สถานการณ์การเมืองเข้าสู่โหมดน่าวิตกว่าจะรุนแรง
พรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ
ต้านทุกรูปแบบทั้งในและนอกสภา มวลชนฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลปลุกระดมพลเพื่อ
ชุมนุมขับไล่ ปล่อยข่าวสารพัดให้เกิดความยุ่งเหยิงขึ้นในประเทศ เหมือนกับเชื่อมั่น
ว่าเรื่องนี้จะเป็นชนวนเด็กปีก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ได้
มีการปล่อยข่าวไปไกลถึงการปฏิวัติรัฐประหาร พร้อมๆ กับข่าว "มวลชนเสื้อแดง"
เตรียมตั้งรับเต็มที่
ผู้ติดตามข่าวสารหากเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะตื่นเต้นไปกับโฮไหนเฮนั่นกับฝ่ายตัวเอง
ส่วนประชาชนทั่วไปเกิดความวิตกกังวลว่าบ้านเมืองจะยุ่งยากวุ่นวายอีกครั้ง
เป็นสถานการณ์ที่มีแต่สร้างความเลวร้ายให้กับประเทศชาติ
และ "นักการเมือง" เป็นตัวละครที่นำความยุ่งยากมาให้ประเทศ ด้วยข้ออ้างสารพัดที่
ล้วนแล้วแต่พูดถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน แต่เอาเข้าจริงคนที่มีสติปัญญา
สักนิดย่อมรู้ว่า เบื้องหลังเกมช่วงชิงอำนาจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ
บ้านเมือง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
ภาพลักษณ์ของนักการเมืองยิ่งอยู่ ยิ่งเสื่อมในศรัทธาของประชาชน
หากพลิกไปดูเอแบคโพลล์ล่าสุด ประชาชนส่วนใหญ่ ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เยอะมากที่ไม่เชื่อ
มั่นในนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด หรือกลุ่มใด
ร้อยละ 67.0 เห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำงานต่อไปประเทศชาติก็ไม่ได้ดีขึ้น ขณะที่
ร้อยละ 65.2 เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลประเทศก็ไม่ได้ดีขึ้น ยิ่งไปกันใหญ่คือ
ร้อยละ 83.8 เห็นว่าการทำรัฐประหารไม่ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น
สรุปแล้วประชาชนไม่มีความหวังกับนักการเมืองฝ่ายใดเลย
ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ควรจะทำคือพรรคการเมือง หรือนักการเมืองควรจะร่วมแรงร่วมใจ
กันสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับสถาบันการเมือง
ควรทำให้เกิดภาพของผู้ที่เข้ามารักษาผลประโยชน์ของประชาชน ควบคุมกลไกรัฐ
เพื่อดูแลประชาชนและพัฒนาประเทศชาติไปได้อย่างมีความหวัง
การเอาแต่วางแผนช่วงชิงอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกประชาชนทั่วไป เอาแต่ให้สะใจ
พวกพ้องที่สนับสนุนตัวเอง เป็นเรื่องโง่เขลาเบาปัญญา เพราะยิ่งจะทำให้เกิดความเสื่อม
ศรัทธามากขึ้น
ที่สุดแล้วไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ฝ่ายใดเข้ามามีอำนาจก็จะเป็นเพียงรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ
เพราะเกิดขบวนการทำลายล้างกันกลับไปกลับมาไม่รู้จบรู้สิ้น
ทำอย่างไรให้นักการเมืองเป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง มีหน้าที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์
ของประเทศแทนประชาชน แทนที่จะช่วงชิงอำนาจมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
ไม่รู้จบรู้สิ้น
