วันนี้ เอาสัมภาษณ์น้องมาลงเพิ่มค่ะ อมยิ้ม01อมยิ้ม01
VIVI ฉบับเดือน July 2013
นิยามความเป็น James
อัพเดทผลงาน
ตอนนี้มีละครเรื่อง ‘สุภาพบุรุษจุฑาเทพ’ ตอนคุณชายรณพีร์ ก็ยังมีบทของคุณชายหมอพุฒิภัทร ออกมาให้ชมกันอยู่ ละครเรื่อง ‘รักสุดฤทธิ์’ น่าจะออนแอร์ให้ได้ชมกันประมาณปลายปี ๆ ปีนี้ และมีละคร ‘ทองเนื้อเก้า’ เป็นวันเฉลิมตอนโต ก็มีผลออกมานิดหน่อยครับเป็นติ่งท้าย ๆ ไปจนถึงถึงตอนจบเลยครับ และถ้ามีโอกาสก็อยากทำเพลง ทำวงร่วมกับเพื่อนๆ เหมือนกันนะ
Acting : ให้คะแนนการแสดง
ถ้าเต็ม 10 ผมประเมินตัวเองให้สัก 6-7 พอ มันมีหลายๆ จุดที่ผมดูตัวเองแล้วยังตลกอยู่เหมือนกัน อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งมีหลายเรื่องเลยละที่ต้องฝีกอีก แต่เท่าที่เล่นมา ฉากที่ผมรอคอยที่สุดในเรื่องคือฉากเถียงขึ้นเสียงกับหม่อมย่า และย่าอ่อนสนุกดีครับ ดูแล้วอินดี มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้อารมณ์ และผมเตรียมตัวมานานมากในการเล่นซีนนี้
Man: ผู้ชายแบบนี้ที่ผมเป็น
ผมเป็นผู้ชายประเภทฮาๆ ขี้เล่น ตลกครับ ไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยแล้วเครียด ใครอยู่กับผมแล้วมีความสุขแน่นอน ผมชอบเทคแคร์คนอื่นนะ ถ้ามีแฟนก็จะเป็นแบบที่จะดูแลผู้หญิงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
Enchanted : เสน่ห์ที่ทำให้คนทั้งประเทศหลงรัก
ผมว่าน่าจะเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกตลก ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์หรือเปล่า มีมั้ยอ่ะ (ทำหน้าสงสัย) แต่ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าชอบรอยยิ้มของผมนี่แหละครับ หรืออย่างช่วงละครตอนผมออนแอร์ มีคนจำเราได้ เขาก็จะทักวันนี้ไม่เอาแว่นมาเหรอ (หัวเราะ) บางคนก็จำไม่ได้ งงๆ ว่าคุณชายหมอจริงเหรอ เพราะเวลาใส่แว่นกับถอดแว่นต่างกันมากครับ
Soap Opera : ละครหลังข่าว
ผมดีใจนะที่วันนี้ได้เข้ามาทำงาน ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวงการละครทีวี และได้รู้จักกับทุก ๆ คน อยากขอบคุณทุก ๆ ความสัมพันธ์ที่ผมมีกับทุกคน ทั้งในกองและนอกกอง มีรุ่นพี่ในวงการที่ยินดีทำงานกับเรา และก็รักเรา สอนเรา อีกอย่างหนึ่ง ผมต้องขอบคุณพี่แอ๊นท์ (ปราณประมูล) คนเขียนบทตอนคุณชายพุฒิภัทร เพราะเขียนบทมาได้ดีมาก คำพูดแต่ละคำโดนครับ ทำให้ละครเป็นที่ถูกใจของผู้ชม
1 สุภาพบุรุษในความคิดของเจมส์
ความเป็นสุภาพบุรุษ คือ ต้องเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร เป็นคนชอบช่วยเหลือ และเป็นผู้ให้ครับ
2 พฤติกรรมสุภาพบุรุษที่สุดในโลก
สิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ได้ดูยากลำบากมากนะครับ อย่างเดินจูงมือช่วยคนแก่ข้ามถนน ช่วยเด็กที่ทำของเล่นตกตามน้ำ ตามต้นไม้ เห็นแล้วสงสาร เราอยากช่วย เพราะเราตัวสูงตัวยาวกว่าเขาครับ
3 เมื่อแก๊งคุณชายรวมตัวกันในกองถ่าย เจมส์มักถูกเรียกว่า…
เรียกเจมส์เนี่ยแหละ (หัวเราะ) แต่จะมีพี่นก (ฉัตรชัย) เรียกผมว่า ‘หมอเถื่อน’ ผมก็ไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกันครับ เขาชอบแกล้งผม
4 ความในใจหลังละครเรื่องแรกได้รับการตอบรับดีมาก ๆ
