เขาว่า คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง เอาว่าถ้าหน้าตาพอๆกัน จะเลือกแบบไหนครับผม ฐานะเท่ากันด้วยนะครับ
แต่ที่ตั้งโพลแบบนี้ เพราะยังคิดว่า ผู้หญิงบางคนเลือกที่จะไม่รับรู้ เพราะการเจ้าชู้ ถ้าเจ้าตัวไม่รู้ ก็ถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นรึเปล่า
ในกรณีถ้ารู้ ผมมั่นใจว่าไม่มีใครชอบครับ
แต่เรื่องปากเสียเนี่ย ไม่เลี่ยงที่จะไม่รับรู้ลำบากครับ
เหตุผลตรงนี้ครับ ที่ผมลืมเติมไป
จบเรื่องโพล ขอระบายหน่อย
ทะเลาะกับแฟนครับ หลักๆเลยก็ไร้สาะระแหละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็แอบเครียด เพราะว่าทะเลาะกันเพราะสันดานส่วนตัวของผม ซึ่งแก้ไม่เคยจะหายสักที รู้ตัวนะครับ อยากจะแก้ แต่แก้ไม่ได้ มันเหมือนจะดีขึ้นมั่ง จากแต่ก่อนที่ไม่รู้ตัว เดี๋ยวนี้คือรู้ตัว แต่หลายครั้งมันออกไปเพราะเป็นธรรมชาติของตัวผมจริงๆ
ปัญหาของผมคือ "ปาก" ครับ ปากเสียแหละว่ากันง่ายๆ
นานมาแล้ว 7-8 ปีได้แล้วมั่ง ผมคบแฟนคนหนึ่งมานานพอสมควร ประมาณ 6 ปีได้คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย จนจบมาด้วยกัน หางานมาด้วยกัน ลำบากเก็บเงินมาด้วยกัน แต่ผมเป็นคนปากไม่ดีครับ ชอบว่าเขาเวลาเขาทำอะไรไม่ถูกใจเรา แต่ไม่ว่าหยาบๆนะครับ ออกทำนองประชด ตอนนั้นเราก็เด็ก ไม่เคยคิดครับว่าเราผิด จนสุดท้ายเขาก็ไปมีชู้และ ก็เลิกกันไปในวันที่ผมขอเขาแต่งงาน
เสียใจมากครับ เอาเป็นว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ วินาทีที่ตื่นคือร้องไห้ทันที หลังจากนั้นก็เริ่มฟังธรรม 555 ตามสูตรครับ เข้าฟิตเนส ทำตัวให้ดี เพราะเชื่อว่า การทำตัวไม่ดีมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา แต่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็น ผมเป็นคนไม่หวาน หวานบ้างนะมี โรแมนติคก็มีบ้าง เซอร์ไพรซ์ก็มี ขอแต่งเนี่ย เล่นเซอร์ไพรซ์ แล้วเจอเคาเตอร์ด้วยเซอร์ไพรซ์เช่นกัน อิอิ
จำได้ว่าไปอ่าน sms ในมือถือแฟน และเจอข้อความหนึ่งเป็นข้อความธรรมดามาก ประมาณว่า "พรุ่งนี้อย่าลืมส่งงาน" แต่ในใจผมเหมือนมีผีบอก (เซนส์มั่งครับผู้ชายก็มีเหมือนกันเนอะ) มันสั่งให้ผมตามอ่าน sms ของคนส่งชื่อนี้ จนสุดท้ายผมไปเจอ ขอความหวานบาดใจ ประมาณว่า "ฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบ ฉันไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว บลาๆๆ" ซึ่งผมรู้ตัวเลยครับว่า นี้ไม่ใช่ผม ผมไม่มีวันพูดคำแบบนี้ออกไปแน่นอน เพราะผมไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ
