...และแล้วก็ต้องปลีกเวลามาทำบทความเรื่องกระเป๋าหนังนี้ต่อให้จบจนได้ เพราะมีหลายๆคนยังสนใจติดตามที่จะอ่านต่อ
...เว้นไปหลายวันตอนแรกกะว่าคงพักไว้อีกยาว เพราะการเขียนบทความ ไม่ใช่เรื่องถนัดนักสำหรับตัวผม ก็ตอนนี้นี่นะรึ กำลังถนัดและลุ่มหลงกับการทำกระเป๋าหนังอยู่นะสิ อืมๆๆๆๆ เริ่มตรงไหนดีนะ
...หลังสุดที่คุยถึงกระเป๋าหนังก๊อปปี้แบรนเนม ซื้อมาตกใบละสองสามพัน ใช้ได้ไม่ถึงปี ไปๆมาๆ บวกลบคุณหารดูก็จะรู้ว่าแพงกว่า กระเป๋าหนังแท้ๆแบรนเนมซะอีก แม้จะราคาหลายหมื่นบาทก็ตาม แต่เราจะได้คุณภาพแบบสูงสุด ใช้ได้คงทนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันเลยทีเดียว แล้วหลังๆผมมารู้อีกว่า กระเป๋าหนังแบรนเนม รวมถึงสินค้าแบรนเนม แบรนนอกทั้งหลายเขาเริ่มเข้มงวดมาก เมื่อก่อนเขาไล่จับผู้ขายผู้ผลิตกันให้วุ่น แต่ตอนนี้ แม้แต่ผู้ซื้อเองที่เอามาถืออวดอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะโดนจับด้วยก็ได้ โดยเฉพาะที่ประเทศต้นทางเจ้าของแบรนนั้นๆ ก็ดูๆกันไว้ด้วยนะครับ
...จบเรื่องความไฝ่ฝัน การอยากได้กระเป๋าหนังเบรนเนมมาใช้สอยสักใบไปแล้วครับ หลักๆก็เป็นเพราะเราเองที่โตขึ้นมาก เงินทองจะใช้จ่ายก็คิดเยอะขึ้นไปอีกหลายเท่าถ้าเทียบจากเมื่อก่อน และที่สำคัญพักหลังมีการรณรงค์เรื่องการลดละใช้ของแบรนนอกที่ทำให้ประเทศเราเสียดุลการค้าไปมากโข พร้อมทั้งให้หันมาสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยกันบ้าง ขณะนั้นตัวผมเองก็ทำโรงงานส่งออกอยู่ด้วย เราผลิตเองราออกแบบเอง ใจก็หวังอยากพิมพ์แบรนตัวเองติดไว้ที่ตัวสินค้าบ้าง แต่ลูกค้าฝรั่งไม่เห็นด้วยอย่างแรงสิครับ ขนาดว่าชื่อศิลปินคนไทยแท้ๆสมหมายสมชายทองดี เขาก็ขอให้เปลี่ยนเป็นชื่อมาติโน่ซันโตรีอาเมสซี่ อะไรประมาณนั้น ( ผมทำโรงงานตุ๊กตาส่งออกนะครับในตอนนั้น ก็ดูแลหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะด้านการออกแบบ และตรวจสอบคุณภาพ )
...ก็ ณ ช่วงเวลานั่นละครับ หลังน้ำท่วมใหญ่ ทรัพย์สินส่วนโรงงาน และส่วนตัว เสียหายยับเยิน (ข้าเรื่องเลยดีกว่า ไม่งั้นบทความนี้จะมีภาคสี่ ซึ่งคิดว่ายาวเกินไปแน่ๆ) กระเป๋าหนังใบโปรด ก็จมน้ำไปด้วย ผมก็ต้องออกค้นหาใบต่อไปทันที ซึ่งมีคุณลักษณะอยู่ในใจว่ารอบนี้ อยากได้กระเป๋าหนังแบบนี้แบบนั้น ออกไปเดินตลาดไหน ห้างไหน เมืองไหน ประเทศไหนๆ ช่วงนั้นก็ลี่เข้าหาแต่ร้านขายกระเป๋าหนังทุกทีที่เจอสิน่า ก็มีกระเป๋าหนังแบบที่คล้ายๆกับที่ต้องการอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่ ( ดูเรื่องมากจังแหะ ) ไม่ใช่เรื่องมากนะครับ แต่ละเอียดกับความต้องการของตัวเองซะหน่อย รอบนี้ ขอเถอะ
