วันนี้ผมตัดบทสัมภาษณ์บางตอนของ คุณธงชัย แมคอินไตย์ จากนิตยสารแพรว มาให้เพื่อนๆอ่านกันเล่นๆครับ
แล้วตื่นนอนเช้านี้ พี่เบิร์ดร้องเพลงหรือยังครับ?
ร้องตั้งแต่เช้าแล้ว (ยิ้ม) วอร์มเสียง ไล่โน้ตไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้ทุกวัน ตอนนี้เบิร์ดยังเรียนร้องเพลงกับเรียนเต้นทุกวันอังคารกับวันพฤหัสบดี เริ่มจากเข้าคลาสร้องกับ ‘ครูโรจน์’ (รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์) พักครึ่งชั่วโมงแล้วไปเรียนเต้นกับ ‘ครูอู๋-เปรมจิตต์ (เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี)’ ต่อ ไม่ได้ซ้อมเพื่อคอนเสิร์ตนะ แต่เรียนรู้เพิ่มเติม
ระดับ ธงไชย ยังต้องเรียนร้องเพลงอีกหรือครับ?
ต้องเรียนตลอดครับ ไม่ใช่เพื่อให้ร้องเพราะ แต่เป็นการดูแลเส้นเสียง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีขนาดเล็กนิดเดียว เราต้องจับเขาออกกำลังกายและฝึกใช้อย่างถูกวิธี เวลาร้องโน้ตยากๆ จะได้ไม่ต้องบีบหรือตะเบ็งจนคอแตก สมัยก่อนเวลาร้องเสียงสูง เบิร์ดจะใช้วิธีชี้นิ้วขึ้น แล้วบอกตัวเองว่า ฉันจะขึ้นเสียงสูงแล้วนะ แต่พอเรียนเยอะๆ ร่างกายจะรู้และทำได้เองแบบอัตโนมัติ เช่นเดียวกับ การเต้น ถ้าฝึกซ้อมเป็นประจำ สารเคมีในร่างกายจะไม่หยุดนิ่ง ทั้งข้อต่อ ร่างกาย และสมองจะทำงานได้พร้อมกัน พออยู่บนเวที ทุกอย่างก็ง่าย คล้ายๆ เปิดลิ้นชักความทรงจำว่า อ๋อ... เราเคยร้องแบบนี้ ท่าเต้นนี้เป็นอย่างนี้ ถือเป็นการทบทวนกับขยายผลใหม่ๆ
สังเกตว่า ระหว่างที่เราคุยกัน พอได้ยินเพลงในวิทยุ พี่เบิร์ดโยกตัวเปลี่ยนตามสไตล์เพลงด้วย?
จริงหรือ ไม่รู้ตัวเลย เบิร์ดว่า เสียงเพลงกลายเป็นความรู้สึกไปแล้ว พอหูได้ยินดนตรีจังหวะหนึ่ง ใจกับตัวก็ไปพร้อมกัน ซึ่งถึงเวลาทำงาน คนออกแบบท่าเต้นจะนำไปใช้ด้วย อย่างเพลง ‘Too Much So Much Very Much’ ทีมChoreograph เป็นฝ่ายออกแบบท่าเต้นให้ทั้งหมด (ครูอู๋คิดท่านี้ให้ ..เพิ่มเติมนะครับ) แต่ช่วงโซโล่ เขาดึงการเคลื่อนไหวของเบิร์ดออกมาดีไซน์เป็นท่า ซึ่งครูอู๋เคยบอกว่า ธรรมชาติที่สุดของเบิร์ดคือ เพลงโซล
เรื่องใหม่กิ๊กในปี 2555 ที่ได้เรียนรู้คืออะไรครับ?
เรื่องที่ต้องเรียนเพิ่มนี่ละ ใจเราบอกว่า เบิร์ด เรียนเถอะ! ถ้ายังอยากร้องเพลง ทำไมไม่เรียนล่ะ จึงหมั่นถามครูโรจน์ว่า หนนี้มีอะไรยากๆ น้องอู๋มีท่าใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเต้นหรือเปล่า และระหว่างอยู่ในห้องเรียน เบิร์ดมองผ่านกระจกที่ตึกแกรมมี่ เห็นคนเดินผ่านไปมาบนถนนก็จะรู้สึกว่า ต้องรักษาเสียงให้ดี สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าเพชรทอง เพราะทุกคนต้องคาดหวังว่า เวลาฟังเบิร์ดร้องเพลงต้องได้ยินเสียงเพราะตลอด เพราะฉะนั้น เราจะหยุดไม่ได้
ครูทั้งสองคนกล้าดุไหมครับ?
