
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขณะประทับอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี อ.ส. วันศุกร์ โดยบรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายทุกครั้งก่อนเลิกเล่นดนตรี
เพลงพระราชนิพนธ์นี้มีเนื้อร้อง 3 สำนวน ผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย “ไกลกังวล” เมื่อ พ.ศ. 2500 คือ วิชัย โกกิละกนิษฐ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2506 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ Raul Manglapus อดีตสมาชิกวุฒิสภาของประเทศฟิลิปปินส์ประพันธ์เนื้อร้องภาษาอังกฤษชื่อ “When” จนกระทั่ง พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นช่วงที่เพลงปลุกใจเป็นที่นิยม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทยชื่อ “เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย”
เนื้อร้องทั้ง 3 สำนวนมีเนื้อหาที่สื่ออารมณ์ได้ต่างกันไป เพลง “ไกลกังวล” พรรณนาถึงความประทับใจขณะอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งมีแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลิน อารมณ์เพลง “When” กล่าวถึงธรรมชาติที่มีสิ่งชดเชยกัน เช่น เมื่อมืดลงดวงดาวก็ปรากฏ เมื่อพายุผ่านไปฟ้าก็สดใส ฯลฯ แล้วจึงเว้าวอนว่าเมื่อใดจะได้กลับมาพบกับผู้เป็นที่รัก ส่วนเพลง “เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย” นั้นปลุกสำนึกให้คนไทยรักและหวงแหนแผ่นดินไทย อารมณ์เพลงจึงคึกคัก ฮึกเหิม และเร้าใจ ความหมายของเนื้อร้องทั้ง 3 สำนวนแม้จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สามารถประสานกับทำนองหลักเดียวกันได้อย่างกลมกลืน ซึ่งอาจเป็นเพราะทำนองเพลงมีจังหวะกระชับในแนวดิกซีแลนด์แจส กับทั้งอยู่ในเมเจอร์สเกล จึงทำให้เข้ากันได้ดีกับใจความทั้ง 3 แบบ
รวบรวมและเรียบเรียงจากหนังสือ "งานช่างของในหลวง" โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรและ "ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์" โดยโรงเรียนจิตรลดา
______________________________________________
ไกลกังวล
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: วิชัย โกละกนิษฐ์
อยู่ไกลกังวลชนม์ชื่นฉ่ำ
หาดทรายและน้ำนำไกลเศร้า
ไม่มีหาดไหนงามเทียมเท่า
คลื่นครวญคลอเคล้าวอนรักฝั่ง
ค่ำคืนไม่เหงาเราเริงสุข
ไม่มีความทุกข์ใดมาบัง
ได้ยินแต่เสียงดนตรียัง
สนุกกันทั้งยามค่ำคืน
รุ่งอรุณแล้วฟ้าเรืองเรื่อ
แต่ใจยังเหลือความเริงรื่น
สนุกจริงหนอคลอเสียงคลื่น
โต้ลมฉ่ำชื้นยามพลิ้วผ่าน
โน่นเดือนยังค้างฟ้าลอยเด่น
แต่เราไม่เว้นความสำราญ
แข่งกันคอยรับทิวาวาร
สนุกสนานกันเถิดเอย
_______________________________________________
เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
เกิดเป็นไทยแล้วใจต้องสู้
ถิ่นไทยเรารู้เรารักยิ่ง
ศัตรูหน้าไหนไม่เกรงกริ่ง
หากมาช่วงชิงตายเสียเถิด
เผ่าไทยเดิมล้วนคนใจเด็ด
แกร่งดังเหล็กเพชรชูชาติเชิด
ต่างรักษาไว้แดนกำเนิด
เกิดเป็นไทยแล้วจำใส่ใจ
ปกครองรักษาทำหน้าที่
ห่วงเมืองไทยนี้ให้ยิ่งใหญ่
สิ้นเมืองไทยแล้วใครอยู่ได้
ชาติไทยคงไร้ความเสรี
เผ่าไทยเราพร้อมอาสาสมัคร
เด็ดเดี่ยวยิ่งนักยอมชีพพลี
เสี่ยงภัยทั้งผองปองความดี
ปกป้องปฐพีตายเพื่อไทย
_______________________________________
When
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: Raul Manglapus
When twilight falls, stars appear;
When winter ends, spring is here;
When storm clouds pass, skies are clear,
When I'm alone you are near.
When breezes blow, birds fly high;
Where flowers bloom, bees are night;
Whenever rainbows fill the sky.
In my lone heart you pass by.
Oh won't you please tell me when,
We two would meet once again.
I miss your sweet lovely face,
The thrill of your warm embrace.
You left me feeling so blue,
Now that I've cried over you.
I've got the blues now and then,
So won't you please tell me when.