...กลายเป็นว่า ผมต้องไปเรียนทำกระเป๋าหนังด้วยตัวเองครับ ( หะหะหะหะหะ ) เพราะพักหลังนั้นละ ที่เราหากระเป๋าหนังในแบบที่ต้องการไม่ได้ ทั้งออกท่องเที่ยวตามแหล่งช๊อปปิ้ง และเสาะหาข้อมูลในโลกออนไลน์ จนทำให้ผมมีความรู้ในด้านกระเป๋าหนังขึ้นมาในระดับ ประหนึ่งว่าเป็นพนักงานในโรงงานผลิตกระเป๋าหนังมาแรมปี ( ฟังดูเว่อร์ๆนะ ) แต่ก็ประมาณนั้นละ ไหนๆก็ไหนๆ เหลืออีกอย่างเดียวคือ ขอเป็นศิษมีครูให้สมบูณร์แบบไปเลยดีกว่า ไว้วันหลังใครถามจะได้พูดได้เต็มปาก ว่า กระเป๋าหนังแบรนของผมนี่ มีที่มาที่ไปอย่างสมบูรณ์ในระดับไหน จะว่าก็ ก็ว่ากันมา
...แล้วผมก็ผ่านการเล่าเรียนการทำกระเป๋าหนังจนจบบริบูรณ์ครับ อุแหม่ วิชาที่ได้มันร้อนฉ่าเสียเหลือเกิน วันก่อนจบผมประกาศกลางห้องเรียนไปเลยว่า จะสร้างแบรนกระเป๋าหนังของตัวเอง และเตรียมเปิดร้านขายไว้เรียบร้อยแล้วที่นั่นที่นี่ บลาๆๆ ...อาจารย์ผู้สอนและเพื่อนร่วมเรียนต่างก็ตบมือกันเกลียว ตามด้วยคำชื่นชมว่า “ร้อนฉ่าจริงๆนะไอ้ฮอต” ( ไม่แน่ใจว่านั่นชมหรือด่านะ หะหะ )
...ช่วงเกือบปีระหว่างเรียนการตัดเย็บกระเป๋าหนังนั่นละ ผมก็วางแผนการตลาดไว้เป็นฉากๆ เหมือนง่ายนะ ข้อเด่นข้อด้อย เงินทุนหมุนเวียน แรงงานคุณภาพดีๆ การบริการหลังการขาย โน่นนี่นั่น เยอะแยะไปหมดไอเดียแน่น

ด หัวกระโหลกแทบระเบิดไปเลยช่วงนั้น แล้วโชคดีก็เข้าข้างในประเด็นที่สำคัญที่สุด ว่าด้วยคุณภาพของกระเป๋าหนังแบรนของเรา ผมได้ติดต่อญาติผู้พี่ท่านหนึ่ง หลังจากที่รู้ว่าเขาอยู่ในวงการตัดเย็บกระเป๋าหนังมานับสิบปี ก็ นัดทานข้าวพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ...สรุปได้ว่าเรามาร่วมมือกัน สร้างกระเป๋าหนังแบรนของเราเองกันเถอะ
...ช่วงท้ายของบทความนี้ ผมขอเขียนแบบบิดบังบ้าง และรวบรัดนิดหน่อยนะครับ เนื่องจาก จะมีผลต่อการเข้ามาของคู่แข่งครับผม ถึงไหนแล้วละ ...แล้ววันเปิดร้านก็มาถึง ผมและทีมงานมืออาชีพด้านกระเป๋าหนังอีกสองคน รวมทั้งหมดสามคนในร้าน ยิ้มพิมพ์ใจ ยุ่งไปวุ่นไปกับการออกแบบ ตัดเย็บ กระเป๋าหนังนะสิครับ ยอมรับว่าสนุกมาก ตัวผมเองชอบมาก คล้ายๆว่า กระเป๋าหนังแต่ละใบเป็นงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ( ออกตัวนิดหนึ่งว่า ผมเองก็เป็นศิลปินน้อยๆมาตั้งแต่เกิดแล้วนะครับ แบบว่าติสแตกก็มีอยู่เนืองๆ )
...และแล้ววันจ่ายค่าเช่าร้านก็มาถึง นั่นหมายความว่า เปิดร้านตัดเย็บกระเป๋าหนังแบรนGooWalker ได้ครบหนึ่งเดือนแล้วครับ ผมก็ไม่รอช้า ควักกระเป๋าหยิบเงินออกมาทันที เพื่อการนี้ ( ควักทุนเพิ่ม ) ก็จะอะไรซะอีกละ ขายกระเป๋าหนังที่ภูมิใจนักหนา นั่นได้หนึงใบในรอบหนึ่งเดือนนะสิครับ “ ถามว่าท้อไหม อยากบอกว่าท้อมาก อยากเย็นจนเกินความเข้าใจ “ หะหะ ร้องเพลงประกอบบทความแค่นั้นจริงๆนะครับ ก็ต้องสู้กันต่อไป กระเป๋าหนังที่รักของเรา
