ธรรมะกับการลงทุน

กระทู้สนทนา
ธรรมะกับการลงทุน (2)
Posted on February 5, 2010 by TVI MOD
thaivi.com
วิบูลย์ พึงประเสริฐ 4 มีนาคม 2551
       คนรุ่น ใหม่มักมองว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องล้าสมัยและไม่เหมาะกับยุค ปัจจุบัน จึงไม่สนใจที่จะศึกษาในเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงการนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ มากๆ โดยเฉพาะปัจจุบันที่เป็นยุคของ”วัตถุนิยม”ที่ทำให้ผู้คนเริ่มห่างเหินจาก ธรรมชาติและความเข้าใจในชีวิตและจิตใจของตนเอง ตัวอย่างล่าสุดเช่นเรื่องของอาจารย์สาวมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เนื่องจากผิดหวังในความรัก ทั้งๆที่เป็นคนสวยที่เรียนเก่ง มีฐานะทางบ้านระดับเศรษฐี ชีวิตแทบจะสมบูรณ์แบบ แต่ต้องมาจบชีวิตกับเรื่องที่สามารถแก้ไขง่ายๆได้ด้วยหลักธรรมทางศาสนา ถ้าอาจารย์สาวศึกษาในเรื่องของธรรมะสักเล็กน้อย คงไม่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ใน เรื่องของการลงทุนเช่นเดียวกัน นักลงทุนจำนวนมากไม่สนใจในเรื่องของธรรมะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องล้าหลังไกลตัว ความจริงแล้วธรรมะเป็นเรื่องที่ไม่มีล้าสมัย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ักับทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ธรรมะเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของ”อิทธิบาท 4” ซึ่งสามารถช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จจากการลงทุนมากขึ้น

      ”อิทธิ บาท 4” เป็นธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในการทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จ การทำตามขั้นตอนอิทธิบาท 4 จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติบรรลุถึงสิ่งที่ต้องการในที่สุด “อิทธิบาท 4” ประกอบไปด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

       ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องรักในการลงทุน คนที่ถูกบังคับให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมักทำได้ไม่นานต้องเลิกล้มไปในที่สุด ถ้านักลงทุนรักในการลงทุน เขาจะมองว่าการลงทุนเป็นสิ่งที่น่าสนใจและไม่คิดว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย นักลงทุนระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตเคยกล่าวว่า การลงทุนคือชีวิตของเขาและทุกวันเขาเต้นแทปมาทำงาน ถ้าเรามี”ฉันทะ”กับการลงทุน เราคงรักและสนุกกับการลงทุนอย่างทุกเมื่อเชื่อวัน
       
       วิริยะ ความพากเพียร นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องมีความมานะพากเพียร ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลในการลงทุน ศึกษาบริษัทที่น่าสนใจ ทั้งจากรายงานประจำปี หรือจากงบการเงินของบริษัท ศึกษาจุดอ่อนจุดแข็งของบริษัท รวมทั้งแนวโน้มและการแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นๆ นักลงทุนที่หาทางลัดโดยการถามง่ายๆจากคนอื่นว่า “ช่วงนี้ซื้ออะไรดี” แล้วซื้อหุ้นนั้นๆโดยไม่ได้ทำการบ้านก่อน มีโอกาสเจ็บตัวจากการลงทุนมาก เพราะการวิเคราะห์ธุรกิจเป็นเรื่องของมุมมองของแต่ละบุคคล ถ้านักลงทุนไม่ได้เข้าใจในบริษัทนั้นๆด้วยตนเอง เมื่อพื้นฐานธุรกิจเปลี่ยนไป อาจทำให้ขาดทุนจากการลงทุนได้

       จิต ตะ ความฝักใฝ่เอาใจใส่ นักลงทุนที่ดีควรติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งตรวจสอบพื้นฐานของธุรกิจอยู่ตลอดเวลาว่ามีสิ่งใดเปลียนแปลงไปหรือไม่ นักลงทุนส่วนใหญ่มักมองแค่ราคาของหุ้นเป็นหลัก ถ้าราคาลงถือว่าเป็นหุ้นไม่ดี หุ้นที่ดีคือหุ้นที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว บางช่วงที่ราคาหุ้นลดลงแต่พื้นฐานกิจการดีขึ้นอย่างมั่นคงแล้ว ถือว่าเป็น”โอกาส”ในการลงทุนมากกว่า รวมทั้งมีนักลงทุนจำนวนมากซื้อหุ้นแล้วปล่อยไว้โดยไม่สนใจในกิจการของบริษัท อาจทำให้การลงทุนเสียหายได้ ถ้ากิจการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

       วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุและผลของสิ่งนั้น มีนักลงทุนจำนวนมากซื้อหุ้นมาแล้วไม่ทราบว่าจะขายหุ้นในช่วงไหนดี การที่เราตรวจสอบเหตุผลของการซื้อหุ้นจะช่วยให้เราตัดสินใจในการขายได้ไม่ ยากนัก มีผู้รู้บอกว่าถ้าเราซื้อหุ้นด้วยเหตุผลอะไร เราก็ควรขายหุ้นด้วยเหตุผลนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อหุ้นเพราะคิดว่าราคาหุ้นจะขึ้น แต่ถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้นหรือลดลง เราก็ควรจะขายออกไป หรือถ้าเราคิดว่าเราซื้อหุ้นเพราะเป็นกิจการที่ดี แต่มาตรวจสอบทีหลังพบว่าเป็นกิจการที่ไม่ดี เรา็ควรจะขายหุ้นออกไปเช่นเดียวกัน
       จะเห็นว่าธรรมะเป็นเรื่องที่ไม่ ได้ไกลตัวเราอย่างที่คิด สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการลงทุนในตลาดหุ้นได้ด้วย

https://www.facebook.com/#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่