ดีใจมากครับที่ทุกคนให้ความสำคัญกับผม มันเป็นเรื่องแรกด้วยที่ผมเล่น ใช้ระยะเวลาแค่ 3 อาทิตย์เองเนอะที่ละครออนแอร์ มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ และถึงทุกวันนี้ผมเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดนี้ ส่วนตัวผมในฐานะนักแสดงก็ดีใจแทนทีมงานด้วยครับ เพราะภาพที่ออกไปเป็นภาพที่สมบูรณ์แล้ว มีการตัดต่อแล้ว จริงๆ แล้ว ผมต้องขอบคุณป้าแจ๋ว (ยุทธนา) พี่แหม่ม (ธิติมา) ครูแอ้ว (อำไพพร) และทีมงานทุกคนที่คอยช่วยเราครับ
5 เป็นคนประเภททุ่มเทกับความรัก เหมือน ‘คุณชายหมอ’ หรือเปล่า
ยังไม่เคยมีความรัก เลยยังไม่รู้ครับ แต่ผมว่าคนเรา มีความรักทั้งทีก็ต้องทุ่มเทอยู่แล้วครับ คงไม่ถึงขนาดในละครครับ แต่ก็อาจมีพักงานไปทำตามใจตัวเองบ้างสัก 2-3 วัน (หัวเราะ)
6 ‘รักแท้มีอยู่จริง’ เชื่อเรื่องแบบนี้มั้ย
ถามว่าเชื่อมั้ยเหรอ มันก็คงมีอยู่จริงแหละ เราก็เห็นแบบพ่อแม่เราเนอะ ที่อยู่ด้วยกันมานาน ผมว่ามีอยู่จริงครับ
7 เจมส์ จิ แพ้ทางผู้หญิงแบบไหน
ผมชอบผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยนะ แต่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญเลยครับ เอาจริงๆ ผมไม่มีสเปคครับ โดยมากเป็นเรื่องของการพูดคุยมากกว่า ถ้าเข้าใจกัน คุยกันรู้เรื่องก็โอเคครับ
8 เซนส์ด้านแฟชั่นของตัวเอง คิดว่าสมศักดิ์ศรีลูกชายร้านเสื้อ ‘สตรอว์เบอร์รี่’ มั้ย
ผมเป็นคนชอบแต่งตัวนะ ชอบอะไรก็ได้มันยิ้มน ๆ อะไรที่คนเขาใส่กันผมจะไม่ใส่ แบบนี้เรียกว่าเด็กแนวได้มั้ย? ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าตาม Instagram ผม จะเห็นผมชอบใส่พวกเสื้อลายดอก ลายดอกใหญ่ ๆ เต็มตัว ผมว่ามันแค่เท่ดีครับ
9 แล้วแบบนี้ ชอบผู้หญิงแต่งตัวจัด ๆ ด้วยมั้ยเนี่ย
คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับ แล้วแต่คนมากกว่า ผมชอบผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อยครับ เพราะเราเองเป็นคนไม่เรียบร้อย ใช่ป่ะ? ไม่เนอะ จริง ๆ ผมเป็นคนเรียบร้อยมาก (เน้นเสียง) 555
10 ขอนิยามให้กับผู้ชายที่ชื่อเจมส์จิรายุ
ผมเป็นคนขี้เล่น เป็นคนฮาๆ และเป็นคนหน้าตาดี (หัวเราะ) พูดเล่นนะ พูดเล่น ผมเป็นคนตลกครับ ชอบเล่นอะไรตลกๆ
11 เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน เป็นแนวเนิร์ด ๆ หรือเป็นพวกหัวโจก
เป็นประมาณหัวโจกมากกว่านะครับ อย่างเวลาเล่นละคร เวลาเข้าฉากมันเครียด อย่างซีนอารมณ์อะไรอย่างนี้ เราเลยชอบแกล้งคนอื่น เล่นมุกบ้าง อำคนอื่นบ้าง สนุกดี
12 เป็นพวกจริงจังกับชีวิต หรือเป็นคนแบบง่ายๆ ไม่คิดมาก
ผมเป็นคนไม่ค่อยเก็บอะไรมาใส่ใจเลยครับ อะไรที่ทำให้เราเศร้าเก็บไว้เป็นบทเรียนดีกว่า แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป
13 เป็นคนประเภทนอกดึกตื่นสาย หรือนอนเร็วตื่นเช้า
เป็นคนนอนเร็วตื่นเช้าครับ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ถึงนอนดึกก็ต้องตื่นเช้าอยู่ดี เพราะต้องตื่นเช้าไปทำงาน (หัวเราะ) มันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว อย่างตอนนี้นอนเที่ยงคืนขึ้นไปครับ เราทำงานกลับบ้านทีก็เที่ยงคืนแล้ว สำหรับผมไม่เกี่ยงงาน ไม่มีลิมิตการรับงานนะครับ ดึกแค่ไหนก็สู้ แล้วแต่วันมากกว่า บางวันเลิกเร็ว บางวันเลิกช้า บางวันเลิกเช้า
14 สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเจมส์ จิ มีวัน Free Day หนึ่งวัน