...จบแล้วนะ ( จะรวบรัดไปไหนเนี่ย )
ถึงคนรักกระเป๋าหนัง ตอน 3 ( ตอนจบ )
...เว้นไปหลายวันตอนแรกกะว่าคงพักไว้อีกยาว เพราะการเขียนบทความ ไม่ใช่เรื่องถนัดนักสำหรับตัวผม ก็ตอนนี้นี่นะรึ กำลังถนัดและลุ่มหลงกับการทำกระเป๋าหนังอยู่นะสิ อืมๆๆๆๆ เริ่มตรงไหนดีนะ
...หลังสุดที่คุยถึงกระเป๋าหนังก๊อปปี้แบรนเนม ซื้อมาตกใบละสองสามพัน ใช้ได้ไม่ถึงปี ไปๆมาๆ บวกลบคุณหารดูก็จะรู้ว่าแพงกว่า กระเป๋าหนังแท้ๆแบรนเนมซะอีก แม้จะราคาหลายหมื่นบาทก็ตาม แต่เราจะได้คุณภาพแบบสูงสุด ใช้ได้คงทนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันเลยทีเดียว แล้วหลังๆผมมารู้อีกว่า กระเป๋าหนังแบรนเนม รวมถึงสินค้าแบรนเนม แบรนนอกทั้งหลายเขาเริ่มเข้มงวดมาก เมื่อก่อนเขาไล่จับผู้ขายผู้ผลิตกันให้วุ่น แต่ตอนนี้ แม้แต่ผู้ซื้อเองที่เอามาถืออวดอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะโดนจับด้วยก็ได้ โดยเฉพาะที่ประเทศต้นทางเจ้าของแบรนนั้นๆ ก็ดูๆกันไว้ด้วยนะครับ
...จบเรื่องความไฝ่ฝัน การอยากได้กระเป๋าหนังเบรนเนมมาใช้สอยสักใบไปแล้วครับ หลักๆก็เป็นเพราะเราเองที่โตขึ้นมาก เงินทองจะใช้จ่ายก็คิดเยอะขึ้นไปอีกหลายเท่าถ้าเทียบจากเมื่อก่อน และที่สำคัญพักหลังมีการรณรงค์เรื่องการลดละใช้ของแบรนนอกที่ทำให้ประเทศเราเสียดุลการค้าไปมากโข พร้อมทั้งให้หันมาสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยกันบ้าง ขณะนั้นตัวผมเองก็ทำโรงงานส่งออกอยู่ด้วย เราผลิตเองราออกแบบเอง ใจก็หวังอยากพิมพ์แบรนตัวเองติดไว้ที่ตัวสินค้าบ้าง แต่ลูกค้าฝรั่งไม่เห็นด้วยอย่างแรงสิครับ ขนาดว่าชื่อศิลปินคนไทยแท้ๆสมหมายสมชายทองดี เขาก็ขอให้เปลี่ยนเป็นชื่อมาติโน่ซันโตรีอาเมสซี่ อะไรประมาณนั้น ( ผมทำโรงงานตุ๊กตาส่งออกนะครับในตอนนั้น ก็ดูแลหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะด้านการออกแบบ และตรวจสอบคุณภาพ )
...ก็ ณ ช่วงเวลานั่นละครับ หลังน้ำท่วมใหญ่ ทรัพย์สินส่วนโรงงาน และส่วนตัว เสียหายยับเยิน (ข้าเรื่องเลยดีกว่า ไม่งั้นบทความนี้จะมีภาคสี่ ซึ่งคิดว่ายาวเกินไปแน่ๆ) กระเป๋าหนังใบโปรด ก็จมน้ำไปด้วย ผมก็ต้องออกค้นหาใบต่อไปทันที ซึ่งมีคุณลักษณะอยู่ในใจว่ารอบนี้ อยากได้กระเป๋าหนังแบบนี้แบบนั้น ออกไปเดินตลาดไหน ห้างไหน เมืองไหน ประเทศไหนๆ ช่วงนั้นก็ลี่เข้าหาแต่ร้านขายกระเป๋าหนังทุกทีที่เจอสิน่า ก็มีกระเป๋าหนังแบบที่คล้ายๆกับที่ต้องการอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่ ( ดูเรื่องมากจังแหะ ) ไม่ใช่เรื่องมากนะครับ แต่ละเอียดกับความต้องการของตัวเองซะหน่อย รอบนี้ ขอเถอะ
