กสท.จี้'พีเอสไอ'ขอใบอนุญาตก่อนจอดำ

ก่อนการประมูลทีวีดิจิทัลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เร่งกำกับดูแลกิจการวิทยุโทรทัศน์ ในกลุ่มที่"ไม่ใช้คลื่นความถี่"คือกลุ่มเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม รวมทั้งแพลตฟอร์มหรือเครือข่ายเคเบิลทีวีและดาวเทียม โดยให้ใบอนุญาตต่อเนื่อง 14 ปี หลังจากให้ใบอนุญาตชั่วคราว ระยะ 1 ปี ในกลุ่มช่องรายการเกือบครบ100% แล้ว

โดยล่าสุดบอร์ดกสท.ซึ่งเป็นอนุกรรมการในกสทช. มีมติ "ห้าม" ช่องรายการ ไปออกอากาศในโครงข่ายไม่ได้ใบอนุญาต ซึ่งมีทั้งกลุ่มโครงข่ายระดับชาติ และระดับท้องถิ่น

โดยพ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่าการประชุมบอร์ด กสท.วานนี้ (5ส.ค.) มีมติ "เห็นชอบ" ห้าม "ช่องรายการ"ออกอากาศในโครงข่ายกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ หรือแพลตฟอร์มเคเบิลทีวีและดาวเทียม ที่"ไม่ได้รับใบอนุญาต" จากกสทช. เพื่อเร่งให้ทั้งฝั่งกิจการช่องรายการที่ขณะนี้ได้รับใบอนุญาตแล้ว98% หรือกว่า 752 ช่องรายการ และโครงข่ายระดับชาติ เข้าสู่กระบวนการกำกับดูแลโดย กสทช.

ปัจจุบันมีโครงข่ายระดับชาติที่ได้รับใบอนุญาตจากกสทช.แล้วประมาณ 22 บริษัท เช่น ทรูวิชั่นส์ ซีทีเอช จีเอ็มเอ็ม แซท ซิมโฟนี อสมท ทีโอที เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ได้รับใบอนุญาตตั้งแต่ต้นปี2556 และสิ้นสุดอายุใบอนุญาตปี 2571 หรืออายุใบอนุญาต 15 ปี

ตัวอย่างเครือข่ายที่ได้รับใบอนุญาตจากสทช.

     บริษัท                     ระยะใบอนุญาต

     ซิมโฟนี                   25 ก.ค.56-24ก.ค.71

     จีเอ็มเอ็ม แซท          4 ม.ค.56-4 ม.ค.71

     ซีทีเอช                   4ม.ค.56- 4 ม.ค.71

     อสมท                    25 มี.ค.56-24 มี.ค.71

     กสท โทรคมนาคม    28 ม.ค.56-27 ม.ค.71

ค่าคำขอใบอนุญาตบริการโครงข่ายไม่ใช่คลื่น

ระดับท้องถิ่น 5,000

ระดับภูมิภาค 50,000

ระดับชาติ 250,000

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี

รายได้< 5 ล้านบาท 1.5%

รายได้ > 5 ล้านบาท 2%

*% ของรายได้

ปัจจุบันโครงข่ายดาวเทียม"พีเอสไอ" ยังไม่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เนื่องจาก พีเอสไอ ใช้บริษัทย่อย ชื่อ บริษัท โพลี บรอดคาสติ้ง จำกัด ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเทคโนโลยีจัดเรียงช่อง มายื่นขอใบอนุญาตโครงข่าย โดยอนุกรรมการฯ เห็นว่าไม่ใช่บริษัทดำเนินกิจการโครงข่ายโดยตรง จึงยังไม่พิจารณาให้ใบอนุญาต

จากมติ บอร์ด กสท. คาดภายใน 2 สัปดาห์ สำนักงาน กสทช.จะส่งหนังสือแจ้งไปยังช่องรายการต่างๆ ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. "ห้าม" ออกอากาศบนโครงข่ายที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งก็คือ พีเอสไอ

