การมีน้ำใจหรือใจเย็นในการใช้ถนนมันทำยากกันหรอครับ

นี่เป็นครั้งแรกที่มาตั้งกระทู้ในที่นี้เลยครับ อ่านปัญหาของหลายๆท่านมาไม่คิดว่าเจอกับตัวเอง

โดยปกติผมจะเป็นคนขับรถรักษากฎจราจรครับ ไม่พยายามทำผิดวินัยเท่าไหร่ นอกจากสุดวิสัยจริงๆ

เช้านี้ประมาณ 8.00น. ผมใช้เส้นทางพหลโยธินมุ่งหน้าวงเวียนหลักสี่เพื่อ วนไปแจ้งวัฒนะ

จุดแรกเลยที่วงเวียนหลักสี่ช่วงที่จะวนไปเข้าแจ้งวัฒนะ เป็นที่ทราบกันดีว่าวงเวียนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย

ผมใช้ช่องทางซ้ายสุดในวงเวียนตรงที่มีไฟจราจรก้อมีรถพยายามอ้อมรถคันอื่นๆที่ต่อคิวเพื่อ "ปาด"

โอเคครับผมเข้าใจว่าพี่รีบ แต่เมื่อเช้านี้หน้ารถผมอยู่เลยหน้ารถที่จะปาดไปพอสมควรผมจำเป็นต้องไปก่อนครับ

เลยกลายเป็นความไม่พอใจให้ผู้ "ปาด" มองหน้าผมอย่างกับแค้นมานานสุดท้ายพี่ท่านลดกระจกแจกของชำร่วยให้ผมซะ

ผมก้อไม่สนใจขับไปต่อเรื่อยๆ จนจุดที่สองหน้าราชภัฏพระนครผมก้อมีความจำเป็นที่จะต้องจอดเราส่งภรรยาข้ามสะพานลอย

ก้อแวะจอดแป๋ปเดียวครับแค่คนลงจากรถไม่ได้ใช้เวลานานอะไร แต่มันก้อสร้างความไม่พอใจให้ผู้ร่วมทาง

อันนี้ผมผิด "ผมขอโทษ" แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ผมว่ามันมากเกินไปครับ

หลังจากผมจอดส่งภรรยาแล้ว มันสร้างความไม่พอใจให้ผู้อื่นครับ ถึงขนาดแซงขึ้นมาเพื่อชนกระจกขวารถผม

ทั้งๆที่ข้างหลังก้อมีรถจอดส่งคนอยู่เหมือนกันเค้าไม่ยักกะชนครับ หรือเป็นไปได้ว่าผมอาจจะอยู่หัวแถว

อีกทั้งถัดจากสะพานลอยนั้นไปจะเป็นช่องทางออกของราชภัฏพระนคร เค้าตั้งกรวยกั้นเอาไว้อีกประมาณครึ่งช่องทาง

ผมก้อขับรถตามออกไปครับซึ่งผมต้องเบี่ยงไปใช้ช่องทางถัดไปจากซ้ายสุดเพื่อขึ้นสะพานมุ่งหน้าแจ้งวัฒนะ

ผมก้อเจอเค้าที่เลนนี้อีก ผมเลยตัดสินในแซงเปลี่ยนเลนไปเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องปะทะกัน (เลี่ยงการเผชิญกันดีกว่าครับ)

จังหวะก่อนผมจะแซงเค้าก้อเบรคอย่างไร้เหตุผลจนผมต้องเบรคตามแล้วผมก้อแซงเค้าขึ้นไปทางขวาตามวิสัย ไม่ได้คิดอะไร

(ยอมรับว่าผมหันไปมองเค้าครับ) มองด้วยความงง แล้วเค้าก้อลดกระจกลงแล้วต่อว่าผมว่า "มงจอดขวางทางตุไอ สา..."