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ ไกลกังวล มาให้ได้รับฟังกันครับ ในวโรกาสที่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสด็จวังไกลกังวลในวันนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขณะประทับอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี อ.ส. วันศุกร์ โดยบรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายทุกครั้งก่อนเลิกเล่นดนตรี
เพลงพระราชนิพนธ์นี้มีเนื้อร้อง 3 สำนวน ผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย “ไกลกังวล” เมื่อ พ.ศ. 2500 คือ วิชัย โกกิละกนิษฐ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2506 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ Raul Manglapus อดีตสมาชิกวุฒิสภาของประเทศฟิลิปปินส์ประพันธ์เนื้อร้องภาษาอังกฤษชื่อ “When” จนกระทั่ง พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นช่วงที่เพลงปลุกใจเป็นที่นิยม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทยชื่อ “เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย”
เนื้อร้องทั้ง 3 สำนวนมีเนื้อหาที่สื่ออารมณ์ได้ต่างกันไป เพลง “ไกลกังวล” พรรณนาถึงความประทับใจขณะอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งมีแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลิน อารมณ์เพลง “When” กล่าวถึงธรรมชาติที่มีสิ่งชดเชยกัน เช่น เมื่อมืดลงดวงดาวก็ปรากฏ เมื่อพายุผ่านไปฟ้าก็สดใส ฯลฯ แล้วจึงเว้าวอนว่าเมื่อใดจะได้กลับมาพบกับผู้เป็นที่รัก ส่วนเพลง “เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย” นั้นปลุกสำนึกให้คนไทยรักและหวงแหนแผ่นดินไทย อารมณ์เพลงจึงคึกคัก ฮึกเหิม และเร้าใจ ความหมายของเนื้อร้องทั้ง 3 สำนวนแม้จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สามารถประสานกับทำนองหลักเดียวกันได้อย่างกลมกลืน ซึ่งอาจเป็นเพราะทำนองเพลงมีจังหวะกระชับในแนวดิกซีแลนด์แจส กับทั้งอยู่ในเมเจอร์สเกล จึงทำให้เข้ากันได้ดีกับใจความทั้ง 3 แบบ
รวบรวมและเรียบเรียงจากหนังสือ "งานช่างของในหลวง" โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรและ "ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์" โดยโรงเรียนจิตรลดา
______________________________________________
ไกลกังวล
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: วิชัย โกละกนิษฐ์
อยู่ไกลกังวลชนม์ชื่นฉ่ำ
หาดทรายและน้ำนำไกลเศร้า
ไม่มีหาดไหนงามเทียมเท่า
คลื่นครวญคลอเคล้าวอนรักฝั่ง
ค่ำคืนไม่เหงาเราเริงสุข
ไม่มีความทุกข์ใดมาบัง
ได้ยินแต่เสียงดนตรียัง
สนุกกันทั้งยามค่ำคืน
รุ่งอรุณแล้วฟ้าเรืองเรื่อ
แต่ใจยังเหลือความเริงรื่น
สนุกจริงหนอคลอเสียงคลื่น
โต้ลมฉ่ำชื้นยามพลิ้วผ่าน
โน่นเดือนยังค้างฟ้าลอยเด่น
แต่เราไม่เว้นความสำราญ
แข่งกันคอยรับทิวาวาร
สนุกสนานกันเถิดเอย
_______________________________________________
เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
เกิดเป็นไทยแล้วใจต้องสู้
ถิ่นไทยเรารู้เรารักยิ่ง
ศัตรูหน้าไหนไม่เกรงกริ่ง
หากมาช่วงชิงตายเสียเถิด
เผ่าไทยเดิมล้วนคนใจเด็ด
แกร่งดังเหล็กเพชรชูชาติเชิด
ต่างรักษาไว้แดนกำเนิด
เกิดเป็นไทยแล้วจำใส่ใจ
ปกครองรักษาทำหน้าที่
ห่วงเมืองไทยนี้ให้ยิ่งใหญ่
สิ้นเมืองไทยแล้วใครอยู่ได้
ชาติไทยคงไร้ความเสรี
เผ่าไทยเราพร้อมอาสาสมัคร
เด็ดเดี่ยวยิ่งนักยอมชีพพลี
เสี่ยงภัยทั้งผองปองความดี
ปกป้องปฐพีตายเพื่อไทย
_______________________________________
When
Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej
Lyric: Raul Manglapus
When twilight falls, stars appear;
When winter ends, spring is here;
When storm clouds pass, skies are clear,
When I'm alone you are near.
When breezes blow, birds fly high;
Where flowers bloom, bees are night;
Whenever rainbows fill the sky.
In my lone heart you pass by.
Oh won't you please tell me when,
We two would meet once again.
I miss your sweet lovely face,
The thrill of your warm embrace.
You left me feeling so blue,
Now that I've cried over you.
I've got the blues now and then,
So won't you please tell me when.
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