ถึงคนรักกระเป๋าหนัง ตอน 3 ( ตอนจบ )

...และแล้วก็ต้องปลีกเวลามาทำบทความเรื่องกระเป๋าหนังนี้ต่อให้จบจนได้  เพราะมีหลายๆคนยังสนใจติดตามที่จะอ่านต่อ
...เว้นไปหลายวันตอนแรกกะว่าคงพักไว้อีกยาว  เพราะการเขียนบทความ ไม่ใช่เรื่องถนัดนักสำหรับตัวผม  ก็ตอนนี้นี่นะรึ  กำลังถนัดและลุ่มหลงกับการทำกระเป๋าหนังอยู่นะสิ   อืมๆๆๆๆ  เริ่มตรงไหนดีนะ
...หลังสุดที่คุยถึงกระเป๋าหนังก๊อปปี้แบรนเนม  ซื้อมาตกใบละสองสามพัน  ใช้ได้ไม่ถึงปี  ไปๆมาๆ บวกลบคุณหารดูก็จะรู้ว่าแพงกว่า กระเป๋าหนังแท้ๆแบรนเนมซะอีก  แม้จะราคาหลายหมื่นบาทก็ตาม  แต่เราจะได้คุณภาพแบบสูงสุด  ใช้ได้คงทนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันเลยทีเดียว   แล้วหลังๆผมมารู้อีกว่า  กระเป๋าหนังแบรนเนม  รวมถึงสินค้าแบรนเนม แบรนนอกทั้งหลายเขาเริ่มเข้มงวดมาก  เมื่อก่อนเขาไล่จับผู้ขายผู้ผลิตกันให้วุ่น แต่ตอนนี้ แม้แต่ผู้ซื้อเองที่เอามาถืออวดอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะโดนจับด้วยก็ได้  โดยเฉพาะที่ประเทศต้นทางเจ้าของแบรนนั้นๆ   ก็ดูๆกันไว้ด้วยนะครับ
...จบเรื่องความไฝ่ฝัน การอยากได้กระเป๋าหนังเบรนเนมมาใช้สอยสักใบไปแล้วครับ  หลักๆก็เป็นเพราะเราเองที่โตขึ้นมาก  เงินทองจะใช้จ่ายก็คิดเยอะขึ้นไปอีกหลายเท่าถ้าเทียบจากเมื่อก่อน  และที่สำคัญพักหลังมีการรณรงค์เรื่องการลดละใช้ของแบรนนอกที่ทำให้ประเทศเราเสียดุลการค้าไปมากโข  พร้อมทั้งให้หันมาสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยกันบ้าง  ขณะนั้นตัวผมเองก็ทำโรงงานส่งออกอยู่ด้วย   เราผลิตเองราออกแบบเอง  ใจก็หวังอยากพิมพ์แบรนตัวเองติดไว้ที่ตัวสินค้าบ้าง  แต่ลูกค้าฝรั่งไม่เห็นด้วยอย่างแรงสิครับ  ขนาดว่าชื่อศิลปินคนไทยแท้ๆสมหมายสมชายทองดี  เขาก็ขอให้เปลี่ยนเป็นชื่อมาติโน่ซันโตรีอาเมสซี่  อะไรประมาณนั้น ( ผมทำโรงงานตุ๊กตาส่งออกนะครับในตอนนั้น ก็ดูแลหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะด้านการออกแบบ และตรวจสอบคุณภาพ )
...ก็  ณ ช่วงเวลานั่นละครับ  หลังน้ำท่วมใหญ่   ทรัพย์สินส่วนโรงงาน  และส่วนตัว เสียหายยับเยิน  (ข้าเรื่องเลยดีกว่า ไม่งั้นบทความนี้จะมีภาคสี่ ซึ่งคิดว่ายาวเกินไปแน่ๆ)  กระเป๋าหนังใบโปรด  ก็จมน้ำไปด้วย  ผมก็ต้องออกค้นหาใบต่อไปทันที   ซึ่งมีคุณลักษณะอยู่ในใจว่ารอบนี้  อยากได้กระเป๋าหนังแบบนี้แบบนั้น  ออกไปเดินตลาดไหน  ห้างไหน   เมืองไหน  ประเทศไหนๆ  ช่วงนั้นก็ลี่เข้าหาแต่ร้านขายกระเป๋าหนังทุกทีที่เจอสิน่า   ก็มีกระเป๋าหนังแบบที่คล้ายๆกับที่ต้องการอยู่บ้าง  แต่สุดท้ายก็ยังไม่ใช่  ( ดูเรื่องมากจังแหะ )  ไม่ใช่เรื่องมากนะครับ แต่ละเอียดกับความต้องการของตัวเองซะหน่อย  รอบนี้  ขอเถอะ