"หากพีเอสไอ ยังไม่ดำเนินการขออนุญาตโครงข่ายให้ถูกต้อง ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ ที่สำนักงาน กสทช.จะส่งหนังสือไปถึงช่องรายการต่างๆ พีเอสไออาจต้องเผชิญปัญหาจอดำ เพราะช่องรายการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ไลเซ่น กสทช. จะไม่สามารถออกอากาศบนแพลตฟอร์มพีเอสไอได้" พ.อ.นที กล่าว

ทั้งนี้ กสทช.มีเจตนาพิจารณาให้ใบอนุญาตทั้งช่องรายการ และโครงข่ายที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ จึงต้องการให้ พีเอสไอ ดำเนินการขออนุญาตโครงข่ายอย่างถูกต้อง เพื่อเข้าสู่การกำกับดูแลกิจการโดยเร็ว

"พีเอสไอ"แจงเร่งขอไลเซ่น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ยืนยันว่า ได้จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท โพลี บรอดคาสติ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจโครงข่าย เร่งดำเนินการขอใบอนุญาตโครงข่ายจาก กสทช.โดยอยู่ระหว่างการโอนทรัพย์สินในกิจการโครงข่าย จากบริษัท โพลี เทเล มีเดีย จำกัด(PTM) ซึ่งประกอบกิจการทั้งโครงข่าย และอื่นๆ เช่น ผลิตช่องรายการ การบริหารโฆษณา

ทั้งนี้ จะมีการโอนย้ายธุรกิจเฉพาะโครงข่าย ที่ประกอบด้วยการบริหารเทคโนโลยีจัดเรียงช่อง OTA ,บริการรับส่งสัญญาณดาวเทียมให้ช่องรายการต่างๆ และการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมจากไทยคม มาอยู่ที่บริษัทโพลี บรอดคาสติ้ง เนื่องจากในการประกอบกิจการโครงข่ายต้องนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2%ของรายได้ให้กับ สำนักงาน กสทช. และอีก 2% ให้กองทุนสื่อ จึงจำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาดำเนินการโดยเฉพาะ เนื่องจากบริษัทแม่ มีการดำเนินงานในกิจการอื่นๆ ที่มีรายได้โดยไม่เกี่ยวกับโครงข่าย อีกทั้งขั้นตอนที่มีความล่าช้า คือการแก้ไขบริษัทเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมจากบริษัทพีทีเอ็ม เป็นบริษัท โพลี บรอดคาสติ้ง จำกัด

"เชื่อว่าจะได้รับการพิจารณาให้ใบอนุญาตโดยเร็ว หรือในการประชุมบอร์ด กสท.ครั้งต่อไป และจะไม่เกิดปัญหาจอดำในพีเอสไอแน่นอน"
สมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด

นอกจากนี้ บอร์ด กสท.ได้เห็นชอบ ร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ เพิ่มเติมในเครือข่ายเคเบิลและดาวเทียม ให้สามารถจัดเรียงช่องรายการลำดับช่องที่ 1-10 ได้เอง เพื่อให้ทุกแพลตฟอร์มใช้เป็นจุดเด่นและความแตกต่างในการทำตลาด ต่อจากนั้นให้เรียงหมวดหมู่ ตามประกาศกำหนดหมวดหมู่ คือช่องที่ 11-46 เป็นช่องทีวีดิจิทัลสาธารณะและธุรกิจ และตามด้วยช่องตามหมวดหมู่ที่แต่ละแพลตฟอร์มต้องการจัดเรียง

ส่วนโครงข่ายใช้คลื่นความถี่ ทีวีดิจิทัล จะต้องจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัลสาธารณะ เป็นลำดับแรก คือ ช่องลำดับที่1-12 ทีวีดิจิทัลสาธารณะ หลังจากนั้นตามด้วยช่องทีวีดิจิทัล ลำดัลที่ 13-15 ช่องเด็ก ลำดับที่ 16-22 ช่องข่าว ลำดับช่อง 23-29 ช่องวาไรตี้ และลำดับที่ 30-36 ช่องเอชดี

การจัดลำดับช่องในเครือข่ายทีวีดิจิทัล

ลำดับช่อง ประเภทช่อง

1-12 สาธารณะ

13-15 เด็ก

16-22 ข่าว

23-29 วาไรตี้

30-36 เอชดี

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่