เลยเถิด ลามปาม จนกลายเป็นมุ่งแสวงอำนาจจนเลิกคิดว่าจะสร้างความเสียหายให้ประเทศ
ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างไร
การมีนักการเมืองที่ไร้สำนึกที่จะช่วยกันสร้างชาติ
คิดแค่เกมช่วงชิงอำนาจเช่นนี้ รังแต่จะทำให้ความเป็นประเทศ ความเป็นชาติเสื่อมถอย
เพราะประชาชนมีแต่ความเบื่อหน่ายผู้อาสาเข้ามาทำงานให้กับประเทศ
ต่างคนต่างต้องคิดที่จะพึ่งพาตัวเอง
ที่สุดแล้วความเป็นรัฐ เป็นชาติก็จะไม่เหลือในความรู้สึก
อาจจะเหลืออยู่ในเรื่องของอาณาเขต และชื่อของประเทศ
แต่ความเป็นชาติในสำนึกของแต่ละคน นับวันจะจางลง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าใจหายอย่างยิ่ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375665465&grpid=&catid=02&subcatid=0207
อ่านแล้ว ก็เห็นโพลของ เอแบค น่าจะไปสำรวจกลุ่มปชช.ที่ชื่นชม พธม.แน่นอน
เพราะไม่ชื่นชมนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค แต่ก็เชื่อมั่นปชป.มากกว่าเพื่อไทยหน่อยนึง
แต่ น่าแปลก ที่วันนี้ เปลี่ยนใจ ไม่ชื่นชมรัฐประหารซะแล้ว
น่าจะมีคำถามต่อด้วยนะ เพราะไปไม่สุดซอย ไม่ถามด้วยว่าที่สุดแล้ว คุณอยากให้
บ้านเมืองเป็นแบบไหน อยากให้ใครมาเป็นนายกฯ
2 พรรคใหญ่ ก็ไม่เอา ปฏิวัติไม่ดี แล้วที่ดีๆ น่ะ คืออะไร ?
เพื่อน ๆ จะมาช่วยกันตอบได้ไหม ?
ต้องถามคนที่บอกว่า ไม่ชอบนักการเมืองสักคน ไม่เคยลงคะแนนเสียงให้นักการเมือง
ชื่อ "รักจริงหวังแต่ง" ลอยมาเลย ถ้ายังอยูมาตอบหน่อยได้ไหม ?
บางคนอาจจะบอก คนดีๆ นะ พอมาทำงานการเมืองก็เลวไปหมดทุกคน
ไม่เหลือซึ่งศรัทธา โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ มติชนออนไลน์
สถานการณ์การเมืองเข้าสู่โหมดน่าวิตกว่าจะรุนแรง
พรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ
ต้านทุกรูปแบบทั้งในและนอกสภา มวลชนฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลปลุกระดมพลเพื่อ
ชุมนุมขับไล่ ปล่อยข่าวสารพัดให้เกิดความยุ่งเหยิงขึ้นในประเทศ เหมือนกับเชื่อมั่น
ว่าเรื่องนี้จะเป็นชนวนเด็กปีก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ได้
มีการปล่อยข่าวไปไกลถึงการปฏิวัติรัฐประหาร พร้อมๆ กับข่าว "มวลชนเสื้อแดง"
เตรียมตั้งรับเต็มที่
ผู้ติดตามข่าวสารหากเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะตื่นเต้นไปกับโฮไหนเฮนั่นกับฝ่ายตัวเอง
ส่วนประชาชนทั่วไปเกิดความวิตกกังวลว่าบ้านเมืองจะยุ่งยากวุ่นวายอีกครั้ง
เป็นสถานการณ์ที่มีแต่สร้างความเลวร้ายให้กับประเทศชาติ
และ "นักการเมือง" เป็นตัวละครที่นำความยุ่งยากมาให้ประเทศ ด้วยข้ออ้างสารพัดที่
ล้วนแล้วแต่พูดถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน แต่เอาเข้าจริงคนที่มีสติปัญญา
สักนิดย่อมรู้ว่า เบื้องหลังเกมช่วงชิงอำนาจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ
บ้านเมือง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
ภาพลักษณ์ของนักการเมืองยิ่งอยู่ ยิ่งเสื่อมในศรัทธาของประชาชน
หากพลิกไปดูเอแบคโพลล์ล่าสุด ประชาชนส่วนใหญ่ ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เยอะมากที่ไม่เชื่อ
มั่นในนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด หรือกลุ่มใด
