ผมว่า ข่าวนี้ จากกองทัพเรือ เป็นกลางสุดละ
จาก FB วาสนา นาน่วมครับ
กู้ชีวิต อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด...
ทัพเรือเผย ปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ ผบ.ทร. สั่งระดมกำลังพลเร่งกู้ชีวิต ฟื้นฟูอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด พร้อมช่วยขจัดคราบน้ำมันจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
น.อ.วิพันธ์ ชมะโชติ รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันขนาด 16 นิ้ว ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด รั่วไหล ขณะขนถ่ายน้ำมัน บริเวณระยะห่าง 10 ไมล์ จากท่าเทียบเรือมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ท้องทะเลจำนวน 50 ตัน
ภายหลังเกิดเหตุบริษัท พีทีที ฯ ได้ประสานมายังทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งทันทีที่ได้รับแจ้ง พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ ลำเลียง แบบที่ 4 ขึ้นบินลาดตระเวน พร้อมทั้งสั่งการให้เรือหลวงบางปะกง และเรือ ต.82 เข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให้เรือที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ
จากการบินสำรวจพบคราบน้ำมันกระจายตัวเป็นวงกว้าง ขนาดยาว 3 กม. และกว้าง 1 กม.ครอบคลุมพื้นที่บริเวณจุดที่น้ำมันรั่วไหล
ในขณะเดียวกันศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กรมคุมมลพิษ ให้รับทราบและเตรียมการในส่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ รวมทั้งได้จัดเรือหลวงแสมสาร ซึ่งมีความพร้อมในการขจัดคราบน้ำมัน ฉีดน้ำยาปริมาณ 2 ตัน โดยในวันแรกสามารถขจัดคราบน้ำมันได้ถึงร้อยละ 65
ต่อมาในวันที่ 28 ก.ค. ทุกหน่วยงานก็เร่งดำเนินการขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถขจัดคราบน้ำมันได้อีกร้อยละ 30 คงเหลือเพียงร้อยละ 5 จากปริมาณที่รั่วไหล
จากนั้นในวันที่29 ก.ค.ได้มีการตรวจพบคราบน้ำมันถูกซัดเข้าสู่ฝั่งบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทำให้นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ประกาศให้บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางทะเล โดยทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจัดกำลังพลจำนวน 200 นาย เข้าปฏิบัติภารกิจในการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด
พร้อมทั้งจัดเรือ กร.303 และ เรือ ต.225 เป็นเรือสนับสนุนในการจัดส่งกำลังพลเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยมี น.อ.ชำนาญ พวงเพชร ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นหัวหน้าชุดควบคุมการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ได้มีการสับเปลี่ยนกำลังพลจากนาวิกโยธิน เป็นหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จำนวน 200 นาย เพื่อไม่ให้กำลังพลเกิดความอ่อนล้าและมลพิษที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้เพิ่มกำลังพลเข้าร่วมในการขจัดคราบน้ำมันเพื่อฟื้นฟูให้เกาะเสม็ดกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด โดยจัดกำลังพลเพิ่มเป็น 300 นาย จากหน่วยต่าง ๆ ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งกองทัพเรือจะสนับสนุนกำลังพลเข้าปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์ต่างๆ บนอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=562176187174177&set=pcb.562177190507410&type=1&relevant_count=6&ref=nf
อย่ากระนั้นเลย
ดำเนินงานภายใต้ภาษีของประชาชนนะครับ
จาก FB วาสนา เช่นกัน
ใช้งบประมาณ ภาษีประชาชน หรอกเหรอ เนี่ย....
