน้อยกว่าคนปั่นแหะ
ผ่านไป ผมฟิตร่างกายเต็มที่ (ของผม) ผมเลิกบุหรี่ และออกกำลังกายเป็นประจำ (แต่น้ำหนักไม่ค่อยลด เพราะเติมเข้าไปเยอะ) เมื่อคิดว่าพร้อมแล้ว ผมบอกเพื่อนๆ ว่า มาปั่นจริงจังกันหน่อยดิ ไม่เอาแบบสวนรถไฟที่พวกท่านพาภรรยาและลูกไปด้วยน้า
เพื่อนๆ จัดให้โดยพลันครับ คราวนี้ไปสุวรรณภูมิ จอดรถฝั่งหมู่บ้านนักกีฬา เพื่อนๆ มาพร้อมเสือหมอบ พร้อมเครื่องแต่งกายอย่างเท่ห์ ส่วนผม มากับเจ้าเขียวของผม พร้อมเสื้อแมนยูตัวโปรด เริ่มต้น เพื่อนๆ ให้ผมนำ ผมก็ปั่นเต็มที่ พร้อมกระหยิ่มในใจว่าพวกท่านคงจะเห็นพัฒนาการและคลองตันของผมแล้วสินะ หุหุ ผลปรากฏว่า ผ่านไป 5 นาที เพื่อนคนหนึ่งตีคู่ขึ้นมา พร้อมบอกว่า เห้ย ชิวไปเป่าว่ะ
ผมไม่ยอมเสียฟอร์มครับ บอกกลับไปว่า กรูวอร์มอยู่ พวกท่านไปก่อนเลย ไม่ต้องรอนะ ฟิตมาดี (ไม่นึกว่ามันจะไม่รอจริงๆ) ปรากฎว่ามันปั่นกันฟิ้วๆ ไปเลย ผมตามไม่ทัน โดยเฉพาะเวลาขึ้นสะพานลอยอ่ะ เวลาขับรถ ไม่เคยรู้สึกว่ามันสูงชันเลยอ่ะ ทำไมเวลาปั่นมันชันนัก พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่าเราอายุมากแล้ว ค่อยๆ เพิ่มสมรรถนะร่างกายไปเด้อ เพื่อนๆ มันปั่นกันประจำมันเลยแข็งแรงกว่างี้ ทันทีที่สิ้นความคิด มีกลุ่มคุณลุงปั่นผ่านไปแบบชิวๆ ตามด้วยแก็งสาวน้อยสดใส ผมพยายามจะทักทาย แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไร น้องๆ ก็ปั่นผ่านไป เสมือนว่าผมปั่นอยู่กับที่ (รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ) เปลี่ยนเกียร์จนไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว กว่าจะถึงจุดสูงสุดของสะพาน ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องมาทรมานทรกรรมเช่นนี้ด้วยเนี่ย
เดี๋ยวมาต่อกันนะครับ