...กลายเป็นว่า   ผมต้องไปเรียนทำกระเป๋าหนังด้วยตัวเองครับ  ( หะหะหะหะหะ )  เพราะพักหลังนั้นละ  ที่เราหากระเป๋าหนังในแบบที่ต้องการไม่ได้   ทั้งออกท่องเที่ยวตามแหล่งช๊อปปิ้ง  และเสาะหาข้อมูลในโลกออนไลน์   จนทำให้ผมมีความรู้ในด้านกระเป๋าหนังขึ้นมาในระดับ  ประหนึ่งว่าเป็นพนักงานในโรงงานผลิตกระเป๋าหนังมาแรมปี  ( ฟังดูเว่อร์ๆนะ )  แต่ก็ประมาณนั้นละ  ไหนๆก็ไหนๆ  เหลืออีกอย่างเดียวคือ ขอเป็นศิษมีครูให้สมบูณร์แบบไปเลยดีกว่า  ไว้วันหลังใครถามจะได้พูดได้เต็มปาก  ว่า  กระเป๋าหนังแบรนของผมนี่  มีที่มาที่ไปอย่างสมบูรณ์ในระดับไหน จะว่าก็ ก็ว่ากันมา
...แล้วผมก็ผ่านการเล่าเรียนการทำกระเป๋าหนังจนจบบริบูรณ์ครับ  อุแหม่  วิชาที่ได้มันร้อนฉ่าเสียเหลือเกิน  วันก่อนจบผมประกาศกลางห้องเรียนไปเลยว่า  จะสร้างแบรนกระเป๋าหนังของตัวเอง  และเตรียมเปิดร้านขายไว้เรียบร้อยแล้วที่นั่นที่นี่ บลาๆๆ   ...อาจารย์ผู้สอนและเพื่อนร่วมเรียนต่างก็ตบมือกันเกลียว ตามด้วยคำชื่นชมว่า  “ร้อนฉ่าจริงๆนะไอ้ฮอต”  ( ไม่แน่ใจว่านั่นชมหรือด่านะ หะหะ )
...ช่วงเกือบปีระหว่างเรียนการตัดเย็บกระเป๋าหนังนั่นละ  ผมก็วางแผนการตลาดไว้เป็นฉากๆ  เหมือนง่ายนะ  ข้อเด่นข้อด้อย  เงินทุนหมุนเวียน  แรงงานคุณภาพดีๆ  การบริการหลังการขาย โน่นนี่นั่น   เยอะแยะไปหมดไอเดียแน่นยิ้มด หัวกระโหลกแทบระเบิดไปเลยช่วงนั้น   แล้วโชคดีก็เข้าข้างในประเด็นที่สำคัญที่สุด  ว่าด้วยคุณภาพของกระเป๋าหนังแบรนของเรา  ผมได้ติดต่อญาติผู้พี่ท่านหนึ่ง  หลังจากที่รู้ว่าเขาอยู่ในวงการตัดเย็บกระเป๋าหนังมานับสิบปี   ก็  นัดทานข้าวพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ...สรุปได้ว่าเรามาร่วมมือกัน สร้างกระเป๋าหนังแบรนของเราเองกันเถอะ
...ช่วงท้ายของบทความนี้  ผมขอเขียนแบบบิดบังบ้าง และรวบรัดนิดหน่อยนะครับ  เนื่องจาก จะมีผลต่อการเข้ามาของคู่แข่งครับผม  ถึงไหนแล้วละ  ...แล้ววันเปิดร้านก็มาถึง  ผมและทีมงานมืออาชีพด้านกระเป๋าหนังอีกสองคน  รวมทั้งหมดสามคนในร้าน  ยิ้มพิมพ์ใจ  ยุ่งไปวุ่นไปกับการออกแบบ ตัดเย็บ  กระเป๋าหนังนะสิครับ  ยอมรับว่าสนุกมาก  ตัวผมเองชอบมาก  คล้ายๆว่า กระเป๋าหนังแต่ละใบเป็นงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว  ( ออกตัวนิดหนึ่งว่า ผมเองก็เป็นศิลปินน้อยๆมาตั้งแต่เกิดแล้วนะครับ  แบบว่าติสแตกก็มีอยู่เนืองๆ )
...และแล้ววันจ่ายค่าเช่าร้านก็มาถึง  นั่นหมายความว่า เปิดร้านตัดเย็บกระเป๋าหนังแบรนGooWalker  ได้ครบหนึ่งเดือนแล้วครับ  ผมก็ไม่รอช้า ควักกระเป๋าหยิบเงินออกมาทันที  เพื่อการนี้   ( ควักทุนเพิ่ม ) ก็จะอะไรซะอีกละ  ขายกระเป๋าหนังที่ภูมิใจนักหนา  นั่นได้หนึงใบในรอบหนึ่งเดือนนะสิครับ  “ ถามว่าท้อไหม  อยากบอกว่าท้อมาก  อยากเย็นจนเกินความเข้าใจ “  หะหะ  ร้องเพลงประกอบบทความแค่นั้นจริงๆนะครับ  ก็ต้องสู้กันต่อไป  กระเป๋าหนังที่รักของเรา

...จบแล้วนะ   ( จะรวบรัดไปไหนเนี่ย )

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่