นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH เปิดเผยว่าบริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 56 เหลือเติบโต 13% มาอยู่ที่ประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาทจากเดิมตั้งไว้ที่ระดับ 15% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวลงกว่าที่คาด ทำให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากโดยปกติครึ่งปีหลังคนไข้จะมีมากกว่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายโรงพยาบาลในเครืออย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้แตะ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 58 โดยตั้งเป้ามีโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 50 แห่งภายใน 1 ปีครึ่งนับจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 แห่ง ซึ่งบางส่วนจะเป็นการขยายโรงพยาบาลในต่างประเทศทั้งพม่า กัมพูชา และลาว โดยตั้งงบลงทุนไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งซื้อกิจการ ลงทุนเอง และการสวอปหุ้นโรงพยาบาลด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่สร้างเอง โดยจะเน้นที่หัวเมืองใหญ่จะมีให้ครบ
ด้านต่างประเทศตั้งเป้า 3 ประเทศ กัมพูชา, ลาว และ พม่า โดยจะเป็นการสร้างเองประเทศละ 1 แห่ง ภายใน 1-2 ปีนี้ ส่วนในประเทศตอนนี้ก็มีหลายโรงพยาบาลเข้ามาคุยที่อยากจะมารวมกับ BGH ซึ่งก็ต้องดูว่าเป็นการซื้อกิจการหรือจะสวอปหุ้น เพราะการซื้อกิจการจะมีเรื่องภาษีที่ต้องเสีย ส่วนการสวอปหุ้นจะสะดวกกว่า ส่วนในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือจีน ตลาดจีนก็จะดูถัดไปหลังเปิดครบ 50 โรงพยาบาลแล้ว โดย BGH จะเน้นประเทศในแถบอาเซียนก่อน
เช้าวันนี้ (1 ส.ค.) BGH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก จำกัด เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ทุนจดทะเบียนจำนวน 600 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%
พร้อมกันนั้น ได้อนุมัติให้กรุงเทพพิษณุโลกเข้าซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลรัตนเวช ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในพิษณุโลก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเด็กรัตนเวช และโรงพยาบาลรัตนเวช 2 โดยกรุงเทพพิษณุโลกจะรับโอนมาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินทั้งปวงของรัตนเวช ณ วันรับโอนกิจการโดยคำนวณเป็นมูลค่ารวมของราคาซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดเป็นเงินประมาณไม่เกิน 577 ล้านบาท โดยจะชำระเป็นเงินสด ซึ่งการตรวจสอบสถานะคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.56
ภายหลังรับโอนกิจการแล้วบริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบอำนาจทั่วไป (general mandate) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด(private placement) ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 55 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.55 โดยจะเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นของรัตนเวชจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 50 ราย
BGH ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้โตแค่ 13% บุกหนักลาว กัมพูชา พม่า ส่งบ.ลูกซื้อ รพ.รัตนเวช
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายโรงพยาบาลในเครืออย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้แตะ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 58 โดยตั้งเป้ามีโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 50 แห่งภายใน 1 ปีครึ่งนับจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30 แห่ง ซึ่งบางส่วนจะเป็นการขยายโรงพยาบาลในต่างประเทศทั้งพม่า กัมพูชา และลาว โดยตั้งงบลงทุนไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งซื้อกิจการ ลงทุนเอง และการสวอปหุ้นโรงพยาบาลด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่สร้างเอง โดยจะเน้นที่หัวเมืองใหญ่จะมีให้ครบ
ด้านต่างประเทศตั้งเป้า 3 ประเทศ กัมพูชา, ลาว และ พม่า โดยจะเป็นการสร้างเองประเทศละ 1 แห่ง ภายใน 1-2 ปีนี้ ส่วนในประเทศตอนนี้ก็มีหลายโรงพยาบาลเข้ามาคุยที่อยากจะมารวมกับ BGH ซึ่งก็ต้องดูว่าเป็นการซื้อกิจการหรือจะสวอปหุ้น เพราะการซื้อกิจการจะมีเรื่องภาษีที่ต้องเสีย ส่วนการสวอปหุ้นจะสะดวกกว่า ส่วนในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือจีน ตลาดจีนก็จะดูถัดไปหลังเปิดครบ 50 โรงพยาบาลแล้ว โดย BGH จะเน้นประเทศในแถบอาเซียนก่อน
เช้าวันนี้ (1 ส.ค.) BGH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก จำกัด เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ทุนจดทะเบียนจำนวน 600 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%
พร้อมกันนั้น ได้อนุมัติให้กรุงเทพพิษณุโลกเข้าซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลรัตนเวช ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในพิษณุโลก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเด็กรัตนเวช และโรงพยาบาลรัตนเวช 2 โดยกรุงเทพพิษณุโลกจะรับโอนมาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินทั้งปวงของรัตนเวช ณ วันรับโอนกิจการโดยคำนวณเป็นมูลค่ารวมของราคาซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดเป็นเงินประมาณไม่เกิน 577 ล้านบาท โดยจะชำระเป็นเงินสด ซึ่งการตรวจสอบสถานะคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.56
ภายหลังรับโอนกิจการแล้วบริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบอำนาจทั่วไป (general mandate) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด(private placement) ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 55 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.55 โดยจะเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นของรัตนเวชจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 50 ราย