กลาโหม เผย ให้ ทร.เบิกงบฯขจัดคราบน้ำมัน จากคณะกรรมการการป้องกัน และขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันปี ๒๕๓๘ (กปน)
พันเอก ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกลาโหม กล่าวว่า เผยศูนย์ปฏิบัติการกลาโหม สั่งการตรง ทร.ระดมทหารช่วยขจัดคราบน้ำมัน เกาะเสม็ด จนกว่าจะเสร็จสิ้น
สำหรับการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ กองทัพเรือได้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการการป้องกัน และขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันปี ๒๕๓๘ (กปน.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีเหล่าทัพ เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นเลขานุการ/กรรมการ โดยจะรวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อส่งเบิกไปยังคณะกรรมการ ฯ ต่อไป
โดยความเห็นส่วนตัว PTT GC ได้ดำเนินงานตามขั้นตอนพื้นฐานครบหมดแล้ว แม้อาจจะไม่ได้ดั่งใจเราๆท่านๆก็ตาม และที่สำคัญ ยังอ่อนด้านประชาสัมพันธ์เหมือนเดิม การรายงานผลก็ทำได้แค่แปะลงหน้าเวป ซึ่งจะมีคนเข้าไปอ่านซักกี่คน
http://www.pttgcgroup.com/news.php?menu=press
รายงานล่าสุด
31 JULY 2013
ฉบับที่ 9 ความคืบหน้าเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร
ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เวลา 06.50 น. นั้น
บริษัท ฯ ขอรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าดังนี้
ดำเนินการจัดทีมลงพื้นที่เพื่อดูแลสถานการณ์และชี้แจงชุมชน บนเกาะเสม็ดและหาดต่างๆ โดยจะลงพื้นที่ทุกวัน นำทีมโดยพนักงานชุมชนสัมพันธ์ ของ PTTGC พร้อมพันธมิตรจาก กลุ่ม ปตท. เพื่อพบปะพูดคุย และให้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันของ PTTGC พร้อมทั้งเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อกังวลต่างๆ ของชุมชน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการในพื้นที่ และบุคคลทั่วไปโดยลงพบปะชุมชนตามจุดต่างๆ ตลอดทั้งเกาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประสานกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง ให้ทำการเก็บตัวอย่างปลาหรือสัตว์น้ำตามจุดต่างๆ รอบเกาะเสม็ด เพื่อส่งไปตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนด้วย
สำหรับกำลังคนที่ร่วมการปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมัน ในวันนี้ (31 กรกฎาคม 2556) บริษัทฯ ยังคงระดมทีมปฏิบัติงานรวมถึงจิตอาสาจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กองทัพเรือ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อาสาพิทักษ์สิ่งแวดล้อม พนักงานและจิตอาสา PTTGC , กลุ่ม ปตท. และกลุ่มอื่นๆ เป็นจำนวนรวมกว่า 700 คน โดยในส่วนของพนักงานจิตอาสาจะร่วมทำการลงพื้นที่ชายหาดเพื่อเก็บคราบน้ำมัน
การปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัทฯ ในวันนี้ (31 กรกฎาคม 2556) เก็บคราบน้ำมันในทะเล และชายหาดต่อเนื่อง ปูแผ่นซับคราบน้ำมันตามชายหาด นำขยะและน้ำมันที่เก็บได้ไปรวมที่พื้นที่กรมป่าไม้ เพื่อรอการขนย้ายกลับไปรอการบำบัดที่โรงกลั่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดขจัดคราบน้ำมันตามโขดหิน
ผลการปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัทฯ จนถึงปัจจุบัน คราบน้ำมันในทะเลหน้าอ่าวพร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สภาพโดยทั่วไปของชายหาดอ่าวพร้าวดีขึ้น สำหรับน้ำมันส่วนที่คลื่นซัดเข้ามาบริษัทฯ ก็จะทำการเก็บอย่างต่อเนื่องต่อไปจนกว่าจะหมด ในส่วนปฏิบัติการทางเรือ บริษัทฯ ยังคงทำการเฝ้าระวังและดำเนินกระบวนการสลายคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเรือของ PTTGC จำนวน 6 ลำ และเรือของพันธมิตรที่เข้าสนับสนุน ได้แก่ กรมเจ้าท่า 1 ลำ บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 รวมเป็นจำนวน 11 ลำ นอกจากนี้ ได้เพิ่มมาตรการป้องกันโดยมีการวางบูมกั้นคราบน้ำมันอีก 3 จุด
บริษัทฯ ยังได้เตรียมทำแผนฟื้นฟูทั้งระยะสั้นระยะยาว โดยจะเชิญผู้ชำนาญการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้คำปรึกษาด้วย
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ยังไม่มีการพูดถึง ตอนนี้ ทร. ออกไปก่อน แล้วอาจจะเก็บจาก PTT GC ทีเดียวเลยหรือปล่าว ต้องติดตามดูครับ
การทำเนินงานของกองทัพเรือ ต่อกรณีน้ำมันรั่วที่ระยอง
จาก FB วาสนา นาน่วมครับ
กู้ชีวิต อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด...