เอ่อ ตื่นมาผมอยากออกกำลังกายก่อนครับ เข้าฟิตเนส วิ่ง แล้วก็ดูหนัง อ่านหนังสือ เพราะทุกวันนี้ผมแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลยครับ นอกจากทำงานอยู่นี่ไง (หัวเราะ)
15 เป็นคนประเภทติดหล่อมั้ย
ไม่ติดเลยครับ ก็แบบนี้แหละ ง่าย ๆ สบายๆ ปัญญาอ่อนไปวัน ๆ
16 เคล็บลับหน้าใส หุ่นเฟิร์ม กระซิบบอกหน่อยซิ
(หัวเราะ) ถ้ามีเวลาก็ซิตอัพ วิดพื้น ทำที่บ้าน ก่อนอาบน้ำครับ ผมว่าดื่มน้ำให้เยอะ ๆ สำคัญมากครับ มีทานวิตามินเสริมบ้าง แต่ว่าทานมากๆ มันจะสะสม ถ้าไม่ออกกำลังกายด้วย อีกอย่างผมเป็นภูมิแพ้ครับ จามบ่อย ก็เลยต้องออกกำลังกาย ถ้าไม่ออกกำลังกายร่างกายจะทรุดครับ คือถ้าป่วยก็ทรุดเลย
17 กำลังเห่ออะไรอยู่ มากที่สุดตอนนี้
ตอนนี้กำลังเห่อกล้องถ่ายรูปครับ พอดีเพิ่งได้กล้อง SLR กล้องใหญ่นี่แหละครับ ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้วครับ ถ่ายได้ทุกแนว เป็นกล้องตัวแรกจากน้ำพักน้ำแรงของผมเองเลย เพราะตอนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ยังไม่มีเงินซื้อเนอะ
18 ถ้าเอากล้องตัวเองมาเปิดดูจะเจอรูปอะไรเยอะที่สุด
มีแต่รูปพ่อกับแม่ตอนที่อยู่ในห้องครับ เพราะมีเวลาได้หยิบขึ้นมาถ่าย แค่ตอนก่อนนอนเลยครับ (หัวเราะ) ไม่ได้พกออกไปไหนเลย เพราะพกไปก็ไม่ได้จับอยู่ดี
19 คิดว่า เจมส์ จิรายุ เป็นคนที่ทำอะไรได้ดีที่สุด
การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองครับ เพราะผมเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรื่อย ๆ ไม่ถึงขั้นชอบความท้าทายนะ แต่ชอบสิ่งใหม่ ๆ อยากเรียนรู้ไปหมดครับ
20 เรื่องล่าสุดใน ชีวิตที่ได้เรียนรู้ คือ…
ก็ได้เรียนรู้ในทุก ๆ เรื่องครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต อย่างผมเป็นคนพิจิตร มาจากต่างจังหวัด พอเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ มันก็ต้องเปลี่ยนเยอะเลย ทั้งเรื่องของความคิดการใช้ชีวิต ได้เจอคนเยอะขึ้น สังคมก็เปลี่ยนไป มุมมองจากคนแต่ละแบบก็ต่างไปครับ แต่สิ่งที่ได้นำมาใช้กับชีวิตเราได้จริง ๆ เป็นเรื่องของความคิดหรือแนวคิดมากกว่าครับ เพราะเราต้องทำงานด้วยเนอะ ความรับผิดชอบก็มีมากขึ้นตามมา และการที่เราต้องครีเอตอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะทำงานอะไรบางอย่างให้สำเร็จ มันก็ต้องมีบ้างครับ
21 คิดว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยค่อย ๆ เติบโต หรือเป็นพวกโตเกินวัย
ก็ไม่เป็นพวกโตเกินวัยนะ ผมว่าการเติบโตของชีวิตคนเรา ไม่ช้าไม่เร็วมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี แต่ถ้ามันมาถึงก่อนอย่างตอนนี้ เราก็มีโอกาสได้เรียนรู้ก่อน ผมถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ก็ต้องขอบคุณคนที่ให้โอกาสผม และอาจเป็นที่ฟ้าลิขิตมาครับ
22 เป็นคนที่จะรู้สึกดีกับตัวเองที่สุดเมื่อ…
จะรู้สึกดี กับตัวเองเมื่อรู้ว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้มากแค่ไหนแล้ว ผมไม่ได้มีเกณฑ์วัดนะ แต่มันอยู่ที่ความพึงพอใจของตัวเองมากกว่า คือปกติผมจะสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวจากตัวผมเองก่อนว่า ผมรู้สึกยังไง และเป็นยังไงกับสิ่งนี้
23 รับฟังฟีตแบ็ค จากคนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน
สำหรับผมฟีตแบ็คจากคนรอบข้าง มีผลต่อการพัฒนาตัวเองครับ มีเยอะด้วย ทุกๆ คำติ คำด่า ผมน้อมรับ และผมก็ยินดีมากที่จะรับฟัง เพราะเหมือนเขามองอีกมุม เห็นสิ่งที่เราทำพลาดไป และจะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ครับ
24 หนึ่งบทเรียนจากการแสดง ที่ยังจำได้ไม่เคยเลือนลืม
มีช่วงแรก ๆ ที่ผมเล่นละครแล้วจำบทไม่ได้ ผมก็พยายามหาทางออกว่าทำไมจำบทไม่ได้ แล้วทำไมผมถึงต้องพูดรัว พูดเร็ว ๆ หลัง ๆ ก็เลยเริ่มไปถามคนนู้น คนนี้ ถามป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ – ผู้กำกับ) เขาเลยสอนให้ใช้วิธีจำเอา และรีแล็กซ์ตัวเองให้มากที่สุด คือถ้าเราตึงเครียดกับอะไรบางอย่างแล้ว มันจะทำได้ไม่ดี แต่ถ้าเราอารมณ์ดี ทุกอย่างมันก็จะดีไปหมดครับ ซึ่งผมลองแล้ว มันก็ได้ผลมากครับ พอเราได้รู้วิธีแบบนี้ปุ๊บ บางทีเราต้องไม่พูดแบบจำได้หมดทุกคนที่เขาเขียนมาในบท แต่พูดออกไปแล้วความหมายมันยังตรงทุกอย่างโอเค ได้ตามภาพที่เขาต้องการ ผมว่าอันนี้มันก็ทำให้การสวมบทละครนั้นเป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกครับ
25 เวลามีปัญหา คุณเป็นพวกมุ่นมั่น ต้องแก้ให้ได้ หรือปล่อยมันไปก่อน
ผมก็จะเก็บปัญหามาหาทางแก้ แต่ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหานะครับ ใช้กำลังแทน เฮ้ย ไม่ใช่!! (หัวเราะ)
26 อะไรคือสิ่งที่คุณเชื่ออยู่อย่างมาก ๆ ในตอนนี้
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว มันจะไม่สามารถกลับมาทำแบบนี้ได้อีก คือวันนี้ที่ผมทำอะไรอยู่ นั่งคุยตอบคำถามอยู่ ยังไงคุณก็ไม่มีทางย้อนกลับมาทำใหม่ได้อีก ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ผมจึงคิดอยู่ตลอดว่าทุกสิ่งที่ทำนี้มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ทำ เพราะฉะนั้นก็ต้องทำให้ดีที่สุดครับ ชีวิตคนเรามันก็อาจจะมีท้อ มีเบื่อกันได้บ้าง แต่ก็คิดซะว่าถ้าไม่ทำในวันนี้ ก็ไม่มีโอกาสให้ทำแล้วครับ
27 เป็นคนที่เอ่อคำว่า ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘ขอโทษ’ บ่อยกว่ากัน
ไม่ได้นับเลยอ่ะ แต่ผมว่าน่าจะพูด ‘ขอบคุณครับ’ มากกว่านะ เพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไรมาผมก็จะน้อมรับไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นคำตำหนิ หรือคำชม คำชมก็ดี แต่คำติยิ่งดีกว่า ยังไงก็ขอบคุณครับ
28 สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตอนนี้ ถ้าต้องขอบคุณใครสักคนอยากของคุณใคร
อันดับแรกขอขอบคุณพ่อคุณแม่ก่อนครับ ที่เขาคอยเลี้ยงดูเรามาด้วยความรักที่เขามี ทำให้ผมมีวันนี้ และขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกๆ คนที่คอยสอนผมในเรื่องการแสดงครับ
29 อีกไม่กี่เดือนก็จะอายุเต็ม 20 ปีแล้ว มีแผนจะทำอะไรบ้าง
ดีใจก่อนเลยครับ จะได้บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย ตื่นเต้นนะ เข้าผับได้แล้ว 555
30 นับจากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า คิดว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรอยู่
คงมองตัวเองว่าโตขึ้นอยู่แล้ว งานในวงการก็คงจะทำอยู่ แต่ก็อาจมีอย่างอื่นทำควบคู่บ้าง คือผมพยายามเรียนรู้ทุกๆอย่างที่มันผ่านเข้ามาในตอนนี้ การสอนของพี่ๆ ทุกคน เราจะเก็บ ๆ มารวบรวม เผื่อว่าวันหนึ่งจะนำมาทำอะไรอย่างอื่นต่อไปบ้างครับ