คือผมเชื่อนะว่ารักแรกพบมีจริง แต่มันยังมีอีกหลายปัจจัยมากๆ หลังจากวันที่เรารักแรกพบ เช่น นิสัย เป็นต้น ผมก็เคยคิดนะว่าถ้าผมเจอคนที่ว่ารักแรกพบ แล้วพอคบกันไป นิสัยมันไม่ได้อ่ะ (นิสัยไม่ได้เช่น ติดการพนัน ติดเหล้า สูบบุหรี่ ใช้เงินเก่ง ขี้วีน อาละวาด ไม่เคราพพ่อแม่ ต่างๆนาๆ) แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ารักแรกพบนั้น มันจะใช่เสมอไป (ส่วนตัวผมมักจะเรียกว่า ชอบแรกพบมากกว่า) คำว่า "รัก" ไม่มีทางที่จะพูดกันได้ง่ายถึงขนาด
เจอกันครั้งแรก แต่ก็ยังเชื่อว่ามี และมีจริง และแต่งงานกันจริงๆก็มี อันนี้เชื่อจริงๆครับ
เอาละมาเข้าเรื่องนี้วันนี้ดีกว่า ผมกับแฟนทะเลาะกัน เรื่องแรกเลย คือเรื่องร้านอาหารญี่ปุ่น แฟนถามผมตั้งแต่บ่ายว่ากินร้านไหนดี เขาจะพาเพื่อนไปทาน ผมเคยไปเรียนญี่ปุ่นมา และชอบการทานอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ก็แนะนำไป เขาไม่เชื่อ ไปกินร้านหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าไม่อร่อย สุดท้ายก็กิน ผมก็กิน เอาจริงๆก็กินร้านนี้ล่าสุดน่าจะ 10 กว่าปีที่แล้ว และไม่กินอีกเลย เอาวะเพื่อเปลี่ยนไป สุดท้ายไม่อร่อยเลย ราคาแพงมาก ราคาไม่สำคัญหรอก แต่มันเสียอารมณ์นักกินอย่างเราๆ เอาว่าไปซื้ออาหารญี่ปุ่นแช่แข็งโง่ๆ หรือตามตลาดนัดยังอร่อยกว่าเลย พอทานเสร็จผมก็อารมณ์เสีย ก็คุยๆกับแฟนแล้วว่า "บอกแล้วอย่ามาๆ" ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าไม่อร่อย ผมก็พูดไปเลย "ไปกินขี้ยังอร่อยกว่าอีก" เหอะๆ คืออารมณ์เสียมากแต่ผมก็จบตรงนั้นนะ จากนั้นเราก็กลับบ้านกัน แฟนผมก็พูดขึ้นมาว่า "เสาร์นี้ต้องไปใส่ที่ดัดฟัน" ผมพึ่งรู้ ผมเลยบอกไปว่า "จะใส่ที่ดัดฟันได้ไง ฟันคุดเธอยังไม่ได้ทอนเลย แล้วนี้มีจองหมอรึยัง พรุ่งนี้ก็พฤหัสแล้วนะ ไหนจะต้องทำงานอีก ตอนเย็นๆใช่ว่าหมอจะว่างนะ" เขาก็ว่าผมประมาณว่าฉันจัดการเองได้ ผมก็บอกว่า "จัดการเองได้อะไร ตอนนี้ก็น่าจะจองได้แล้ว เพราะหมอที่ดัดฟันก็เจ้าดัง กว่าจะจองได้ก็เป็นเดือน" จบไปอีกเรื่อง
กลับมาถึงบ้านเนื่องจากว่าเราอยู่ด้วยกัน แฟนผมก็เริ่มหงุดหงิดผมก็ทราบ เลยเดินออกไปฝากเงินที่ตู้แบงค์ กะว่าให้เขาไม่ได้ยินเสียงผมสักพักอะไรๆอาจจะดีขึ้น (คือผมก็รู้ตัวนะ ว่าปากเราไม่ดีไปว่าเขา แต่ออกไปเพราะเป็นห่วงจริงๆ แต่ความเป็นห่วงของผมออกมาเป็นคำว่าเนี่ยสิ)