ทัพเรือเผย ปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ ผบ.ทร. สั่งระดมกำลังพลเร่งกู้ชีวิต ฟื้นฟูอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด พร้อมช่วยขจัดคราบน้ำมันจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
น.อ.วิพันธ์ ชมะโชติ รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันขนาด 16 นิ้ว ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด รั่วไหล ขณะขนถ่ายน้ำมัน บริเวณระยะห่าง 10 ไมล์ จากท่าเทียบเรือมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ท้องทะเลจำนวน 50 ตัน
ภายหลังเกิดเหตุบริษัท พีทีที ฯ ได้ประสานมายังทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งทันทีที่ได้รับแจ้ง พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ ลำเลียง แบบที่ 4 ขึ้นบินลาดตระเวน พร้อมทั้งสั่งการให้เรือหลวงบางปะกง และเรือ ต.82 เข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให้เรือที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ
จากการบินสำรวจพบคราบน้ำมันกระจายตัวเป็นวงกว้าง ขนาดยาว 3 กม. และกว้าง 1 กม.ครอบคลุมพื้นที่บริเวณจุดที่น้ำมันรั่วไหล
ในขณะเดียวกันศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กรมคุมมลพิษ ให้รับทราบและเตรียมการในส่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ รวมทั้งได้จัดเรือหลวงแสมสาร ซึ่งมีความพร้อมในการขจัดคราบน้ำมัน ฉีดน้ำยาปริมาณ 2 ตัน โดยในวันแรกสามารถขจัดคราบน้ำมันได้ถึงร้อยละ 65
ต่อมาในวันที่ 28 ก.ค. ทุกหน่วยงานก็เร่งดำเนินการขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถขจัดคราบน้ำมันได้อีกร้อยละ 30 คงเหลือเพียงร้อยละ 5 จากปริมาณที่รั่วไหล
จากนั้นในวันที่29 ก.ค.ได้มีการตรวจพบคราบน้ำมันถูกซัดเข้าสู่ฝั่งบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทำให้นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ประกาศให้บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางทะเล โดยทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจัดกำลังพลจำนวน 200 นาย เข้าปฏิบัติภารกิจในการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด
พร้อมทั้งจัดเรือ กร.303 และ เรือ ต.225 เป็นเรือสนับสนุนในการจัดส่งกำลังพลเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยมี น.อ.ชำนาญ พวงเพชร ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นหัวหน้าชุดควบคุมการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ได้มีการสับเปลี่ยนกำลังพลจากนาวิกโยธิน เป็นหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จำนวน 200 นาย เพื่อไม่ให้กำลังพลเกิดความอ่อนล้าและมลพิษที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้เพิ่มกำลังพลเข้าร่วมในการขจัดคราบน้ำมันเพื่อฟื้นฟูให้เกาะเสม็ดกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด โดยจัดกำลังพลเพิ่มเป็น 300 นาย จากหน่วยต่าง ๆ ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งกองทัพเรือจะสนับสนุนกำลังพลเข้าปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์ต่างๆ บนอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=562176187174177&set=pcb.562177190507410&type=1&relevant_count=6&ref=nf
อย่ากระนั้นเลย ดำเนินงานภายใต้ภาษีของประชาชนนะครับ
จาก FB วาสนา เช่นกัน
ใช้งบประมาณ ภาษีประชาชน หรอกเหรอ เนี่ย....