ดุสิ ครูโรจน์ชอบบ่นว่า ร้องเสียงดังเกินไป ใครก็ทำได้! ไหนลองเบาสิ โอเค เก่งมากๆ แต่สักพักครูโรจน์ก็เสียงดังเอง
ส่วนครูอู๋ก็เหมือนกัน บอกว่า ความจริงพี่เบิร์ดเต้นได้หมดแล้ว แต่ใจร้อน นี่เพิ่งวันแรกเอง จะรีบเต้น รีบรัวไปไหน แขนอย่าเพิ่ง แค่นี้พอก่อน ใจร้อนนะคะเรา (หัวเราะ)
อยากให้เห็นว่านี่คือการทำงานแบบมืออาชีพครับ ศิลปินต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา น้องๆนักล่าฝันมีคนมาสอนให้ถึงที่บ้าน ถามตัวเองหน่อยครับว่าเราตั้งใจมากพอกับโอกาสที่ได้รับหรือไม่
เห็นได้ว่าครูโรจน์กับครูอู๋ทำงานร่วมกันมานานแล้ว อยู่เบื้องหลังศิลปินระดับประเทศมากมาย ต่างคนต่างเข้าใจนิสัยกันดี (แอบเห็นครูโรจน์ทำหน้ารำคาญครูอู๋ในบางครั้งตอนที่ครูอู๋พูดยาวมากกมากกกก ขำขำ) โดนัทยังคงใหม่กับสองทีมนี้ ครูอู๋กับครูโรจน์ก็ยังคงใหม่กับทีมโดนัท มันเลยเห็นอาการงัดกันบ้างเป็นครั้งคราว ทุกอย่างที่แสดงออกมาคือบุคลิกภาพและ skill ของแต่ละคน แต่มืออาชีพไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสียหรอกครับ เพราะนี่คือ”งาน”ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือพัฒนานักล่าฝันให้เป็นสตาร์ให้ได้
บทสัมภาษณพี่เบิร์ด ที่พูดถึงครูโรจน์กับครูอู๋ เมื่อปีก่อน
แล้วตื่นนอนเช้านี้ พี่เบิร์ดร้องเพลงหรือยังครับ?
ร้องตั้งแต่เช้าแล้ว (ยิ้ม) วอร์มเสียง ไล่โน้ตไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้ทุกวัน ตอนนี้เบิร์ดยังเรียนร้องเพลงกับเรียนเต้นทุกวันอังคารกับวันพฤหัสบดี เริ่มจากเข้าคลาสร้องกับ ‘ครูโรจน์’ (รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์) พักครึ่งชั่วโมงแล้วไปเรียนเต้นกับ ‘ครูอู๋-เปรมจิตต์ (เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี)’ ต่อ ไม่ได้ซ้อมเพื่อคอนเสิร์ตนะ แต่เรียนรู้เพิ่มเติม
ระดับ ธงไชย ยังต้องเรียนร้องเพลงอีกหรือครับ?
ต้องเรียนตลอดครับ ไม่ใช่เพื่อให้ร้องเพราะ แต่เป็นการดูแลเส้นเสียง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีขนาดเล็กนิดเดียว เราต้องจับเขาออกกำลังกายและฝึกใช้อย่างถูกวิธี เวลาร้องโน้ตยากๆ จะได้ไม่ต้องบีบหรือตะเบ็งจนคอแตก สมัยก่อนเวลาร้องเสียงสูง เบิร์ดจะใช้วิธีชี้นิ้วขึ้น แล้วบอกตัวเองว่า ฉันจะขึ้นเสียงสูงแล้วนะ แต่พอเรียนเยอะๆ ร่างกายจะรู้และทำได้เองแบบอัตโนมัติ เช่นเดียวกับ การเต้น ถ้าฝึกซ้อมเป็นประจำ สารเคมีในร่างกายจะไม่หยุดนิ่ง ทั้งข้อต่อ ร่างกาย และสมองจะทำงานได้พร้อมกัน พออยู่บนเวที ทุกอย่างก็ง่าย คล้ายๆ เปิดลิ้นชักความทรงจำว่า อ๋อ... เราเคยร้องแบบนี้ ท่าเต้นนี้เป็นอย่างนี้ ถือเป็นการทบทวนกับขยายผลใหม่ๆ
สังเกตว่า ระหว่างที่เราคุยกัน พอได้ยินเพลงในวิทยุ พี่เบิร์ดโยกตัวเปลี่ยนตามสไตล์เพลงด้วย?