พอจะนอน (ปกติเรานอนกันเร็วครับ สามทุ่มสี่ทุ่มก็ปิดไฟแหละ) ผมก็บอกไปว่ามีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมา เคลียร์จบเป็นวันๆเลยดีกว่า เธอก็ร่ายยาวเลยครับ ทั้งขึ้นเสียง ทั้งอะไร ซึ่งผมก็เข้าใจ บางจังหวะผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ แต่ก็อดทนเพราะเราบอกให้เขาระบายเอง ซึ่งเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว คือไม่อยากให้แฟนเครียด สรุปก็พูดเรื่องเดิมๆ แต่มีเพิ่มเติมมาว่า ถ้าเธอไม่ชอบร้านอาหารที่เราไปกินวันหลังก็ไม่ต้องไป ฉันไปกับเพื่อนฉันเองได้ (อ๋อลืมบอกไปวันนี้เขานัดเพื่อนมาคนหนึ่ง)
ยิ่งเล่ายิ่งเลอะเทอะครับ
สรุป ผมรู้ตัวนะว่าข้อเสียผมอยู่ตรงไหน ผมพยายามจะแก้จริงๆ เพราะหลังจากที่ต้องล่มงานแต่ง ผมก็ไม่โทษใครเลย นอกจากตัวผมเอง ผมมีข้อเสียที่ปาก ผมพูดไม่ถนอมน้ำใจคนฟัง จริงๆมันไม่ได้เรียกว่าพูดตรงๆหรอก มันเรียกว่าปากหมา แต่ผมพูดจริงๆเลยนะครับ ผมไม่เคยตั้งใจที่จะพูดว่าใคร แต่มันออกมาเองเป็นธรรมชาติ ของตัวผมเลย ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะพูดแรงๆ เพื่อความซะใจ รู้ทั้งรู้ แต่แก้ไม่ได้สักที เคยคิดอยากจะหุบปากตัวเองเหมือนกัน แต่เพราะเราเป็นห่วง แต่ความเป็นห่วงผม ออกมาในแนว ติเตียน มันเลยใช้ไม่ได้จริงๆ
ขอบ่นแค่นี้ละครับ
1. ถ้าเลือกผู้ชายมาเป็นแฟนได้ คุณผู้หญิงจะเลือกผู้ชายแบบไหนครับ
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
ทะเลาะกับแฟนครับ อยากหาเพื่อนคุยเล่นครับผม และมีโพลมาลองทำกันเล่นๆ ว่าคุณชอบผู้ชายแบบไหน
แต่ที่ตั้งโพลแบบนี้ เพราะยังคิดว่า ผู้หญิงบางคนเลือกที่จะไม่รับรู้ เพราะการเจ้าชู้ ถ้าเจ้าตัวไม่รู้ ก็ถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นรึเปล่า
ในกรณีถ้ารู้ ผมมั่นใจว่าไม่มีใครชอบครับ
แต่เรื่องปากเสียเนี่ย ไม่เลี่ยงที่จะไม่รับรู้ลำบากครับ
เหตุผลตรงนี้ครับ ที่ผมลืมเติมไป
จบเรื่องโพล ขอระบายหน่อย
ทะเลาะกับแฟนครับ หลักๆเลยก็ไร้สาะระแหละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็แอบเครียด เพราะว่าทะเลาะกันเพราะสันดานส่วนตัวของผม ซึ่งแก้ไม่เคยจะหายสักที รู้ตัวนะครับ อยากจะแก้ แต่แก้ไม่ได้ มันเหมือนจะดีขึ้นมั่ง จากแต่ก่อนที่ไม่รู้ตัว เดี๋ยวนี้คือรู้ตัว แต่หลายครั้งมันออกไปเพราะเป็นธรรมชาติของตัวผมจริงๆ
ปัญหาของผมคือ "ปาก" ครับ ปากเสียแหละว่ากันง่ายๆ