(เจมส์ จิ) สัมภาษณ์ VIVI + PHEROMONE ASIA +สัมภาษณ์ เนยโชติกา บางส่วนเกี่ยวกับจิ (จากหนังสือ พรีเมียม)
VIVI ฉบับเดือน July 2013
นิยามความเป็น James
อัพเดทผลงาน
ตอนนี้มีละครเรื่อง ‘สุภาพบุรุษจุฑาเทพ’ ตอนคุณชายรณพีร์ ก็ยังมีบทของคุณชายหมอพุฒิภัทร ออกมาให้ชมกันอยู่ ละครเรื่อง ‘รักสุดฤทธิ์’ น่าจะออนแอร์ให้ได้ชมกันประมาณปลายปี ๆ ปีนี้ และมีละคร ‘ทองเนื้อเก้า’ เป็นวันเฉลิมตอนโต ก็มีผลออกมานิดหน่อยครับเป็นติ่งท้าย ๆ ไปจนถึงถึงตอนจบเลยครับ และถ้ามีโอกาสก็อยากทำเพลง ทำวงร่วมกับเพื่อนๆ เหมือนกันนะ
Acting : ให้คะแนนการแสดง
ถ้าเต็ม 10 ผมประเมินตัวเองให้สัก 6-7 พอ มันมีหลายๆ จุดที่ผมดูตัวเองแล้วยังตลกอยู่เหมือนกัน อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งมีหลายเรื่องเลยละที่ต้องฝีกอีก แต่เท่าที่เล่นมา ฉากที่ผมรอคอยที่สุดในเรื่องคือฉากเถียงขึ้นเสียงกับหม่อมย่า และย่าอ่อนสนุกดีครับ ดูแล้วอินดี มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้อารมณ์ และผมเตรียมตัวมานานมากในการเล่นซีนนี้
Man: ผู้ชายแบบนี้ที่ผมเป็น
ผมเป็นผู้ชายประเภทฮาๆ ขี้เล่น ตลกครับ ไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยแล้วเครียด ใครอยู่กับผมแล้วมีความสุขแน่นอน ผมชอบเทคแคร์คนอื่นนะ ถ้ามีแฟนก็จะเป็นแบบที่จะดูแลผู้หญิงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
Enchanted : เสน่ห์ที่ทำให้คนทั้งประเทศหลงรัก
ผมว่าน่าจะเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกตลก ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์หรือเปล่า มีมั้ยอ่ะ (ทำหน้าสงสัย) แต่ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าชอบรอยยิ้มของผมนี่แหละครับ หรืออย่างช่วงละครตอนผมออนแอร์ มีคนจำเราได้ เขาก็จะทักวันนี้ไม่เอาแว่นมาเหรอ (หัวเราะ) บางคนก็จำไม่ได้ งงๆ ว่าคุณชายหมอจริงเหรอ เพราะเวลาใส่แว่นกับถอดแว่นต่างกันมากครับ
Soap Opera : ละครหลังข่าว
ผมดีใจนะที่วันนี้ได้เข้ามาทำงาน ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวงการละครทีวี และได้รู้จักกับทุก ๆ คน อยากขอบคุณทุก ๆ ความสัมพันธ์ที่ผมมีกับทุกคน ทั้งในกองและนอกกอง มีรุ่นพี่ในวงการที่ยินดีทำงานกับเรา และก็รักเรา สอนเรา อีกอย่างหนึ่ง ผมต้องขอบคุณพี่แอ๊นท์ (ปราณประมูล) คนเขียนบทตอนคุณชายพุฒิภัทร เพราะเขียนบทมาได้ดีมาก คำพูดแต่ละคำโดนครับ ทำให้ละครเป็นที่ถูกใจของผู้ชม
1 สุภาพบุรุษในความคิดของเจมส์
ความเป็นสุภาพบุรุษ คือ ต้องเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร เป็นคนชอบช่วยเหลือ และเป็นผู้ให้ครับ
2 พฤติกรรมสุภาพบุรุษที่สุดในโลก
สิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ได้ดูยากลำบากมากนะครับ อย่างเดินจูงมือช่วยคนแก่ข้ามถนน ช่วยเด็กที่ทำของเล่นตกตามน้ำ ตามต้นไม้ เห็นแล้วสงสาร เราอยากช่วย เพราะเราตัวสูงตัวยาวกว่าเขาครับ
3 เมื่อแก๊งคุณชายรวมตัวกันในกองถ่าย เจมส์มักถูกเรียกว่า…
เรียกเจมส์เนี่ยแหละ (หัวเราะ) แต่จะมีพี่นก (ฉัตรชัย) เรียกผมว่า ‘หมอเถื่อน’ ผมก็ไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกันครับ เขาชอบแกล้งผม
4 ความในใจหลังละครเรื่องแรกได้รับการตอบรับดีมาก ๆ