จริงหรือ ไม่รู้ตัวเลย เบิร์ดว่า เสียงเพลงกลายเป็นความรู้สึกไปแล้ว พอหูได้ยินดนตรีจังหวะหนึ่ง ใจกับตัวก็ไปพร้อมกัน ซึ่งถึงเวลาทำงาน คนออกแบบท่าเต้นจะนำไปใช้ด้วย อย่างเพลง ‘Too Much So Much Very Much’ ทีมChoreograph เป็นฝ่ายออกแบบท่าเต้นให้ทั้งหมด (ครูอู๋คิดท่านี้ให้ ..เพิ่มเติมนะครับ) แต่ช่วงโซโล่ เขาดึงการเคลื่อนไหวของเบิร์ดออกมาดีไซน์เป็นท่า ซึ่งครูอู๋เคยบอกว่า ธรรมชาติที่สุดของเบิร์ดคือ เพลงโซล
เรื่องใหม่กิ๊กในปี 2555 ที่ได้เรียนรู้คืออะไรครับ?
เรื่องที่ต้องเรียนเพิ่มนี่ละ ใจเราบอกว่า เบิร์ด เรียนเถอะ! ถ้ายังอยากร้องเพลง ทำไมไม่เรียนล่ะ จึงหมั่นถามครูโรจน์ว่า หนนี้มีอะไรยากๆ น้องอู๋มีท่าใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเต้นหรือเปล่า และระหว่างอยู่ในห้องเรียน เบิร์ดมองผ่านกระจกที่ตึกแกรมมี่ เห็นคนเดินผ่านไปมาบนถนนก็จะรู้สึกว่า ต้องรักษาเสียงให้ดี สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าเพชรทอง เพราะทุกคนต้องคาดหวังว่า เวลาฟังเบิร์ดร้องเพลงต้องได้ยินเสียงเพราะตลอด เพราะฉะนั้น เราจะหยุดไม่ได้
ครูทั้งสองคนกล้าดุไหมครับ?
ดุสิ ครูโรจน์ชอบบ่นว่า ร้องเสียงดังเกินไป ใครก็ทำได้! ไหนลองเบาสิ โอเค เก่งมากๆ แต่สักพักครูโรจน์ก็เสียงดังเอง
ส่วนครูอู๋ก็เหมือนกัน บอกว่า ความจริงพี่เบิร์ดเต้นได้หมดแล้ว แต่ใจร้อน นี่เพิ่งวันแรกเอง จะรีบเต้น รีบรัวไปไหน แขนอย่าเพิ่ง แค่นี้พอก่อน ใจร้อนนะคะเรา (หัวเราะ)
อยากให้เห็นว่านี่คือการทำงานแบบมืออาชีพครับ ศิลปินต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา น้องๆนักล่าฝันมีคนมาสอนให้ถึงที่บ้าน ถามตัวเองหน่อยครับว่าเราตั้งใจมากพอกับโอกาสที่ได้รับหรือไม่
เห็นได้ว่าครูโรจน์กับครูอู๋ทำงานร่วมกันมานานแล้ว อยู่เบื้องหลังศิลปินระดับประเทศมากมาย ต่างคนต่างเข้าใจนิสัยกันดี (แอบเห็นครูโรจน์ทำหน้ารำคาญครูอู๋ในบางครั้งตอนที่ครูอู๋พูดยาวมากกมากกกก ขำขำ) โดนัทยังคงใหม่กับสองทีมนี้ ครูอู๋กับครูโรจน์ก็ยังคงใหม่กับทีมโดนัท มันเลยเห็นอาการงัดกันบ้างเป็นครั้งคราว ทุกอย่างที่แสดงออกมาคือบุคลิกภาพและ skill ของแต่ละคน แต่มืออาชีพไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสียหรอกครับ เพราะนี่คือ”งาน”ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือพัฒนานักล่าฝันให้เป็นสตาร์ให้ได้