ผมเลยลดกระจกแล้วตอบกลับไปว่า "ตุจอดส่งแฟนแป๋ปเดียวไอ ส..." เค้าก้อไม่พอใจจนต้องขับรถมาพยายามเบียดผม

ผมเองก้อไม่หักหลบประมาณว่า อยากชนก้อชนผมว่างเคลียร์ประกัน (ยอมรับว่าผมพลาดที่ไปเถียงกับเค้าด้วย)

แล้วเค้าก้อเปลี่ยนเลนไปใช้ช่องซ้ายสุด ผมเองก้อสบายใจไม่ต้องปะทะกันแล้ว เรื่องกระจกก้อช่างมัน ไม่ได้มีอะไรเสียหาย

ขับไปได้ไม่เกิน 50 เมตร พี่ท่านกลับมาครับ มาจากช่องซ้ายสุดมาหาผมถึงเลนที่3เลย ผมก้อขับไปไม่คิดเยอะใจร่มๆ

พี่ท่านก้อมาขับจี้ท้ายรถผมเลยทำท่าจะแซงขึ้นมาทางซ้ายให้ได้ ผมเองก้อยังคงขับรถต่อไปด้วยใจระอุแต่ต้องระงับอารมณ์

จนก่อนขึ้นสะพานข้ามถถนนวิภาวดี พี่ท่านก้อชะลอรถลงทำท่าเหมือนจะเลิกตีคู่กับผมแล้ว ผมก้อสบายใจขึ้นคิดว่าไปแล้ว

ที่ไหนได้ พี่ท่านกลับเบียดด้านท้ายรถผมทางด้านซ้ายแทนด้วยการเอากระจกรถด้านขวาของเค้ามาสีกับท้ายรถด้านซ้ายผม

อยากจอดรถลงไปมาก แต่ก้อไม่กล้าจอดเพราะถ้าผมเบรครถเค้าก้อจะวิ่งเลยขึ้นมาอีก ซึ่งมันคงจะทำให้ท้ายรถผมเป็นรอยยาวขึ้น

ผมต้องปล่อยไปมือก้อกำด้ามมีดแน่น ใจก้อคิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวข้ามสะพานไปค่อยคุยเพราะคิดว่าน่าจะมาทางเดียวกับผม

สุดท้ายผิดคาด พี่ท่านเล่นชิ่งออกซ้ายเลี้ยวออกวิภาวีเฉยเลย ปล่อยผมจากมาด้วยความงุนงง (ตกลงเราพลาดอีกแล้วใช่ไหม)

รถผมเองก้อไม่ได้เป็นอะไรมาคับขัดนิดเดียวก้อออก พลาสติดกระทำต่อเหล็กไม่ได้กินอะไรลึกมีชั้นสีที่ขัดได้อยู่

แต่บอกตรงๆนะครับ "น้ำใจ" หัดมีกันซะบ้างเถอะ มารยาทพกติดตัวออกมาจากบ้านด้วยนะครับอย่าลืม มันมีโอกาสที่เราต้องใช้ตลอด

ที่สำคัญ "สามัญสำนึก ความรู้จักผิดชอบชั่วดี" อันนี้ไม่ต้องพกมาครับ ฝังมันไว้ในหัวเลยอย่าเอาออก ถ้าเอาออกชีวิตคุณหมดค่าเลยครับ

ผมเองก้อต้องขอโทษครับที่จอดรถกีดขวางทาง แต่ก้อสงบจิตสงบใจกันหน่อยครับ ต่อว่าได้ครับ ถ้าผิดก้อยอมรับครับ อย่าทำแบบนี้

ผมเห็นตายฟรีมาเยอะแล้วครับ

ขอพื้นที่ระบายเพียงเท่านี้ครับ และขออภัยถ้าเรื่องมันไม่เข้าหูเข้าตาใครครับ


ปล. แฟนผมบอกว่า "ถ้าเค้าพลาดชนท้ายรถตอนหนูลง คงกลายเป็นหมูกลิ้งข้างถนนแน่เลยพี่ 555"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่