ร้อยละ 67.0 เห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำงานต่อไปประเทศชาติก็ไม่ได้ดีขึ้น ขณะที่
ร้อยละ 65.2 เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลประเทศก็ไม่ได้ดีขึ้น ยิ่งไปกันใหญ่คือ
ร้อยละ 83.8 เห็นว่าการทำรัฐประหารไม่ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น
สรุปแล้วประชาชนไม่มีความหวังกับนักการเมืองฝ่ายใดเลย
ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ควรจะทำคือพรรคการเมือง หรือนักการเมืองควรจะร่วมแรงร่วมใจ
กันสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับสถาบันการเมือง
ควรทำให้เกิดภาพของผู้ที่เข้ามารักษาผลประโยชน์ของประชาชน ควบคุมกลไกรัฐ
เพื่อดูแลประชาชนและพัฒนาประเทศชาติไปได้อย่างมีความหวัง
การเอาแต่วางแผนช่วงชิงอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกประชาชนทั่วไป เอาแต่ให้สะใจ
พวกพ้องที่สนับสนุนตัวเอง เป็นเรื่องโง่เขลาเบาปัญญา เพราะยิ่งจะทำให้เกิดความเสื่อม
ศรัทธามากขึ้น
ที่สุดแล้วไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ฝ่ายใดเข้ามามีอำนาจก็จะเป็นเพียงรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ
เพราะเกิดขบวนการทำลายล้างกันกลับไปกลับมาไม่รู้จบรู้สิ้น
ทำอย่างไรให้นักการเมืองเป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง มีหน้าที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์
ของประเทศแทนประชาชน แทนที่จะช่วงชิงอำนาจมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
ไม่รู้จบรู้สิ้น
เลยเถิด ลามปาม จนกลายเป็นมุ่งแสวงอำนาจจนเลิกคิดว่าจะสร้างความเสียหายให้ประเทศ
ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างไร
การมีนักการเมืองที่ไร้สำนึกที่จะช่วยกันสร้างชาติ
คิดแค่เกมช่วงชิงอำนาจเช่นนี้ รังแต่จะทำให้ความเป็นประเทศ ความเป็นชาติเสื่อมถอย
เพราะประชาชนมีแต่ความเบื่อหน่ายผู้อาสาเข้ามาทำงานให้กับประเทศ
ต่างคนต่างต้องคิดที่จะพึ่งพาตัวเอง
ที่สุดแล้วความเป็นรัฐ เป็นชาติก็จะไม่เหลือในความรู้สึก
อาจจะเหลืออยู่ในเรื่องของอาณาเขต และชื่อของประเทศ
แต่ความเป็นชาติในสำนึกของแต่ละคน นับวันจะจางลง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าใจหายอย่างยิ่ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375665465&grpid=&catid=02&subcatid=0207
อ่านแล้ว ก็เห็นโพลของ เอแบค น่าจะไปสำรวจกลุ่มปชช.ที่ชื่นชม พธม.แน่นอน
เพราะไม่ชื่นชมนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค แต่ก็เชื่อมั่นปชป.มากกว่าเพื่อไทยหน่อยนึง
แต่ น่าแปลก ที่วันนี้ เปลี่ยนใจ ไม่ชื่นชมรัฐประหารซะแล้ว
น่าจะมีคำถามต่อด้วยนะ เพราะไปไม่สุดซอย ไม่ถามด้วยว่าที่สุดแล้ว คุณอยากให้
บ้านเมืองเป็นแบบไหน อยากให้ใครมาเป็นนายกฯ
2 พรรคใหญ่ ก็ไม่เอา ปฏิวัติไม่ดี แล้วที่ดีๆ น่ะ คืออะไร ?
เพื่อน ๆ จะมาช่วยกันตอบได้ไหม ?
ต้องถามคนที่บอกว่า ไม่ชอบนักการเมืองสักคน ไม่เคยลงคะแนนเสียงให้นักการเมือง
ชื่อ "รักจริงหวังแต่ง" ลอยมาเลย ถ้ายังอยูมาตอบหน่อยได้ไหม ?
บางคนอาจจะบอก คนดีๆ นะ พอมาทำงานการเมืองก็เลวไปหมดทุกคน