...กลายเป็นว่า ผมต้องไปเรียนทำกระเป๋าหนังด้วยตัวเองครับ ( หะหะหะหะหะ ) เพราะพักหลังนั้นละ ที่เราหากระเป๋าหนังในแบบที่ต้องการไม่ได้ ทั้งออกท่องเที่ยวตามแหล่งช๊อปปิ้ง และเสาะหาข้อมูลในโลกออนไลน์ จนทำให้ผมมีความรู้ในด้านกระเป๋าหนังขึ้นมาในระดับ ประหนึ่งว่าเป็นพนักงานในโรงงานผลิตกระเป๋าหนังมาแรมปี ( ฟังดูเว่อร์ๆนะ ) แต่ก็ประมาณนั้นละ ไหนๆก็ไหนๆ เหลืออีกอย่างเดียวคือ ขอเป็นศิษมีครูให้สมบูณร์แบบไปเลยดีกว่า ไว้วันหลังใครถามจะได้พูดได้เต็มปาก ว่า กระเป๋าหนังแบรนของผมนี่ มีที่มาที่ไปอย่างสมบูรณ์ในระดับไหน จะว่าก็ ก็ว่ากันมา
...แล้วผมก็ผ่านการเล่าเรียนการทำกระเป๋าหนังจนจบบริบูรณ์ครับ อุแหม่ วิชาที่ได้มันร้อนฉ่าเสียเหลือเกิน วันก่อนจบผมประกาศกลางห้องเรียนไปเลยว่า จะสร้างแบรนกระเป๋าหนังของตัวเอง และเตรียมเปิดร้านขายไว้เรียบร้อยแล้วที่นั่นที่นี่ บลาๆๆ ...อาจารย์ผู้สอนและเพื่อนร่วมเรียนต่างก็ตบมือกันเกลียว ตามด้วยคำชื่นชมว่า “ร้อนฉ่าจริงๆนะไอ้ฮอต” ( ไม่แน่ใจว่านั่นชมหรือด่านะ หะหะ )
...ช่วงเกือบปีระหว่างเรียนการตัดเย็บกระเป๋าหนังนั่นละ ผมก็วางแผนการตลาดไว้เป็นฉากๆ เหมือนง่ายนะ ข้อเด่นข้อด้อย เงินทุนหมุนเวียน แรงงานคุณภาพดีๆ การบริการหลังการขาย โน่นนี่นั่น เยอะแยะไปหมดไอเดียแน่น
...ช่วงท้ายของบทความนี้ ผมขอเขียนแบบบิดบังบ้าง และรวบรัดนิดหน่อยนะครับ เนื่องจาก จะมีผลต่อการเข้ามาของคู่แข่งครับผม ถึงไหนแล้วละ ...แล้ววันเปิดร้านก็มาถึง ผมและทีมงานมืออาชีพด้านกระเป๋าหนังอีกสองคน รวมทั้งหมดสามคนในร้าน ยิ้มพิมพ์ใจ ยุ่งไปวุ่นไปกับการออกแบบ ตัดเย็บ กระเป๋าหนังนะสิครับ ยอมรับว่าสนุกมาก ตัวผมเองชอบมาก คล้ายๆว่า กระเป๋าหนังแต่ละใบเป็นงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ( ออกตัวนิดหนึ่งว่า ผมเองก็เป็นศิลปินน้อยๆมาตั้งแต่เกิดแล้วนะครับ แบบว่าติสแตกก็มีอยู่เนืองๆ )
...และแล้ววันจ่ายค่าเช่าร้านก็มาถึง นั่นหมายความว่า เปิดร้านตัดเย็บกระเป๋าหนังแบรนGooWalker ได้ครบหนึ่งเดือนแล้วครับ ผมก็ไม่รอช้า ควักกระเป๋าหยิบเงินออกมาทันที เพื่อการนี้ ( ควักทุนเพิ่ม ) ก็จะอะไรซะอีกละ ขายกระเป๋าหนังที่ภูมิใจนักหนา นั่นได้หนึงใบในรอบหนึ่งเดือนนะสิครับ “ ถามว่าท้อไหม อยากบอกว่าท้อมาก อยากเย็นจนเกินความเข้าใจ “ หะหะ ร้องเพลงประกอบบทความแค่นั้นจริงๆนะครับ ก็ต้องสู้กันต่อไป กระเป๋าหนังที่รักของเรา
...จบแล้วนะ ( จะรวบรัดไปไหนเนี่ย )