ดีใจมากครับที่ทุกคนให้ความสำคัญกับผม มันเป็นเรื่องแรกด้วยที่ผมเล่น ใช้ระยะเวลาแค่ 3 อาทิตย์เองเนอะที่ละครออนแอร์ มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ และถึงทุกวันนี้ผมเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดนี้ ส่วนตัวผมในฐานะนักแสดงก็ดีใจแทนทีมงานด้วยครับ เพราะภาพที่ออกไปเป็นภาพที่สมบูรณ์แล้ว มีการตัดต่อแล้ว จริงๆ แล้ว ผมต้องขอบคุณป้าแจ๋ว (ยุทธนา) พี่แหม่ม (ธิติมา) ครูแอ้ว (อำไพพร) และทีมงานทุกคนที่คอยช่วยเราครับ
5 เป็นคนประเภททุ่มเทกับความรัก เหมือน ‘คุณชายหมอ’ หรือเปล่า
ยังไม่เคยมีความรัก เลยยังไม่รู้ครับ แต่ผมว่าคนเรา มีความรักทั้งทีก็ต้องทุ่มเทอยู่แล้วครับ คงไม่ถึงขนาดในละครครับ แต่ก็อาจมีพักงานไปทำตามใจตัวเองบ้างสัก 2-3 วัน (หัวเราะ)
6 ‘รักแท้มีอยู่จริง’ เชื่อเรื่องแบบนี้มั้ย
ถามว่าเชื่อมั้ยเหรอ มันก็คงมีอยู่จริงแหละ เราก็เห็นแบบพ่อแม่เราเนอะ ที่อยู่ด้วยกันมานาน ผมว่ามีอยู่จริงครับ
7 เจมส์ จิ แพ้ทางผู้หญิงแบบไหน
ผมชอบผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยนะ แต่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญเลยครับ เอาจริงๆ ผมไม่มีสเปคครับ โดยมากเป็นเรื่องของการพูดคุยมากกว่า ถ้าเข้าใจกัน คุยกันรู้เรื่องก็โอเคครับ
8 เซนส์ด้านแฟชั่นของตัวเอง คิดว่าสมศักดิ์ศรีลูกชายร้านเสื้อ ‘สตรอว์เบอร์รี่’ มั้ย
ผมเป็นคนชอบแต่งตัวนะ ชอบอะไรก็ได้มันยิ้มน ๆ อะไรที่คนเขาใส่กันผมจะไม่ใส่ แบบนี้เรียกว่าเด็กแนวได้มั้ย? ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าตาม Instagram ผม จะเห็นผมชอบใส่พวกเสื้อลายดอก ลายดอกใหญ่ ๆ เต็มตัว ผมว่ามันแค่เท่ดีครับ
9 แล้วแบบนี้ ชอบผู้หญิงแต่งตัวจัด ๆ ด้วยมั้ยเนี่ย
คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับ แล้วแต่คนมากกว่า ผมชอบผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อยครับ เพราะเราเองเป็นคนไม่เรียบร้อย ใช่ป่ะ? ไม่เนอะ จริง ๆ ผมเป็นคนเรียบร้อยมาก (เน้นเสียง) 555
10 ขอนิยามให้กับผู้ชายที่ชื่อเจมส์จิรายุ
ผมเป็นคนขี้เล่น เป็นคนฮาๆ และเป็นคนหน้าตาดี (หัวเราะ) พูดเล่นนะ พูดเล่น ผมเป็นคนตลกครับ ชอบเล่นอะไรตลกๆ
11 เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน เป็นแนวเนิร์ด ๆ หรือเป็นพวกหัวโจก
เป็นประมาณหัวโจกมากกว่านะครับ อย่างเวลาเล่นละคร เวลาเข้าฉากมันเครียด อย่างซีนอารมณ์อะไรอย่างนี้ เราเลยชอบแกล้งคนอื่น เล่นมุกบ้าง อำคนอื่นบ้าง สนุกดี
12 เป็นพวกจริงจังกับชีวิต หรือเป็นคนแบบง่ายๆ ไม่คิดมาก
ผมเป็นคนไม่ค่อยเก็บอะไรมาใส่ใจเลยครับ อะไรที่ทำให้เราเศร้าเก็บไว้เป็นบทเรียนดีกว่า แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป
13 เป็นคนประเภทนอกดึกตื่นสาย หรือนอนเร็วตื่นเช้า
เป็นคนนอนเร็วตื่นเช้าครับ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ถึงนอนดึกก็ต้องตื่นเช้าอยู่ดี เพราะต้องตื่นเช้าไปทำงาน (หัวเราะ) มันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว อย่างตอนนี้นอนเที่ยงคืนขึ้นไปครับ เราทำงานกลับบ้านทีก็เที่ยงคืนแล้ว สำหรับผมไม่เกี่ยงงาน ไม่มีลิมิตการรับงานนะครับ ดึกแค่ไหนก็สู้ แล้วแต่วันมากกว่า บางวันเลิกเร็ว บางวันเลิกช้า บางวันเลิกเช้า
14 สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเจมส์ จิ มีวัน Free Day หนึ่งวัน
