เหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ จ.ยะลา 4 แห่ง ก.อุตฯ ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท ไหม้แค่โกดังเก็บสินค้า ตัวโรงงานไม่เสียหาย ขณะที่ผู้ประกอบการลั่นขวัญและกำลังใจยังดี พร้อมเดินหน้ากิจการต่อในพื้นที่
จากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานในจ.ยะลา (2ส.ค.56) เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นนายสามารถ สุขเกษม อุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ได้รายงานความเสียหายของโรงงาน ดังนี้ 1.บริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ ประกอบกิจการโรงงานแปรรูปยางพารา เสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท 2.บริษัท ลิดลวัสดุก่อสร้าง จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าอะไหล่วัสดุอุปกรณ์รถบรรทุก เสียหายประมาณ 1 ล้านบาท 3.บริษัท พาราวูด จำกัด ประกอบกิจการแปรรูปไม้ยางพารา เสียหายประมาณ 1 ล้านบาท และ 4.บริษัท ยะลา
ยูเนี่ยนพลาสติก จำกัด ประกอบกิจการอบไม้และทำผลิตภัณฑ์พลาสติก เสียหายประมาณ 5 แสนบาท โดยไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการด่วนให้นายปณิธาน จินดาภู ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยให้กำชับผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฝ้าระวังความปลอดภัยโรงงานเพิ่มเป็นพิเศษในช่วง 7 วัน ก่อนสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด (รอมฎอน)
“จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าทั้ง 4 บริษัท สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เป็นโกดังเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเพื่อเตรียมส่งมอบให้ลูกค้า และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยไม่ได้กระทบกับตัวโรงงานที่เป็นสถานที่ประกอบการผลิต ผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย ยังมีขวัญกำลังใจที่ดีอยู่และยืนยันจะดำเนินกิจการต่อไป โดยจะหยุดซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นานนัก โดยไม่คิดปิดกิจการและย้ายหนีไปไหนแน่นอน” ปลัดวิฑูรย์ กล่าว
เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้มีนโยบายเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ เช่น 1) การลดมูลค่าเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดิน และทุนหมุนเวียนขั้นต่ำจาก 1 ล้านบาท ลดลงเหลือ 500,000 บาท 2) เสนออนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการที่ขอรับการส่งเสริมได้วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยต้องลงทุนในเครื่องจักรใหม่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าเครื่องจักรใช้แล้ว 3) การลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้รับสิทธิและประโยชน์ด้านภาษีอากรเช่นเดียวกับกรณีการตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
--------------------------------
“ปลัดอุตฯ เตือนโรงงานเข้มระวังภัยโจรใต้เป็นพิเศษจนสิ้นสุดรอมฎอน หลังไฟไหม้ 4 จุดที่ยะลา ”
จากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานในจ.ยะลา (2ส.ค.56) เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นนายสามารถ สุขเกษม อุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ได้รายงานความเสียหายของโรงงาน ดังนี้ 1.บริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ ประกอบกิจการโรงงานแปรรูปยางพารา เสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท 2.บริษัท ลิดลวัสดุก่อสร้าง จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าอะไหล่วัสดุอุปกรณ์รถบรรทุก เสียหายประมาณ 1 ล้านบาท 3.บริษัท พาราวูด จำกัด ประกอบกิจการแปรรูปไม้ยางพารา เสียหายประมาณ 1 ล้านบาท และ 4.บริษัท ยะลา
ยูเนี่ยนพลาสติก จำกัด ประกอบกิจการอบไม้และทำผลิตภัณฑ์พลาสติก เสียหายประมาณ 5 แสนบาท โดยไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการด่วนให้นายปณิธาน จินดาภู ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยให้กำชับผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฝ้าระวังความปลอดภัยโรงงานเพิ่มเป็นพิเศษในช่วง 7 วัน ก่อนสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด (รอมฎอน)
“จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าทั้ง 4 บริษัท สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เป็นโกดังเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเพื่อเตรียมส่งมอบให้ลูกค้า และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยไม่ได้กระทบกับตัวโรงงานที่เป็นสถานที่ประกอบการผลิต ผู้ประกอบการทั้ง 4 ราย ยังมีขวัญกำลังใจที่ดีอยู่และยืนยันจะดำเนินกิจการต่อไป โดยจะหยุดซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นานนัก โดยไม่คิดปิดกิจการและย้ายหนีไปไหนแน่นอน” ปลัดวิฑูรย์ กล่าว
เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้มีนโยบายเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ เช่น 1) การลดมูลค่าเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดิน และทุนหมุนเวียนขั้นต่ำจาก 1 ล้านบาท ลดลงเหลือ 500,000 บาท 2) เสนออนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการที่ขอรับการส่งเสริมได้วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยต้องลงทุนในเครื่องจักรใหม่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าเครื่องจักรใช้แล้ว 3) การลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้รับสิทธิและประโยชน์ด้านภาษีอากรเช่นเดียวกับกรณีการตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
--------------------------------