กลาโหม เผย ให้ ทร.เบิกงบฯขจัดคราบน้ำมัน จากคณะกรรมการการป้องกัน และขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันปี ๒๕๓๘ (กปน)
พันเอก ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกลาโหม กล่าวว่า เผยศูนย์ปฏิบัติการกลาโหม สั่งการตรง ทร.ระดมทหารช่วยขจัดคราบน้ำมัน เกาะเสม็ด จนกว่าจะเสร็จสิ้น
สำหรับการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ กองทัพเรือได้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการการป้องกัน และขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันปี ๒๕๓๘ (กปน.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีเหล่าทัพ เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นเลขานุการ/กรรมการ โดยจะรวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อส่งเบิกไปยังคณะกรรมการ ฯ ต่อไป
โดยความเห็นส่วนตัว PTT GC ได้ดำเนินงานตามขั้นตอนพื้นฐานครบหมดแล้ว แม้อาจจะไม่ได้ดั่งใจเราๆท่านๆก็ตาม และที่สำคัญ ยังอ่อนด้านประชาสัมพันธ์เหมือนเดิม การรายงานผลก็ทำได้แค่แปะลงหน้าเวป ซึ่งจะมีคนเข้าไปอ่านซักกี่คน
http://www.pttgcgroup.com/news.php?menu=press
รายงานล่าสุด
31 JULY 2013
ฉบับที่ 9 ความคืบหน้าเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร
ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เวลา 06.50 น. นั้น
บริษัท ฯ ขอรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าดังนี้
ดำเนินการจัดทีมลงพื้นที่เพื่อดูแลสถานการณ์และชี้แจงชุมชน บนเกาะเสม็ดและหาดต่างๆ โดยจะลงพื้นที่ทุกวัน นำทีมโดยพนักงานชุมชนสัมพันธ์ ของ PTTGC พร้อมพันธมิตรจาก กลุ่ม ปตท. เพื่อพบปะพูดคุย และให้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันของ PTTGC พร้อมทั้งเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อกังวลต่างๆ ของชุมชน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการในพื้นที่ และบุคคลทั่วไปโดยลงพบปะชุมชนตามจุดต่างๆ ตลอดทั้งเกาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประสานกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง ให้ทำการเก็บตัวอย่างปลาหรือสัตว์น้ำตามจุดต่างๆ รอบเกาะเสม็ด เพื่อส่งไปตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนด้วย
สำหรับกำลังคนที่ร่วมการปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมัน ในวันนี้ (31 กรกฎาคม 2556) บริษัทฯ ยังคงระดมทีมปฏิบัติงานรวมถึงจิตอาสาจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กองทัพเรือ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อาสาพิทักษ์สิ่งแวดล้อม พนักงานและจิตอาสา PTTGC , กลุ่ม ปตท. และกลุ่มอื่นๆ เป็นจำนวนรวมกว่า 700 คน โดยในส่วนของพนักงานจิตอาสาจะร่วมทำการลงพื้นที่ชายหาดเพื่อเก็บคราบน้ำมัน
การปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัทฯ ในวันนี้ (31 กรกฎาคม 2556) เก็บคราบน้ำมันในทะเล และชายหาดต่อเนื่อง ปูแผ่นซับคราบน้ำมันตามชายหาด นำขยะและน้ำมันที่เก็บได้ไปรวมที่พื้นที่กรมป่าไม้ เพื่อรอการขนย้ายกลับไปรอการบำบัดที่โรงกลั่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดขจัดคราบน้ำมันตามโขดหิน
ผลการปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัทฯ จนถึงปัจจุบัน คราบน้ำมันในทะเลหน้าอ่าวพร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สภาพโดยทั่วไปของชายหาดอ่าวพร้าวดีขึ้น สำหรับน้ำมันส่วนที่คลื่นซัดเข้ามาบริษัทฯ ก็จะทำการเก็บอย่างต่อเนื่องต่อไปจนกว่าจะหมด ในส่วนปฏิบัติการทางเรือ บริษัทฯ ยังคงทำการเฝ้าระวังและดำเนินกระบวนการสลายคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเรือของ PTTGC จำนวน 6 ลำ และเรือของพันธมิตรที่เข้าสนับสนุน ได้แก่ กรมเจ้าท่า 1 ลำ บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 รวมเป็นจำนวน 11 ลำ นอกจากนี้ ได้เพิ่มมาตรการป้องกันโดยมีการวางบูมกั้นคราบน้ำมันอีก 3 จุด
บริษัทฯ ยังได้เตรียมทำแผนฟื้นฟูทั้งระยะสั้นระยะยาว โดยจะเชิญผู้ชำนาญการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้คำปรึกษาด้วย
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ยังไม่มีการพูดถึง ตอนนี้ ทร. ออกไปก่อน แล้วอาจจะเก็บจาก PTT GC ทีเดียวเลยหรือปล่าว ต้องติดตามดูครับ