นานมาแล้ว 7-8 ปีได้แล้วมั่ง ผมคบแฟนคนหนึ่งมานานพอสมควร ประมาณ 6 ปีได้คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย จนจบมาด้วยกัน หางานมาด้วยกัน ลำบากเก็บเงินมาด้วยกัน แต่ผมเป็นคนปากไม่ดีครับ ชอบว่าเขาเวลาเขาทำอะไรไม่ถูกใจเรา แต่ไม่ว่าหยาบๆนะครับ ออกทำนองประชด ตอนนั้นเราก็เด็ก ไม่เคยคิดครับว่าเราผิด จนสุดท้ายเขาก็ไปมีชู้และ ก็เลิกกันไปในวันที่ผมขอเขาแต่งงาน
เสียใจมากครับ เอาเป็นว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ วินาทีที่ตื่นคือร้องไห้ทันที หลังจากนั้นก็เริ่มฟังธรรม 555 ตามสูตรครับ เข้าฟิตเนส ทำตัวให้ดี เพราะเชื่อว่า การทำตัวไม่ดีมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา แต่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็น ผมเป็นคนไม่หวาน หวานบ้างนะมี โรแมนติคก็มีบ้าง เซอร์ไพรซ์ก็มี ขอแต่งเนี่ย เล่นเซอร์ไพรซ์ แล้วเจอเคาเตอร์ด้วยเซอร์ไพรซ์เช่นกัน อิอิ
จำได้ว่าไปอ่าน sms ในมือถือแฟน และเจอข้อความหนึ่งเป็นข้อความธรรมดามาก ประมาณว่า "พรุ่งนี้อย่าลืมส่งงาน" แต่ในใจผมเหมือนมีผีบอก (เซนส์มั่งครับผู้ชายก็มีเหมือนกันเนอะ) มันสั่งให้ผมตามอ่าน sms ของคนส่งชื่อนี้ จนสุดท้ายผมไปเจอ ขอความหวานบาดใจ ประมาณว่า "ฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบ ฉันไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว บลาๆๆ" ซึ่งผมรู้ตัวเลยครับว่า นี้ไม่ใช่ผม ผมไม่มีวันพูดคำแบบนี้ออกไปแน่นอน เพราะผมไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ
คือผมเชื่อนะว่ารักแรกพบมีจริง แต่มันยังมีอีกหลายปัจจัยมากๆ หลังจากวันที่เรารักแรกพบ เช่น นิสัย เป็นต้น ผมก็เคยคิดนะว่าถ้าผมเจอคนที่ว่ารักแรกพบ แล้วพอคบกันไป นิสัยมันไม่ได้อ่ะ (นิสัยไม่ได้เช่น ติดการพนัน ติดเหล้า สูบบุหรี่ ใช้เงินเก่ง ขี้วีน อาละวาด ไม่เคราพพ่อแม่ ต่างๆนาๆ) แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ารักแรกพบนั้น มันจะใช่เสมอไป (ส่วนตัวผมมักจะเรียกว่า ชอบแรกพบมากกว่า) คำว่า "รัก" ไม่มีทางที่จะพูดกันได้ง่ายถึงขนาด
เจอกันครั้งแรก แต่ก็ยังเชื่อว่ามี และมีจริง และแต่งงานกันจริงๆก็มี อันนี้เชื่อจริงๆครับ
เอาละมาเข้าเรื่องนี้วันนี้ดีกว่า ผมกับแฟนทะเลาะกัน เรื่องแรกเลย คือเรื่องร้านอาหารญี่ปุ่น แฟนถามผมตั้งแต่บ่ายว่ากินร้านไหนดี เขาจะพาเพื่อนไปทาน ผมเคยไปเรียนญี่ปุ่นมา และชอบการทานอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ก็แนะนำไป เขาไม่เชื่อ ไปกินร้านหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าไม่อร่อย สุดท้ายก็กิน ผมก็กิน เอาจริงๆก็กินร้านนี้ล่าสุดน่าจะ 10 กว่าปีที่แล้ว และไม่กินอีกเลย