เอ่อ ตื่นมาผมอยากออกกำลังกายก่อนครับ เข้าฟิตเนส วิ่ง แล้วก็ดูหนัง อ่านหนังสือ เพราะทุกวันนี้ผมแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลยครับ นอกจากทำงานอยู่นี่ไง (หัวเราะ)
15 เป็นคนประเภทติดหล่อมั้ย
ไม่ติดเลยครับ ก็แบบนี้แหละ ง่าย ๆ สบายๆ ปัญญาอ่อนไปวัน ๆ
16 เคล็บลับหน้าใส หุ่นเฟิร์ม กระซิบบอกหน่อยซิ
(หัวเราะ) ถ้ามีเวลาก็ซิตอัพ วิดพื้น ทำที่บ้าน ก่อนอาบน้ำครับ ผมว่าดื่มน้ำให้เยอะ ๆ สำคัญมากครับ มีทานวิตามินเสริมบ้าง แต่ว่าทานมากๆ มันจะสะสม ถ้าไม่ออกกำลังกายด้วย อีกอย่างผมเป็นภูมิแพ้ครับ จามบ่อย ก็เลยต้องออกกำลังกาย ถ้าไม่ออกกำลังกายร่างกายจะทรุดครับ คือถ้าป่วยก็ทรุดเลย
17 กำลังเห่ออะไรอยู่ มากที่สุดตอนนี้
ตอนนี้กำลังเห่อกล้องถ่ายรูปครับ พอดีเพิ่งได้กล้อง SLR กล้องใหญ่นี่แหละครับ ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้วครับ ถ่ายได้ทุกแนว เป็นกล้องตัวแรกจากน้ำพักน้ำแรงของผมเองเลย เพราะตอนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ยังไม่มีเงินซื้อเนอะ
18 ถ้าเอากล้องตัวเองมาเปิดดูจะเจอรูปอะไรเยอะที่สุด
มีแต่รูปพ่อกับแม่ตอนที่อยู่ในห้องครับ เพราะมีเวลาได้หยิบขึ้นมาถ่าย แค่ตอนก่อนนอนเลยครับ (หัวเราะ) ไม่ได้พกออกไปไหนเลย เพราะพกไปก็ไม่ได้จับอยู่ดี
19 คิดว่า เจมส์ จิรายุ เป็นคนที่ทำอะไรได้ดีที่สุด
การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองครับ เพราะผมเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรื่อย ๆ ไม่ถึงขั้นชอบความท้าทายนะ แต่ชอบสิ่งใหม่ ๆ อยากเรียนรู้ไปหมดครับ
20 เรื่องล่าสุดใน ชีวิตที่ได้เรียนรู้ คือ…
ก็ได้เรียนรู้ในทุก ๆ เรื่องครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต อย่างผมเป็นคนพิจิตร มาจากต่างจังหวัด พอเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ มันก็ต้องเปลี่ยนเยอะเลย ทั้งเรื่องของความคิดการใช้ชีวิต ได้เจอคนเยอะขึ้น สังคมก็เปลี่ยนไป มุมมองจากคนแต่ละแบบก็ต่างไปครับ แต่สิ่งที่ได้นำมาใช้กับชีวิตเราได้จริง ๆ เป็นเรื่องของความคิดหรือแนวคิดมากกว่าครับ เพราะเราต้องทำงานด้วยเนอะ ความรับผิดชอบก็มีมากขึ้นตามมา และการที่เราต้องครีเอตอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะทำงานอะไรบางอย่างให้สำเร็จ มันก็ต้องมีบ้างครับ
21 คิดว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยค่อย ๆ เติบโต หรือเป็นพวกโตเกินวัย
ก็ไม่เป็นพวกโตเกินวัยนะ ผมว่าการเติบโตของชีวิตคนเรา ไม่ช้าไม่เร็วมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี แต่ถ้ามันมาถึงก่อนอย่างตอนนี้ เราก็มีโอกาสได้เรียนรู้ก่อน ผมถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ก็ต้องขอบคุณคนที่ให้โอกาสผม และอาจเป็นที่ฟ้าลิขิตมาครับ
22 เป็นคนที่จะรู้สึกดีกับตัวเองที่สุดเมื่อ…
จะรู้สึกดี กับตัวเองเมื่อรู้ว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้มากแค่ไหนแล้ว ผมไม่ได้มีเกณฑ์วัดนะ แต่มันอยู่ที่ความพึงพอใจของตัวเองมากกว่า คือปกติผมจะสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวจากตัวผมเองก่อนว่า ผมรู้สึกยังไง และเป็นยังไงกับสิ่งนี้
23 รับฟังฟีตแบ็ค จากคนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน
สำหรับผมฟีตแบ็คจากคนรอบข้าง มีผลต่อการพัฒนาตัวเองครับ มีเยอะด้วย ทุกๆ คำติ คำด่า ผมน้อมรับ และผมก็ยินดีมากที่จะรับฟัง เพราะเหมือนเขามองอีกมุม เห็นสิ่งที่เราทำพลาดไป และจะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ครับ
24 หนึ่งบทเรียนจากการแสดง ที่ยังจำได้ไม่เคยเลือนลืม
มีช่วงแรก ๆ ที่ผมเล่นละครแล้วจำบทไม่ได้ ผมก็พยายามหาทางออกว่าทำไมจำบทไม่ได้ แล้วทำไมผมถึงต้องพูดรัว พูดเร็ว ๆ หลัง ๆ ก็เลยเริ่มไปถามคนนู้น คนนี้ ถามป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ – ผู้กำกับ) เขาเลยสอนให้ใช้วิธีจำเอา และรีแล็กซ์ตัวเองให้มากที่สุด คือถ้าเราตึงเครียดกับอะไรบางอย่างแล้ว มันจะทำได้ไม่ดี แต่ถ้าเราอารมณ์ดี ทุกอย่างมันก็จะดีไปหมดครับ ซึ่งผมลองแล้ว มันก็ได้ผลมากครับ พอเราได้รู้วิธีแบบนี้ปุ๊บ บางทีเราต้องไม่พูดแบบจำได้หมดทุกคนที่เขาเขียนมาในบท แต่พูดออกไปแล้วความหมายมันยังตรงทุกอย่างโอเค ได้ตามภาพที่เขาต้องการ ผมว่าอันนี้มันก็ทำให้การสวมบทละครนั้นเป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกครับ
25 เวลามีปัญหา คุณเป็นพวกมุ่นมั่น ต้องแก้ให้ได้ หรือปล่อยมันไปก่อน
ผมก็จะเก็บปัญหามาหาทางแก้ แต่ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหานะครับ ใช้กำลังแทน เฮ้ย ไม่ใช่!! (หัวเราะ)
26 อะไรคือสิ่งที่คุณเชื่ออยู่อย่างมาก ๆ ในตอนนี้
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว มันจะไม่สามารถกลับมาทำแบบนี้ได้อีก คือวันนี้ที่ผมทำอะไรอยู่ นั่งคุยตอบคำถามอยู่ ยังไงคุณก็ไม่มีทางย้อนกลับมาทำใหม่ได้อีก ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ผมจึงคิดอยู่ตลอดว่าทุกสิ่งที่ทำนี้มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ทำ เพราะฉะนั้นก็ต้องทำให้ดีที่สุดครับ ชีวิตคนเรามันก็อาจจะมีท้อ มีเบื่อกันได้บ้าง แต่ก็คิดซะว่าถ้าไม่ทำในวันนี้ ก็ไม่มีโอกาสให้ทำแล้วครับ
27 เป็นคนที่เอ่อคำว่า ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘ขอโทษ’ บ่อยกว่ากัน
ไม่ได้นับเลยอ่ะ แต่ผมว่าน่าจะพูด ‘ขอบคุณครับ’ มากกว่านะ เพราะไม่ว่าใครจะพูดอะไรมาผมก็จะน้อมรับไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นคำตำหนิ หรือคำชม คำชมก็ดี แต่คำติยิ่งดีกว่า ยังไงก็ขอบคุณครับ
28 สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตอนนี้ ถ้าต้องขอบคุณใครสักคนอยากของคุณใคร
อันดับแรกขอขอบคุณพ่อคุณแม่ก่อนครับ ที่เขาคอยเลี้ยงดูเรามาด้วยความรักที่เขามี ทำให้ผมมีวันนี้ และขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกๆ คนที่คอยสอนผมในเรื่องการแสดงครับ
29 อีกไม่กี่เดือนก็จะอายุเต็ม 20 ปีแล้ว มีแผนจะทำอะไรบ้าง
ดีใจก่อนเลยครับ จะได้บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย ตื่นเต้นนะ เข้าผับได้แล้ว 555
30 นับจากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า คิดว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรอยู่
คงมองตัวเองว่าโตขึ้นอยู่แล้ว งานในวงการก็คงจะทำอยู่ แต่ก็อาจมีอย่างอื่นทำควบคู่บ้าง คือผมพยายามเรียนรู้ทุกๆอย่างที่มันผ่านเข้ามาในตอนนี้ การสอนของพี่ๆ ทุกคน เราจะเก็บ ๆ มารวบรวม เผื่อว่าวันหนึ่งจะนำมาทำอะไรอย่างอื่นต่อไปบ้างครับ