พ่อติดเงิน50000

---
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ไม่ค่อยเห็นด้วยกับหลายๆ ความเห็นที่พูดเหมือนจขกท.ไม่สำนึกบุญคุณที่คุณพ่อเลี้ยงมานะ

พ่อแม่เลี้ยงลูกมันเป็นหน้าที่ ไม่ควรหวังว่าที่ให้ๆ ไปจะทวงคืนได้ทุกบาททุกสตางค์
แต่เมื่อพ่อแม่อายุมากแล้ว และลูกหาเงินได้เอง ลูกก็เลี้ยงดูพ่อแม่ตอบแทน
หรือกรณีที่พ่อแม่ขัดสนจากสาเหตุอื่นๆ แล้วลูกพอมีก็ช่วยเหลือกันไป

กรณีนี้จขกท.ยังเป็นเด็กมัธยม เงินเก็บถ้าไม่ใช่จากรายได้พิเศษ (ซึ่งจะได้ซักแค่ไหน งานพิเศษเด็กมัธยมเนี่ย)
ก็คงเก็บหอมรอมริบจากเงินที่คุณพ่อให้ ซึ่งเป็นนิสัยที่ดีที่พ่อแม่ควรจะส่งเสริม ไม่ใช่คอยแต่รู้สึกว่านี่เงินฉัน
ฉันเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่งั้นสอนให้ลูกออมเงินไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวก็โดนเอาไปอยู่ดี สู้กินๆ ใช้ๆ ให้หมดไปดีกว่า

ถ้าคุณพ่่อกำลังลำบาก แล้วจขกท.ทวงยิกๆ ค่อยว่า แต่นี่คุณพ่อก็ดูเหมือนไม่ได้ลำบากอะไร แต่ไม่คืนเงินลูก
ลูกก็ต้องไม่สบายใจบ้างแหละ เงินไม่ใช่น้อยนะ ขนาดเราหาเงินได้แล้ว จะให้ใครมายืมขำๆ 50,000 ยังสะดุ้ง
แล้วนี่เด็กมัธยมเก็บนานแค่ไหนกว่าจะได้
ความคิดเห็นที่ 13
อยากให้อ่านนะครับ

คิทาโน ทาเคชิ เป็นดาวตลกและผู้กำกับภาพยนต์ญี่ปุ่นชื่อดัง เพิ่งได้รับรางวัลระดับนานาชาติเมื่อไม่นานมานี้  (จำโหดมันส์ฮาได้ป่ะ?)
เมื่อไม่กี่ปีก่อน มารดาของเขาสิ้นบุญที่บ้านนอก เขาไปร่วมงานศพ ทั้งๆ ที่เขาไม่ชอบคุณแม่เลย เพราะคุณแม่ของเขาเอาแต่ขอเงินจากเขา เดือนไหนที่เขาไม่ได้ส่งเงินกลับบ้าน แม่ของเขาจะโทรมา เปิดปากก็ด่าขโมงโฉงเฉง ยิ่งทาเคชิดังมากขึ้นเท่าไร แม่ก็ยิ่งขอเงินมากขึ้นเท่านั้น...
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ยังอดร้องไห้โฮไม่ได้ เพราะเขายังตะขิตตะขวงใจที่ต้องไปทำงานไกลๆ ไม่ได้อยู่ดูแลคุณแม่ แม้จะเป็นแม่ที่ "เอาแต่เงิน" เขาก็ยังอดรู้สึกติดค้างคุณแม่ไม่ได้...
หลังงานศพ ก่อนที่ทาเคชิจะกลับ พี่ใหญ่ของเขาได้ยื่นซองเล็กๆ ซองหนึ่งให้เขา บอกว่าคุณแม่สั่งนักสั่งหนาว่าต้องมอบให้เขา
                ทาเคชิเปิดซองออกอย่างระมัดระวัง ในนั้นมีสมุดเงินฝากธนาคารเล่มหนึ่งและจดหมายฉบับหนึ่ง สมุดเงินฝากเป็นชื่อของเขา มีเงินฝากเป็นหลายสิบล้านเยน ในจดหมายเขียนว่า...  “ลูกทาเคชิ ในบรรดาลูกๆ ของแม่ คนที่ทำให้แม่กังวลมากที่สุดคือลูก ตั้งแต่เล็กลูกไม่ขยันเรียนหนังสือ สุรุ่ยสุร่าย แถมใจกว้างกับเพื่อนฝูง พอลูกจะขอมาสู้ในเมืองหลวง แม่ก็กังวลเพียงว่าลูกจะตกระกำเป็นไอ้จรจัด ดังนั้น แม่จึงบังคับให้ลูกส่งเงินกลับมาให้แม่ทุกเดือน เพื่อจะได้กระตุ้นให้ลูกไปหาเงินให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยลูกเก็บเงินอีกทางหนึ่ง เงินที่ลูกให้แม่ แม่ไม่ได้ใช้แม้แต่แดงเดียว พี่ชายของลูกดูแลแม่ดีอยู่แล้ว เงินของลูกก็คือเงินของลูก ตอนนี้ลูกเอาไปใช้ให้คุ้มเถิด”  พออ่านจบ ทาเคชิทรุดลงบนพื้น ทรุดอยู่เช่นนั้นเป็นนานๆๆๆ... ถ้ายังมีพ่อแม่อยู่ ก็แค่ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด อย่าทำอะไรที่จะรู้สึกเสียใจภายหลังก็พอ...
ความคิดเห็นที่ 15
ขอเห็นต่างกับคนอื่นหน่อย

เข้าใจจขกท.นะ  แต่คิดว่าพ่อคุณมีปัญหาการเงินแน่นอน มากน้อยไม่ทราบ

แต่ที่แน่ๆน่าจะเกิดเพราะความไม่มีวินัยในตัวเอง ซึ่งมันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป

ถ้าคุณมีทางทวงโดยให้คุณพ่อรู้ถึงความจำเป็น และไม่ให้ขุ่นใจ ขอให้รีบทำ โดยไม่ลดละ
พยายามไปเรื่อยๆ อย่าให้มีเรื่อง  ขอตอนอารมณ์ดีๆ

พ่อคุณน่าจะเป็นคนใจดี ใจอ่อน  อาจไปใจอ่อนให้คนอื่นก็ได้
เคยเห็นมาเยอะ บางทีก็ไปลงที่อบายมุขโดยไม่จำเป็น

บอกพ่อว่าวันข้างหน้า ถ้าพ่อเดือดร้อนอีก ค่อยให้ยืมกลับไปใหม่

เงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร เป็นพ่อก็ทวงได้ แต่ต้องสุภาพเท่านั้น


กลับกัน
ถ้าครอบครัวที่มีหลักเรื่องการเงินดี ๆ  จะสอนลูกเรื่องเครดิตมากๆ
จะสอนลูกหลานให้รักษาเครดิตสุดชีวิต ไม่ว่ากับใครก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่