เอาวะเพื่อเปลี่ยนไป สุดท้ายไม่อร่อยเลย ราคาแพงมาก ราคาไม่สำคัญหรอก แต่มันเสียอารมณ์นักกินอย่างเราๆ เอาว่าไปซื้ออาหารญี่ปุ่นแช่แข็งโง่ๆ หรือตามตลาดนัดยังอร่อยกว่าเลย พอทานเสร็จผมก็อารมณ์เสีย ก็คุยๆกับแฟนแล้วว่า "บอกแล้วอย่ามาๆ" ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าไม่อร่อย ผมก็พูดไปเลย "ไปกินขี้ยังอร่อยกว่าอีก" เหอะๆ คืออารมณ์เสียมากแต่ผมก็จบตรงนั้นนะ จากนั้นเราก็กลับบ้านกัน แฟนผมก็พูดขึ้นมาว่า "เสาร์นี้ต้องไปใส่ที่ดัดฟัน" ผมพึ่งรู้ ผมเลยบอกไปว่า "จะใส่ที่ดัดฟันได้ไง ฟันคุดเธอยังไม่ได้ทอนเลย แล้วนี้มีจองหมอรึยัง พรุ่งนี้ก็พฤหัสแล้วนะ ไหนจะต้องทำงานอีก ตอนเย็นๆใช่ว่าหมอจะว่างนะ" เขาก็ว่าผมประมาณว่าฉันจัดการเองได้ ผมก็บอกว่า "จัดการเองได้อะไร ตอนนี้ก็น่าจะจองได้แล้ว เพราะหมอที่ดัดฟันก็เจ้าดัง กว่าจะจองได้ก็เป็นเดือน" จบไปอีกเรื่อง
กลับมาถึงบ้านเนื่องจากว่าเราอยู่ด้วยกัน แฟนผมก็เริ่มหงุดหงิดผมก็ทราบ เลยเดินออกไปฝากเงินที่ตู้แบงค์ กะว่าให้เขาไม่ได้ยินเสียงผมสักพักอะไรๆอาจจะดีขึ้น (คือผมก็รู้ตัวนะ ว่าปากเราไม่ดีไปว่าเขา แต่ออกไปเพราะเป็นห่วงจริงๆ แต่ความเป็นห่วงของผมออกมาเป็นคำว่าเนี่ยสิ)
พอจะนอน (ปกติเรานอนกันเร็วครับ สามทุ่มสี่ทุ่มก็ปิดไฟแหละ) ผมก็บอกไปว่ามีอะไรไม่สบายใจก็พูดออกมา เคลียร์จบเป็นวันๆเลยดีกว่า เธอก็ร่ายยาวเลยครับ ทั้งขึ้นเสียง ทั้งอะไร ซึ่งผมก็เข้าใจ บางจังหวะผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ แต่ก็อดทนเพราะเราบอกให้เขาระบายเอง ซึ่งเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้ว คือไม่อยากให้แฟนเครียด สรุปก็พูดเรื่องเดิมๆ แต่มีเพิ่มเติมมาว่า ถ้าเธอไม่ชอบร้านอาหารที่เราไปกินวันหลังก็ไม่ต้องไป ฉันไปกับเพื่อนฉันเองได้ (อ๋อลืมบอกไปวันนี้เขานัดเพื่อนมาคนหนึ่ง)
ยิ่งเล่ายิ่งเลอะเทอะครับ
สรุป ผมรู้ตัวนะว่าข้อเสียผมอยู่ตรงไหน ผมพยายามจะแก้จริงๆ เพราะหลังจากที่ต้องล่มงานแต่ง ผมก็ไม่โทษใครเลย นอกจากตัวผมเอง ผมมีข้อเสียที่ปาก ผมพูดไม่ถนอมน้ำใจคนฟัง จริงๆมันไม่ได้เรียกว่าพูดตรงๆหรอก มันเรียกว่าปากหมา แต่ผมพูดจริงๆเลยนะครับ ผมไม่เคยตั้งใจที่จะพูดว่าใคร แต่มันออกมาเองเป็นธรรมชาติ ของตัวผมเลย ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะพูดแรงๆ เพื่อความซะใจ รู้ทั้งรู้ แต่แก้ไม่ได้สักที เคยคิดอยากจะหุบปากตัวเองเหมือนกัน แต่เพราะเราเป็นห่วง แต่ความเป็นห่วงผม ออกมาในแนว ติเตียน มันเลยใช้ไม่ได้จริงๆ
ขอบ่นแค่นี้ละครับ