วิธีการจัดคราบน้ำมันในทะเล ตามมาตรฐานสากล

วิธีแรก ใช้ทุ่น หรือที่เรียกว่า บูม กางล้อมน้ำมันไม่ให้กระจายตัวออกไป แล้วใช้เครื่องดูดน้ำมันขึ้นมาเก็บไว้ในเรือ ถือเป็นวิธีดีที่สุด เพราะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อจำกัดของวิธีนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพคลื่นลมในท้องทะเลขณะนั้นเป็นสำคัญ หากมีคลื่นลมแรง การปฏิบัติงานจะทำได้ยากไม่สะดวกแก่การวางทุ่นกักน้ำมันและเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมันลงในทะเล วิธีที่ 2 ใช้สารเคมีที่เรียกว่า Dispersant เป็นสารขจัดคราบน้ำมัน เพื่อทำให้น้ำมันไม่จับตัว แต่กระจายเป็นอนุภาคเล็กๆ ทำให้ย่อยสลายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น วิธีการจะฉีดสารนี้ลงไปในบริเวณที่น้ำมันดิบรั่วไหล น้ำมันจะแตกเป็นก้อนเล็กๆ จะย่อยสลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย เป็นการเร่งให้เกิดปฏิกิราการย่อยสลายทางธรรมชาติในเวลาอันสั้น โดยปกติเมื่อน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเล จะสามารถถูกย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติอยู่แล้ว ข้อจำกัดของวิธีการนี้ คือ ถ้าน้ำมันรั่วไหลลงไปในทะเล การใช้สารเคมีจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าทิ้งไว้เนิ่นนานสารเคมีจะไม่สามารถทำให้น้ำมันกระจายตัวสักเท่าไร เนื่องจากน้ำมันจะเหลือเฉพาะส่วนประกอบที่หนัก ขณะที่ส่วนประกอบที่เบาจะระเหยไปก่อนหน้านี้แล้ว การใช้สาร Dispersant หรือ สารขจัดคราบน้ำมันนี้ จะต้องคำนึงด้วยว่า น้ำในบริเวณที่เกิดเหตุมีการไหลเวียนมากน้อยเพียงใด ถ้าน้ำไหลเวียนน้อยสารเคมีตัวนี้อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นการใช้สาร Dispersant จึงต้องใช้ในทะเลที่มีทั้งคลื่นลมและการไหลเวียนของน้ำอยู่ในระดับที่ดี ทำให้น้ำมันไม่มีการสะสม และต้องใช้ก่อนที่คราบน้ำมันจะเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณป่าชายเลนหรือแนวปะการัง วิธีที่ 3 คือ การเผา วิธีนี้มักใช้ในกรณีที่น้ำมันไหลกลางทะเลเท่านั้ร ถ้าน้ำมันรั่วใกล้บริเวณชายฝั่งซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือเป็นแหล่งชุมชน จะใช้วิธีการนี้ไม่ได้ เพราะควันจากการเผาน้ำมันจะรบกวนผู้คน นอกจากนั้นถ้าชั้นน้ำมันไม่หนาพอ คือ กระจายเป็นชั้นบางๆ โอกาสที่น้ำมันจะติดไฟมีน้อย วิธีการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ตามมาตรฐานสากล มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสถานที่เกิดเหตุ และชนิด รวมทั้งปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล ตลอดจนสภาพคลื่นลมในทะเลขณะนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่